สวัสดีพี่น้องพันทิปทุกคนค่ะ โดยปกติเราจะสิงตามห้องแป้ง แวะมาสีสมบ้างสมัยเริ่มหางานใหม่ๆ
วันนี้เราได้ตัดสินใจทำสิ่งที่บางคนอาจบอกว่าโง่ อินดี้
คือเราตัดสินใจบอกเจ้านายว่าจะลาออกค่ะ
ลาออกทั้งๆที่ไม่มีปัญหาอะไร
อันที่จริงชีวิตเรามันดู งงๆตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย เราเลือกเรียนคณะวิทยาศาสตร์ในมหาลัยแถวๆบางเขน
มีชีวิตกิจกรรมสนุกสนาน เกรดลุ่มๆดอนๆ แต่รู้สึกชอบวิชาภาษาอังกฤษนะ เวลาแปลเปอร์นี่รู้สึกสนุก
และเราก็จบตามกำหนดค่ะ จนมาถึงเวลาหางาน แท่นแท้นนนน
เราดั้น ไม่สมัครทำงานตามสาย เพราะรู้สึกเฉยๆกับการทำแล็บ เลยลองเบนมาที่สายธุรการ
งานแรกของเราเลยจบลงที่งานผู้ช่วยเลขานุการกรรมการผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยว โรงแรม และเดินทาง
ตรงนี้ได้ฝึกงานที่เกี่ยวของกับ ออฟฟิศ การจัดการ ภาษา และอื่นๆ เพราะต้องลงใต้ไปบ่อยๆเพื่อช่วยงานเจ้านาย
ถามว่าชอบหรือเปล่า ไม่เลวค่ะ เงินเดือนใช้ได้ อาหารฟรีสองมื้อ ตอนเที่ยงได้เดินตลาดนัด เย็นไปหลั่นล้ากับเพื่อนในออฟฟิศ
จะเบื่อนิดหน่อย เพราะรู้สึกว่าการตามงาน บันทึกการประชุมไม่ค่อยใช่เท่าไหร่ เราไม่ได้ออกมีปุปปับนะคะ เราทำปีนึงค่ะถึงรู้ตัวเอง
ว่าเฉยๆมาก รู้สึกเหมือนเราไม่ได้ทำงาน คือเราเป็นเลขา แต่เราไม่มีผลงานแบบอยู่ในแผนกนะคะ แบบมีเพื่อนอยู่การตลาด เห็นเค้าคิดงานก็อยากทำงานแบบนั้นบ้าง ฝึกทักษะให้ลึกๆ
เลยบอกหัวหน้าและเจ้านายเพื่อลาออกค่ะ และเบนเข็มมาที่บริษัทที่อยู่ตรงข้ามหอ เจ้านายเป็นชาวต่างชาติ
เพราะเราอยากฝึกภาษา เงินเดือนเพิ่มจากเดือนเท่านึงค่ะ
งานที่สองเลยเป็นงานประสานงาน : จับฉ่ายตั้งแต่ บัญชีพื้นฐาน (เจ้านายจ้างบ.ตรวจสอบบัญชี ) ประสานงานเซลล์ จัดซื้อทุกสิ่ง เขียนบทความเพื่อลงคอนเทนต์ ทำSEO เป็นล่าม เป็นนักแปล
คราวนี้ละค่ะได้ทำงานสมใจ คือตอนสัมภาษณ์เจ้านายเค้าสัมภาษณ์ว่าทำอะไรได้บ้าง ผลก็คือเราได้ทำทุกอย่างที่เราทำได้ มันส์ดีค่ะ เค้าให้โอกาสเราคิด ช่วยหาทางแก้ไขเวลาเราตัน ดีมากๆ แต่งานเราต้องเป๊ะนะ แต่งตัวยังไงก็ได้ ได้ฝึกหลายอย่างเพิ่ม แต่หนึ่งในนั้น
คืองานแปล และงานเขียนค่ะ เราทำๆไปก็รู้สึกตกหลุมรักมันค่ะ จนลองเปิดเพจในเฟส แล้วเอาประกาศไปแปะในมหาวิทยาลัยที่เคยเรียน
ตอนแรกเราอยากแค่ให้มันเป็นอาชีพเสริมเพื่อเก็บเงินค่ะ
หนึ่งเดือนผ่านไป มีคนติดต่อมาค่ะ เป็นเปเปอร์วิชาการทุกอัน สายวิทย์ด้วย ถนัดเลยหุหุ
แล้วพอตอนส่งงาน แล้วลูกค้าที่เค้าจ่ายเงินจ้างเรา เค้าขอบคุณเรา แล้วชอบงานของเรา หัวใจพองฟูมาก ไม่ได้รู้สึกแบบนี้นานมาก
