ตอนนี้ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ เป็นเรื่องยาวมหากาพย์ที่เริ่มตั้งแต่ตอนตัดสินใจซื้อบ้านที่ขอนแก่น จริง ๆ เป็นคนกรุงเทพฯ มีแพลนย้ายมาอยู่ขอนแก่นประมาณสามปีที่แล้ว และคาดว่าจะอยู่อีกนาน จึงไม่อยากเช่าหออยู่อีก สรุป มาดูโครงการของพิมาน ตัดสินใจจองและซื้อ ราคารวมประมาณ 2 ล้านกลาง ๆ ดาวน์ 6 เดือน 10% เซ็นต์สัญญาปลายเดือนมกราคม 2556 ตอนนั้นเซลล์ A บอกว่า น่าจะเสร็จเดือนมิถุนายนนี่แหละ ตามสัญญาระบุ 30 สิงหาคม 2556 เราก็เห็นว่าเร็วดี ตอนนี้ขึ้นเสาเข็มแล้ว เลยตัดสินใจเอาที่นี่แหละ เพราะที่อื่นเค้าบอกเสร็จปลายปีกันหมด ทีนี้ถึงเวลารอ...
เวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือน มีการนัดตกลง เราก็ขอเปลี่ยนอะไรนิดหน่อย เพิ่มปลั๊กไฟ ติดพัดลมดูดอากาศห้องน้ำ เปลี่ยนแบบหน้าต่าง อะไรก็ว่าไป ตกลงกันโอเค ต้องจ่ายเพิ่มนิดหน่อย
เลยเวลามาเดือน มิ.ย. ยังไม่มีทีท่าว่าเสร็จ เรากับแฟนเข้ามาดูบ้านเองบ่อย ๆ สอบถามเซลล์ B ซึ่งเป็นน้องที่รับหน้าที่ดูแลบ้านเรา เป็นตัวกลางให้ บอกว่าจะถามผู้รับเหมาให้ เราต้องการเวลาที่แน่นอน จะได้คำนวณเวลาย้ายหอ เพราะค่าหอก็ตกเดือนละตั้ง 5000 กว่าบาท และติดแอร์ซื้อเฟอร์เข้าบ้าน ผู้รับเหมาก็โทรมาบอกว่าเสร็จปลายกรกฎาคม ก็ทำใจละ
ต่อมามีงบให้ไปเลือกกระเบื้อง 20000 กว่าบาท เราก็เลือกที่เหลือจ่ายเพิ่มเอง ปูไปได้ประมาณสองสัปดาห์ เซลล์ B โทรมาบอกว่าขาดไปลายแรกประมาณ 3 กล่อง อีก 2 ลายอย่างละแผ่น ให้ซื้อเข้าไปให้ ก็ซื้อเข้าไปให้ ขนเองเพราะไม่อยากเสียค่าส่ง ขนขึ้นรถเก๋ง ต่อมา บอกว่ากระเบื้องที่เอาไปส่งให้มีแตก ให้ไปซื้อมาเพิ่มให้อีกที (2ลาย) เริ่มเซ็ง ทีนี้ซื้อไปให้อีกรอบ ตรวจกับเซลล์อีกคนนึงว่าไม่แตกชัวร์ แกะกล่องกันตรงนั้นเลย แล้วเราก็เข้าไปดูงานปรากฏว่า ห้องน้ำที่ให้เปลี่ยนจากหน้าต่างเป็นพัดลมดูดอากาศกลายเป็นทำหน้าต่างให้ซะงั้น และกระเบื้องหลังบ้านก็ยังไม่เสร็จดี
