คนไทยเชื่อว่า นรกสวรรค์มีจริงมาประมาณ 2,000 ปี หลักฐานมีเต็มไปหมดรอบตัวเรา
ปลายรัชกาลที่ 3 ฝรั่งได้พาวิทยาศาสตร์แบบนิวตันเข้ามาในประเทศ
คนไทยศาสนาพุทธของเราเองไปหลงเชื่อวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์เก่า หรือ ฟิสิกส์นิวตัน
เชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า
ผู้ที่เชื่อวิทยาศาสตร์เต็มที่ไม่เชื่อสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ซึ่งนรก-สวรรค์ก็เป็นหนึ่งในนั้น
แต่
ประเด็นก็คือ สิ่งที่หลงเชื่อ (วิทยาศาสตร์เก่า หรือ ฟิสิกส์นิวตัน) นั้นมันไม่จริงขึ้นมาแล้ว
ปัจจุบัน วิทยาศาสตร์ใหม่ ซึ่งได้แก่ทฤษฎีสัมพัทธภาพและควอนตัมฟิสิกส์ ได้ลบล้างความจริงของฟิสิกส์นิวตันลงไปเกือบหมด ฟิสิกส์นิวตันกลายเป็นความจริงในเงื่อนไขแคบๆเท่านั้น
วิทยาศาสตร์เก่า : ฟิสิกส์นิวตัน
นักวิทยาศาสตร์ร่วมยุคมีหลายคน เช่น เดสการ์ตส นิวตัน
เวลาคงที่ เท่ากันสำหรับทุกคน
ปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ ไม่ขึ้นกับผู้ทดลอง จะได้ผลเหมือนกันหมดไม่ว่าผู้ทดลองเป็นใคร (Objective)
วิทยาศาสตร์ใหม่ : ทฤษฎีสัมพัทธภาพและควอนตัมฟิสิกส์
นักวิทยาศาสตร์ร่วมยุคมีหลายคน เช่น ไอน์สไตน์ นีล โบห์ ไฮเซนเบอร์ก ริชาร์ด ฟายน์แมน
กาลอวกาศ (space-time) โค้ง เวลาไม่คงที่ (การคำนวณหลายอย่างต้องใช้ทฤษฎีสัมพัทธภาพ เช่น การคำนวณหาค่าพิกัด GPS จากดาวเทียม)
สสารมืดและหลุมดำแม้มองไม่เห็นแต่มีอยู่
จักรวาลมีเป็นอนันต์ (Multiverse) และอนุภาคควอนตัมแต่ละอัน ก็มีปฏิอนุภาค เช่น มีอิเล็คตรอน ก็มีปฏิอิเล็คตรอน ซึ่งเคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้ามในระยะเวลาทันที แม้จะมีระยะห่างไกลมาก จนแม้แต่แสงก็เดินทางไม่ทัน แต่ก็สื่อสารกันได้ว่าต้องเคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้าม
มีข้อสรุปทำนองว่า วัตถุ หรือ โมเลกุล มีจิตวิญญาณ
และจิตใจของผู้สังเกตการณ์มีผลกับเหตุการณ์
ตัวอย่างสนับสนุน เช่น พูดไพเราะกับน้ำ น้ำจะเรียงตัวกันโมเลกุลสวย แต่ถ้าพูดด่าทอน้ำ น้ำจะโมเลกุลน่าเกลียดน่ากลัว
เปิดเพลงให้ต้นไม้ฟัง ต้นไม้โตเร็วกว่า
Double slit experiment ผลคือ ถ้าผู้สังเกตการณ์ตัดสินใจว่าแสงสามารถเป็นเม็ด แสงก็จะเป็นเม็ดในการทดลอง ถ้าผู้สังเกตการณ์ตัดสินใจว่าแสงสามารถเป็นคลื่น แสงก็จะเป็นคลื่นในการทดลอง และเราไม่สามารถทำนายล่วงหน้าได้ว่า แสงที่เป็นเม็ดจะออก slit ซ้ายหรือขวา หรือถ้าแสงเป็นคลื่น ก็ทำนายไม่ได้ว่าคลื่นจะออกมายังไง (ที่มา :
http://en.wikipedia.org/wiki/Double-slit_experiment )