เหมือนเราทำตัวเป็นหุ่นยนต์ตั้งแต่ที่เรียนจบ ทำงาน เก็บเงิน ไม่มีเป้าหมาย เราคิดไตร่ตรองสองวัน เลยตัดสินใจลาออก จากงานที่สองหลัง
จากทำมาห้าเดือน เจ้านายงงมากค่ะ เพราะนั่งทำงานโต๊ะเดียวกันกับ สองบอส เล่นหัวกันเป็นปกติ แลกภาษากันบ้างไรบ้าง
เราก็เลยบอกไปตรงๆ ว่าจะออกสิ้นเดือนนี้ หรือจนกว่าเค้าจะหาคนมาแทนได้ค่ะ สุดท้ายตกลงกันที่เค้าขอให้เรายังคงงานเขียนคอนเทนต์ให้เว็บอยู่ โดยทำงานออนไลน์ เพราะเราบอกเค้าว่าอยากเรียนเพิ่มความรู้ด้วยค่ะ เพราะเค้าขอไว้ว่าอย่าตัดขาดกันเลย เพราะงานเขียนก็เป็นสิ่งที่เราชอบ งั้นเราก็ทำงานเขียนต่อแล้วกัน เลยจบดีหน่อย ส่วนเรื่องความต่อเนื่องของงานไม่มีปัญหา เพราะทุกอย่าง ทุกข้อมูลออนไลน์ค่ะ คนมาใหม่เริ่มงานได้ทันทีไม่ยาก
สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณเพื่อนๆที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ เราตัดสินใจทำในสิ่งที่เรามีความสุขและมีคุณค่า มันเพิ่มความเคารพตัวเองของเราขึ้นมามากเลยค่ะ ถึงแม่เราจะไม่รู้อนาคตว่าจเป็นอะไร แต่เราก็จะพยายามทำมันให้เป็นอาชีพของเราให้ได้
และเราขอเป็นกำลังใจกับชาวออฟฟิศผู้ซึ่งค้นหาความฝันของตนเองต่อไปนะคะ
ตัดสินใจลาออก เพื่อมาทำงานแปลเต็มตัว
วันนี้เราได้ตัดสินใจทำสิ่งที่บางคนอาจบอกว่าโง่ อินดี้
คือเราตัดสินใจบอกเจ้านายว่าจะลาออกค่ะ
ลาออกทั้งๆที่ไม่มีปัญหาอะไร
อันที่จริงชีวิตเรามันดู งงๆตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย เราเลือกเรียนคณะวิทยาศาสตร์ในมหาลัยแถวๆบางเขน
มีชีวิตกิจกรรมสนุกสนาน เกรดลุ่มๆดอนๆ แต่รู้สึกชอบวิชาภาษาอังกฤษนะ เวลาแปลเปอร์นี่รู้สึกสนุก
และเราก็จบตามกำหนดค่ะ จนมาถึงเวลาหางาน แท่นแท้นนนน
เราดั้น ไม่สมัครทำงานตามสาย เพราะรู้สึกเฉยๆกับการทำแล็บ เลยลองเบนมาที่สายธุรการ
งานแรกของเราเลยจบลงที่งานผู้ช่วยเลขานุการกรรมการผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยว โรงแรม และเดินทาง
ตรงนี้ได้ฝึกงานที่เกี่ยวของกับ ออฟฟิศ การจัดการ ภาษา และอื่นๆ เพราะต้องลงใต้ไปบ่อยๆเพื่อช่วยงานเจ้านาย
ถามว่าชอบหรือเปล่า ไม่เลวค่ะ เงินเดือนใช้ได้ อาหารฟรีสองมื้อ ตอนเที่ยงได้เดินตลาดนัด เย็นไปหลั่นล้ากับเพื่อนในออฟฟิศ
จะเบื่อนิดหน่อย เพราะรู้สึกว่าการตามงาน บันทึกการประชุมไม่ค่อยใช่เท่าไหร่ เราไม่ได้ออกมีปุปปับนะคะ เราทำปีนึงค่ะถึงรู้ตัวเอง