สอบถามเซลล์ไปก็บอกว่าจะแก้งานให้ เริ่มเซ็งอีกว่าบ้านคงเสร็จช้าเข้าไปอีก ทีนี้ผ่านไปอีกหลายวันเซลล์ A บอกว่าให้เข้าไปดูงานเพราะ กระเบื้องหลังบ้านลายมันปูยาก ทำให้ปูเสียไปเยอะ อยากให้ซื้อกระเบื้องมาให้อีก และตรงห้องน้ำที่ให้แก้งาน กระเบื้องก็ไม่พอ -_-""" เราก็เริ่มปรี๊ดละ (คือ ถ้าคุณทำถูกตั้งแต่แรกแล้วกระเบื้องมันจะขาดมั้ย???) คุยกันไม่รู้เรื่องยืนยันว่าให้เข้าไปดู เราเลยโทรไปคุยกับเซลล์ A (เป็นหัวหน้าของ B อีกที) บอกเราว่าเดี๋ยวติดต่อกลับ พอติดต่อกลับมาบอกว่าตรงหน้าต่างที่ทำผิดจะแก้ให้ แต่ตรงหลังบ้านต้องซื้อมาใหม่ เรายืนยันไม่ซื้อเพราะช่างทำเสียไม่ใช่ความผิดลูกค้า และไม่อยากเสียเวลาไปซื้อและขนไปอีกแล้ว ทางเซลล์เลยจำใจรับผิดชอบให้
ผ่านมากลางเดือนสิงหาคม เงียบ...เราเริ่มเหนื่อยที่จะคุย เลยให้แฟนโทรหาเซลล์ B ว่าเป็นยังไงบ้าง เซลล์บอกว่าให้เอาเอกสารหลักฐานไปให้หน่อย จะยื่นมิเตอร์น้ำไฟ (คิดในใจ นี่ถ้าไม่โทรไปคงไม่โทรมาบอก) และบอกอีกว่ายื่นกู้แบงค์รึยัง ทีนี้เราก็เริ่มงงว่า สรุปบ้านจะเสร็จเมื่อไหร่ เพราะเราจะยื่นก่อนเสร็จสมบูรณ์สองอาทิตย์ เพราะยังไงก็ต้องมีแก้กันอีก ดูท่ายังไงก็แก้ให้เสร็จไม่ทัน 30 สิงหาตามสัญญาแน่ ๆ หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ก่อนกำหนดครบสัญญา สอบถามไปบอกว่าเสร็จทัน เรางงๆ ว่าจะไม่ให้ไปดูเพื่อทำงานแก้อะไรเลยหรอ
หลังจากนั้นช่วง ปลายสัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหา เราเกิดรถชน ต้องเอารถที่ชนไปซ่อม แต่เรามีรถอีกคันที่จอดทิ้งไว้อยู่ ไม่ได้ใช้ ในรถมีของเยอะมากกกก เพราะย้ายของจากหอออกมาใส่ไว้ ตอนแรกนึกว่าบ้านจะเสร็จ ทีนี้เลยต้องเอารถคันนี้ไปล้างไปซ่อม แต่ทำไงล่ะของเพียบเลยจะให้ขนขึ้นไปเก็บห้องก็แคบเกิน ไม่รู้วางตรงไหนดี มีสุนัขในห้องอีก กลัวมันจะกัดเอา เลยขอเซลล์ B ว่าอยากเอาของไปฝากไว้ในบ้าน ไว้ในห้องไหนก็ได้ ของไม่เยอะมากประมาณ 4 ลัง แต่เก็บไม่ค่อยเป็นระเบียบยัดๆใส่รถไว้ ไม่ได้แพ็คเป็นกล่องสวยงาม ไม่มีของมีค่า อยากฝากไว้ต้องเอารถไปซ่อม เซลล์ B บอกว่าไม่ได้ เซลล์ A บอกว่าได้แต่ห้องที่เก็บของไว้นั้นจะไม่มีการแก้งานให้ถ้าตรวจพบว่าต้องแก้ อาจจะเกิดความเสียหายระหว่างขนของได้ เราก็ไม่รู้ทำไง ก็เข้าใจว่ามันผิดกฎว่าต้องโอนบ้านก่อน แต่มันเกิดสุดวิสัย เราอยากขอความเห็นใจ บอกเซลล์ไปว่าเราเดือดร้อนเพราะคุณล่าช้า เซลล์บอกยังไงก็จ่ายค่าปรับตามสัญญา (ค่าปรับวันละ 129 -__-"" เยอะมากกกกก) แต่ไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไร เซ็ง ขี้เกียจเถียงละ แบกของกลับไปไว้ในห้องครึ่งนึง หมาน้อยก็อยู่แคบ ๆ กัดข้าวของพังไป ที่เหลือก้อยัดท้ายรถไว้ ทุกวันนี้รถท้ายรถของเต็ม หนักรถมาก