จะเห็นได้ว่า วิทยาศาสตร์ใหม่ ซึ่งได้แก่ทฤษฎีสัมพัทธภาพและควอนตัมฟิสิกส์ ได้เอาชนะวิทยาศาสตร์เก่าของนิวตันลงไปแล้ว ที่ว่าจิตใจไม่มีผลกับการทดลองหรือเหตุการณ์ และสิ่งที่มีจริงคือสิ่งที่สัมผัสได้ทางประสาทสัมผัสทั้งห้าเท่านั้น เรียกได้ว่า วิทยาศาสตร์เขาโค่นกันเอง
เพราะฉะนั้น
ผู้ที่ตีความศาสนาพุทธให้เข้ากับวิทยาศาสตร์เก่าของนิวตัน ก็ควรจะเลิกตีความอย่างนั้นได้แล้ว
(ว่าต้องพิสูจน์ได้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์, ต้องสัมผัสได้ทางสัมผัสทั้ง 5, ศาสนาพุทธใช้การอ่านและเข้าใจไม่ต้องปฏิบัติธรรมก็บรรลุธรรมได้, นรกสวรรค์ไม่มีจริงเพราะพิสูจน์ไม่ได้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์, ฯลฯ)
คนไทยก็ควรจะกลับมาเชื่อนรกสวรรค์ใหม่ เพราะวิทยาศาสตร์เก่าที่หลงเชื่อคือหรือฟิสิกส์นิวตันนั้น ก็ถูกวิทยาศาสตร์ใหม่ หรือทฤษฎีสัมพัทธภาพและควอนตัมฟิสิกส์โค่นลงไปได้แล้ว โดยที่วิทยาศาสตร์ใหม่ หรือทฤษฎีสัมพัทธภาพและควอนตัมฟิสิกส์นั้นพิลึกพิลั่น ไม่น่าเชื่อกว่าเรื่องนรกสวรรค์เสียอีก
ชาวพุทธกันเองไม่ควรไปสอนว่า "นรกสวรรค์ไม่มี" ควรสอนว่า ในพระไตรปิฎกมีเขียนอย่างนี้ วิทยาศาสตร์เก่าเขาว่าอย่างนี้ ฟิสิกส์ใหม่เขาว่าอย่างนี้
แล้วปล่อยให้คนไทยเลือกที่จะเชื่อเองว่า "นรกสวรรค์มีหรือไม่มี" แต่ไม่ควรชี้นำผิดๆ กันอย่างทุกวันนี้
(ที่มา :
http://hellandheavenexists.blogspot.com และ
http://religionsciemce.blogspot.com )
นิวตัน และ ไอน์สไตน์ ไม่เคยพูดว่านรกสวรรค์ไม่มี
ปลายรัชกาลที่ 3 ฝรั่งได้พาวิทยาศาสตร์แบบนิวตันเข้ามาในประเทศ
คนไทยศาสนาพุทธของเราเองไปหลงเชื่อวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์เก่า หรือ ฟิสิกส์นิวตัน
เชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า
ผู้ที่เชื่อวิทยาศาสตร์เต็มที่ไม่เชื่อสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ซึ่งนรก-สวรรค์ก็เป็นหนึ่งในนั้น
แต่ประเด็นก็คือ สิ่งที่หลงเชื่อ (วิทยาศาสตร์เก่า หรือ ฟิสิกส์นิวตัน) นั้นมันไม่จริงขึ้นมาแล้ว
ปัจจุบัน วิทยาศาสตร์ใหม่ ซึ่งได้แก่ทฤษฎีสัมพัทธภาพและควอนตัมฟิสิกส์ ได้ลบล้างความจริงของฟิสิกส์นิวตันลงไปเกือบหมด ฟิสิกส์นิวตันกลายเป็นความจริงในเงื่อนไขแคบๆเท่านั้น
วิทยาศาสตร์เก่า : ฟิสิกส์นิวตัน
นักวิทยาศาสตร์ร่วมยุคมีหลายคน เช่น เดสการ์ตส นิวตัน
เวลาคงที่ เท่ากันสำหรับทุกคน
ปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ ไม่ขึ้นกับผู้ทดลอง จะได้ผลเหมือนกันหมดไม่ว่าผู้ทดลองเป็นใคร (Objective)
วิทยาศาสตร์ใหม่ : ทฤษฎีสัมพัทธภาพและควอนตัมฟิสิกส์
นักวิทยาศาสตร์ร่วมยุคมีหลายคน เช่น ไอน์สไตน์ นีล โบห์ ไฮเซนเบอร์ก ริชาร์ด ฟายน์แมน
กาลอวกาศ (space-time) โค้ง เวลาไม่คงที่ (การคำนวณหลายอย่างต้องใช้ทฤษฎีสัมพัทธภาพ เช่น การคำนวณหาค่าพิกัด GPS จากดาวเทียม)