ว่าเฉยๆมาก รู้สึกเหมือนเราไม่ได้ทำงาน คือเราเป็นเลขา แต่เราไม่มีผลงานแบบอยู่ในแผนกนะคะ แบบมีเพื่อนอยู่การตลาด เห็นเค้าคิดงานก็อยากทำงานแบบนั้นบ้าง ฝึกทักษะให้ลึกๆ
เลยบอกหัวหน้าและเจ้านายเพื่อลาออกค่ะ และเบนเข็มมาที่บริษัทที่อยู่ตรงข้ามหอ เจ้านายเป็นชาวต่างชาติ
เพราะเราอยากฝึกภาษา เงินเดือนเพิ่มจากเดือนเท่านึงค่ะ
งานที่สองเลยเป็นงานประสานงาน : จับฉ่ายตั้งแต่ บัญชีพื้นฐาน (เจ้านายจ้างบ.ตรวจสอบบัญชี ) ประสานงานเซลล์ จัดซื้อทุกสิ่ง เขียนบทความเพื่อลงคอนเทนต์ ทำSEO เป็นล่าม เป็นนักแปล
คราวนี้ละค่ะได้ทำงานสมใจ คือตอนสัมภาษณ์เจ้านายเค้าสัมภาษณ์ว่าทำอะไรได้บ้าง ผลก็คือเราได้ทำทุกอย่างที่เราทำได้ มันส์ดีค่ะ เค้าให้โอกาสเราคิด ช่วยหาทางแก้ไขเวลาเราตัน ดีมากๆ แต่งานเราต้องเป๊ะนะ แต่งตัวยังไงก็ได้ ได้ฝึกหลายอย่างเพิ่ม แต่หนึ่งในนั้น
คืองานแปล และงานเขียนค่ะ เราทำๆไปก็รู้สึกตกหลุมรักมันค่ะ จนลองเปิดเพจในเฟส แล้วเอาประกาศไปแปะในมหาวิทยาลัยที่เคยเรียน
ตอนแรกเราอยากแค่ให้มันเป็นอาชีพเสริมเพื่อเก็บเงินค่ะ
หนึ่งเดือนผ่านไป มีคนติดต่อมาค่ะ เป็นเปเปอร์วิชาการทุกอัน สายวิทย์ด้วย ถนัดเลยหุหุ
แล้วพอตอนส่งงาน แล้วลูกค้าที่เค้าจ่ายเงินจ้างเรา เค้าขอบคุณเรา แล้วชอบงานของเรา หัวใจพองฟูมาก ไม่ได้รู้สึกแบบนี้นานมาก
เหมือนเราทำตัวเป็นหุ่นยนต์ตั้งแต่ที่เรียนจบ ทำงาน เก็บเงิน ไม่มีเป้าหมาย เราคิดไตร่ตรองสองวัน เลยตัดสินใจลาออก จากงานที่สองหลัง
จากทำมาห้าเดือน เจ้านายงงมากค่ะ เพราะนั่งทำงานโต๊ะเดียวกันกับ สองบอส เล่นหัวกันเป็นปกติ แลกภาษากันบ้างไรบ้าง
เราก็เลยบอกไปตรงๆ ว่าจะออกสิ้นเดือนนี้ หรือจนกว่าเค้าจะหาคนมาแทนได้ค่ะ สุดท้ายตกลงกันที่เค้าขอให้เรายังคงงานเขียนคอนเทนต์ให้เว็บอยู่ โดยทำงานออนไลน์ เพราะเราบอกเค้าว่าอยากเรียนเพิ่มความรู้ด้วยค่ะ เพราะเค้าขอไว้ว่าอย่าตัดขาดกันเลย เพราะงานเขียนก็เป็นสิ่งที่เราชอบ งั้นเราก็ทำงานเขียนต่อแล้วกัน เลยจบดีหน่อย ส่วนเรื่องความต่อเนื่องของงานไม่มีปัญหา เพราะทุกอย่าง ทุกข้อมูลออนไลน์ค่ะ คนมาใหม่เริ่มงานได้ทันทีไม่ยาก
สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณเพื่อนๆที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ เราตัดสินใจทำในสิ่งที่เรามีความสุขและมีคุณค่า มันเพิ่มความเคารพตัวเองของเราขึ้นมามากเลยค่ะ ถึงแม่เราจะไม่รู้อนาคตว่าจเป็นอะไร แต่เราก็จะพยายามทำมันให้เป็นอาชีพของเราให้ได้
และเราขอเป็นกำลังใจกับชาวออฟฟิศผู้ซึ่งค้นหาความฝันของตนเองต่อไปนะคะ