สรุป นัดดูบ้านครั้งแรก 7 กันยายน สภาพบ้านก็ต้องแก้กันเยอะ สีไม่เรียบร้อยหลายจุด ห้องน้ำติดราวตากผ้าเอียง ปลั๊กหลุด ดินถมไม่เรียบร้อย หญ้าตาย ขอบหน้าต่างเป็นรอย กำแพงหลังบ้านไม่เรียบร้อย มุ้งลวดในห้องน้ำหลุด ยาแนวกระเบื้องลอกบางจุด ซีเมนต์ปูลานจอดรถเป็นร่อง ทำความสะอาดไม่สะอาด สีรั้วรอบบ้านยังทาไม่เรียบ
ผ่านไป 1 สัปดาห์ นัดดูอีกรอบ แก้ไปบางส่วนยังไม่เสร็จ สีหลังบ้านยังไม่เรียบร้อยบางจุด ดินยังไม่ถม กำแพงรั้วสีไม่เรียบอ้างฝนตก (แล้วทำไมไม่ทาตั้งแต่เดือนก่อน ๆ ที่ฝนไม่มาก) อ้างคนสวนไม่ว่าง ให้รอ ถนนหน้าบ้านทรุด ยื่นใบรับมอบบ้านให้เซ็นต์ เราไม่ยอมเซ็นต์ มีการบอกว่าเห็นบอกว่าจะโอนวันศุกร์นี้ เรางงเลยไปนัดกับใครเมื่อไหร่
เรื่องแบงค์ยื่นไปตั้งแต่กลาง ๆ เดือนสิงหาคม พี่ที่แบงค์ดีมากขอชื่นชม (กรุงศรีฯเซนทรัล) เรายื่นเอกสารรับรองอาชีพฉบับย่อไปแนบด้วยตอนแรกพี่เค้าก้อนึกว่าใช้ได้ ผ่านไป 1 อาทิตย์บอกว่าแบงค์ใหญ่อยากได้ฉบับจริง แต่อนุมัติเบื้องต้นผ่านละตอนนั้นเราก็บอกว่ายังไงบ้านก็ยังไม่เสร็จ คงยังไม่นัดโอนเร็ว ๆ นี้ อยากให้รับมอบบ้านก่อรค่อยโอน แล้วฉบับจริงมันก็หายไปไหนไม่รู้ตั้งแต่ตอนเก็บห้องเตรียมย้ายหอ บอกแบงค์รอก่อน หลังจากนั้นประมาณ 7 วันเรามีสำเนาอยู่ที่เลขาที่ทำงานเลยมีเอาไปให้พี่เค้าได้ เรียบร้อยอนุมัติพร้อมโอน
หลังจากนั้น เซลล์ B บอกว่า สีกำแพงบ้านยังทาไม่ได้รอก่อนให้ฝนหมดได้มั้ยจะมาทาให้ ไอ้เราก็ไม่ค่อยพอใจ แต่ทำไงได้อยากเข้าบ้านละ เอาเถอะรับมอบบ้านไปก่อนก็ได้ ล่าสุดวันนี้นัดมาดูงานแก้ หญ้ารกบอกว่าเด๋วมีคนสวนมาตัดให้ (เมื่อไหร่?) สีหลังบ้านลอกพื้นที่ประมาณ 3 x 1 ฟุต เลยบอกให้แก้ให้หน่อย เซลล์ B ตอบกลับมาว่า "จะแก้อีกหรอคะ??" เอ้า ไม่แก้ให้แล้วให้ทำไง เป็นบ้านน้องน้องเอามั้ย สรุปวันนี้เซ็นต์ใบรับมอบบ้านให้เพราะเห็นว่าจะโอนอาทิตย์นี้แล้ว แต่ให้เขียนไว้ว่าเหลือแก้สีตรงนี้ และกำแพงรั้วบ้าน