สสารมืดและหลุมดำแม้มองไม่เห็นแต่มีอยู่
จักรวาลมีเป็นอนันต์ (Multiverse) และอนุภาคควอนตัมแต่ละอัน ก็มีปฏิอนุภาค เช่น มีอิเล็คตรอน ก็มีปฏิอิเล็คตรอน ซึ่งเคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้ามในระยะเวลาทันที แม้จะมีระยะห่างไกลมาก จนแม้แต่แสงก็เดินทางไม่ทัน แต่ก็สื่อสารกันได้ว่าต้องเคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้าม
มีข้อสรุปทำนองว่า วัตถุ หรือ โมเลกุล มีจิตวิญญาณ
และจิตใจของผู้สังเกตการณ์มีผลกับเหตุการณ์
ตัวอย่างสนับสนุน เช่น พูดไพเราะกับน้ำ น้ำจะเรียงตัวกันโมเลกุลสวย แต่ถ้าพูดด่าทอน้ำ น้ำจะโมเลกุลน่าเกลียดน่ากลัว
เปิดเพลงให้ต้นไม้ฟัง ต้นไม้โตเร็วกว่า
Double slit experiment ผลคือ ถ้าผู้สังเกตการณ์ตัดสินใจว่าแสงสามารถเป็นเม็ด แสงก็จะเป็นเม็ดในการทดลอง ถ้าผู้สังเกตการณ์ตัดสินใจว่าแสงสามารถเป็นคลื่น แสงก็จะเป็นคลื่นในการทดลอง และเราไม่สามารถทำนายล่วงหน้าได้ว่า แสงที่เป็นเม็ดจะออก slit ซ้ายหรือขวา หรือถ้าแสงเป็นคลื่น ก็ทำนายไม่ได้ว่าคลื่นจะออกมายังไง (ที่มา : http://en.wikipedia.org/wiki/Double-slit_experiment )
จะเห็นได้ว่า วิทยาศาสตร์ใหม่ ซึ่งได้แก่ทฤษฎีสัมพัทธภาพและควอนตัมฟิสิกส์ ได้เอาชนะวิทยาศาสตร์เก่าของนิวตันลงไปแล้ว ที่ว่าจิตใจไม่มีผลกับการทดลองหรือเหตุการณ์ และสิ่งที่มีจริงคือสิ่งที่สัมผัสได้ทางประสาทสัมผัสทั้งห้าเท่านั้น เรียกได้ว่า วิทยาศาสตร์เขาโค่นกันเอง
เพราะฉะนั้น ผู้ที่ตีความศาสนาพุทธให้เข้ากับวิทยาศาสตร์เก่าของนิวตัน ก็ควรจะเลิกตีความอย่างนั้นได้แล้ว
(ว่าต้องพิสูจน์ได้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์, ต้องสัมผัสได้ทางสัมผัสทั้ง 5, ศาสนาพุทธใช้การอ่านและเข้าใจไม่ต้องปฏิบัติธรรมก็บรรลุธรรมได้, นรกสวรรค์ไม่มีจริงเพราะพิสูจน์ไม่ได้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์, ฯลฯ)
คนไทยก็ควรจะกลับมาเชื่อนรกสวรรค์ใหม่ เพราะวิทยาศาสตร์เก่าที่หลงเชื่อคือหรือฟิสิกส์นิวตันนั้น ก็ถูกวิทยาศาสตร์ใหม่ หรือทฤษฎีสัมพัทธภาพและควอนตัมฟิสิกส์โค่นลงไปได้แล้ว โดยที่วิทยาศาสตร์ใหม่ หรือทฤษฎีสัมพัทธภาพและควอนตัมฟิสิกส์นั้นพิลึกพิลั่น ไม่น่าเชื่อกว่าเรื่องนรกสวรรค์เสียอีก
ชาวพุทธกันเองไม่ควรไปสอนว่า "นรกสวรรค์ไม่มี" ควรสอนว่า ในพระไตรปิฎกมีเขียนอย่างนี้ วิทยาศาสตร์เก่าเขาว่าอย่างนี้ ฟิสิกส์ใหม่เขาว่าอย่างนี้
แล้วปล่อยให้คนไทยเลือกที่จะเชื่อเองว่า "นรกสวรรค์มีหรือไม่มี" แต่ไม่ควรชี้นำผิดๆ กันอย่างทุกวันนี้
(ที่มา : http://hellandheavenexists.blogspot.com และ http://religionsciemce.blogspot.com )