เดินกลับไปที่สำนักงาน ไปเอาใบสรุปเงินที่ต้องโอน เราสอบถามเรื่องค่าปรับล่าช้า เซลล์ A บอกว่าไม่จ่ายให้ เรางงมาก ว่าทำไมไม่จ่าย เซลล์อ้างเหตุผลว่าข้างบนไม่อนุมัติ เพราะแบงค์เองก็พึ่งพร้อมโอน เหมือนโทษว่าเรายื่นแบงค์ช้า เอาหลักฐานไปให้แบงค์ช้า เรานั่งอธิบายไปว่าที่แบงค์เค้าไม่เร่งเนี่ยเป็นเพราะบ้านมันยังไม่เรียบร้อย เราบอกแบงค์เอง เอกสารอะไรเราก็ตามเอาไปให้ ยังไงก็ต้องรอเรารับมอบบ้านก่อน เถียงกันวนไปมา เซลล์บอกไม่อยากให้เสียความรู้สึกกับเค้าโดยไม่ต้องเอาเงินค่าปรับ เราบอกต่อไปว่าเงินแค่ไม่กี่พันดูไม่มีค่าอะไร แต่เราอยากให้มีคนรับผิดชอบกับสิ่งที่มันล่าช้ามาแบบนี้ สิ่งที่มันเกิดขึ้นต้องมาผิดใจกันที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจากอะไร เราถามเซลล์ A คุณเซลล์ตอบกลับมาว่า เป็นความผิดพลาดทางการสื่อสารกับรับเหมา กับลูกค้า เซลล์เป็นตัวกลางที่ไม่ดี สรุปเราขอเบอร์หัวหน้าที่สำนักงานใหญ่มา ขอเรียกว่าพี่ใหญ่
เราโทรไปหาพี่ใหญ่ เล่าเรื่องไปว่าเกิดอะไร พี่แกบอกว่าเด๋วคุยกับเซลล์ A B ก่อน รอถึง 16.30 ไม่โทรมา เราร้อนใจเลยโทรไปหาประมาณ 4 ครั้งถึงจะรับ คุยกันบอกว่าไม่จ่ายให้ ทีนี้เราอ้างสัญญาข้อ 11 เบี้ยปรับ
11.1 หากผู้จะขายไม่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างภายในกำหนดเวลา และผู้จะซื้อไม่ใช่สิทธิ์บอกเลิกสัญญา ผู้ขายจะยอมให้ผู้ซื้อดำเนินการดังนี้
11.1.1 ปรับผู้ขายเป็นรายวัน คิดเป็นเงินวันละ 129 บาท จนถึงวันที่พนักงานเจ้าหน้าที่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกินร้อยละ10ของราคาที่ดินสิ่งปลูกสร้าง
พอบอกงี้ พี่ใหญ่ก็อ้างว่าบ้านเสร็จตั้งแต่ 7 กันยาที่นัดดูบ้าน เราเถียงว่ายังไม่รับมอบ ยังไม่โอน ให้ยึดตามสัญญา
พี่ใหญ่บอกว่าให้แค่ 7 วัน คือ 7x129 บาท แล้วก็แบงค์ก็พึ่งอนุมัติไปเพราะรอเอกสารลูกค้าอยู่
เราบอกว่า อ่าว คือถ้าบ้านคุณเสร็จเรียบร้อยแล้วแบงค์กับลูกค้ายังไม่พร้อมจริง ๆ เราจะมีหน้ามาขอเรียกค่าปรับมั้ย? ที่แบงค์พึ่งอนุมัติจริงๆน่ะ เราบอกเองว่ายังไงก็ยังไม่นัดโอน ไม่ต้องรีบ ยังไงเบื้องต้นก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว เซลล์ก็ไม่บอกอะไรเลยว่าให้เตรียมโอน ตามสัญญาก็ระบุไว้ว่าให้แจ้งกำหนดก่อน 30 วัน นี่แฟนโทรไปหรอก ถึงได้รู้ว่าต้องยื่นแล้ว
พี่ใหญ่บอกว่าลูกค้าหลายคนก็ต้องรู้เองนะคะว่าต้องยื่นก่อนนานๆ ยังไงเราก็ไม่ให้ค่าปรับเป็นเดือนค่ะ เราต้องดูหลายอย่างไม่ใช่แค่สัญญาแล้วคุณลูกค้าจะยังไม่โอนก็ไม่เป็นไร เด๋วจะมีจดหมายไปตามอีกทีให้ไปโอน คุณลูกค้าจะทำอะไร
เราอึ้งมาก บอกไปว่า ถึงเราไม่ไปโอนคนเสียเปรียบก็เป็นเราที่ได้เข้าบ้านช้า เสียความรู้สึกมากถึงตอนนี้ เหนื่อยมากรู้สึกโดนเอาเปรียบ
สรุป ยังไงคงไม่ได้ค่าปรับใด ๆ ค่ะ
อยากถ่ายทอดสิ่งที่ตัวเองโดนมากับโครงการนี้ค่ะ ยังมีอีกที่เป็นความสับสนระหว่างการคุย การไม่แจ้งลูกค้าล่วงหน้า และอื่น ๆ ไม่เป็นไปตามคำพูด แรกๆอยากขายบอกเสร็จเร็วกว่ากำหนด เอาเข้าจริงช้า ยึดตามสัญญาก็ไม่ได้อะไร อ้างว่าเสร็จตั้งแต่นัดตรวจครั้งแรก 100% แบบนี้ทำอะไรส่ง ๆ มาครั้งแรกก็ได้ สำหรับเรามันไม่เสร็จค่ะ แก้กันอีกเป็นเดือนกว่าจะรับมอบ ก็ยึดเอาวันแรกกันหรอคะ ตอนแรกที่เราถามไป ก็กลายเป็นตอบส่ง ๆ ไปว่าจะจ่ายค่าปรับให้ มาวันนี้ตีหน้างง บอกไม่เคยพูด
เกิดมาเราทำงานเก็บสตางค์ลูกค้า ไม่เคยเอาเปรียบใครค่ะ ทำดีที่สุด นัดเป็นนัด ไม่เสร็จก็แจ้งก่อน แบบนี้เราคงต้องจ่ายค่าหอต่อไป ต้องรอติดแอร์ติดเฟอร์อีก เดือนหน้าอีกมั้งกว่าจะได้ย้ายเข้าจริง ๆ
เสียความรู้สึกมากค่ะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบ อาจจะเขียนวนไปวนมาหน่อยนะคะ
ขอแชร์ประสบการณ์แย่ๆกับการซื้อบ้านโครงการพิมาน ขอนแก่น
เวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือน มีการนัดตกลง เราก็ขอเปลี่ยนอะไรนิดหน่อย เพิ่มปลั๊กไฟ ติดพัดลมดูดอากาศห้องน้ำ เปลี่ยนแบบหน้าต่าง อะไรก็ว่าไป ตกลงกันโอเค ต้องจ่ายเพิ่มนิดหน่อย
เลยเวลามาเดือน มิ.ย. ยังไม่มีทีท่าว่าเสร็จ เรากับแฟนเข้ามาดูบ้านเองบ่อย ๆ สอบถามเซลล์ B ซึ่งเป็นน้องที่รับหน้าที่ดูแลบ้านเรา เป็นตัวกลางให้ บอกว่าจะถามผู้รับเหมาให้ เราต้องการเวลาที่แน่นอน จะได้คำนวณเวลาย้ายหอ เพราะค่าหอก็ตกเดือนละตั้ง 5000 กว่าบาท และติดแอร์ซื้อเฟอร์เข้าบ้าน ผู้รับเหมาก็โทรมาบอกว่าเสร็จปลายกรกฎาคม ก็ทำใจละ
ต่อมามีงบให้ไปเลือกกระเบื้อง 20000 กว่าบาท เราก็เลือกที่เหลือจ่ายเพิ่มเอง ปูไปได้ประมาณสองสัปดาห์ เซลล์ B โทรมาบอกว่าขาดไปลายแรกประมาณ 3 กล่อง อีก 2 ลายอย่างละแผ่น ให้ซื้อเข้าไปให้ ก็ซื้อเข้าไปให้ ขนเองเพราะไม่อยากเสียค่าส่ง ขนขึ้นรถเก๋ง ต่อมา บอกว่ากระเบื้องที่เอาไปส่งให้มีแตก ให้ไปซื้อมาเพิ่มให้อีกที (2ลาย) เริ่มเซ็ง ทีนี้ซื้อไปให้อีกรอบ ตรวจกับเซลล์อีกคนนึงว่าไม่แตกชัวร์ แกะกล่องกันตรงนั้นเลย แล้วเราก็เข้าไปดูงานปรากฏว่า ห้องน้ำที่ให้เปลี่ยนจากหน้าต่างเป็นพัดลมดูดอากาศกลายเป็นทำหน้าต่างให้ซะงั้น และกระเบื้องหลังบ้านก็ยังไม่เสร็จดี
สอบถามเซลล์ไปก็บอกว่าจะแก้งานให้ เริ่มเซ็งอีกว่าบ้านคงเสร็จช้าเข้าไปอีก ทีนี้ผ่านไปอีกหลายวันเซลล์ A บอกว่าให้เข้าไปดูงานเพราะ กระเบื้องหลังบ้านลายมันปูยาก ทำให้ปูเสียไปเยอะ อยากให้ซื้อกระเบื้องมาให้อีก และตรงห้องน้ำที่ให้แก้งาน กระเบื้องก็ไม่พอ -_-""" เราก็เริ่มปรี๊ดละ (คือ ถ้าคุณทำถูกตั้งแต่แรกแล้วกระเบื้องมันจะขาดมั้ย???) คุยกันไม่รู้เรื่องยืนยันว่าให้เข้าไปดู เราเลยโทรไปคุยกับเซลล์ A (เป็นหัวหน้าของ B อีกที) บอกเราว่าเดี๋ยวติดต่อกลับ พอติดต่อกลับมาบอกว่าตรงหน้าต่างที่ทำผิดจะแก้ให้ แต่ตรงหลังบ้านต้องซื้อมาใหม่ เรายืนยันไม่ซื้อเพราะช่างทำเสียไม่ใช่ความผิดลูกค้า และไม่อยากเสียเวลาไปซื้อและขนไปอีกแล้ว ทางเซลล์เลยจำใจรับผิดชอบให้
ผ่านมากลางเดือนสิงหาคม เงียบ...เราเริ่มเหนื่อยที่จะคุย เลยให้แฟนโทรหาเซลล์ B ว่าเป็นยังไงบ้าง เซลล์บอกว่าให้เอาเอกสารหลักฐานไปให้หน่อย จะยื่นมิเตอร์น้ำไฟ (คิดในใจ นี่ถ้าไม่โทรไปคงไม่โทรมาบอก) และบอกอีกว่ายื่นกู้แบงค์รึยัง ทีนี้เราก็เริ่มงงว่า สรุปบ้านจะเสร็จเมื่อไหร่ เพราะเราจะยื่นก่อนเสร็จสมบูรณ์สองอาทิตย์ เพราะยังไงก็ต้องมีแก้กันอีก ดูท่ายังไงก็แก้ให้เสร็จไม่ทัน 30 สิงหาตามสัญญาแน่ ๆ หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ก่อนกำหนดครบสัญญา สอบถามไปบอกว่าเสร็จทัน เรางงๆ ว่าจะไม่ให้ไปดูเพื่อทำงานแก้อะไรเลยหรอ
หลังจากนั้นช่วง ปลายสัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหา เราเกิดรถชน ต้องเอารถที่ชนไปซ่อม แต่เรามีรถอีกคันที่จอดทิ้งไว้อยู่ ไม่ได้ใช้ ในรถมีของเยอะมากกกก เพราะย้ายของจากหอออกมาใส่ไว้ ตอนแรกนึกว่าบ้านจะเสร็จ ทีนี้เลยต้องเอารถคันนี้ไปล้างไปซ่อม แต่ทำไงล่ะของเพียบเลยจะให้ขนขึ้นไปเก็บห้องก็แคบเกิน ไม่รู้วางตรงไหนดี มีสุนัขในห้องอีก กลัวมันจะกัดเอา เลยขอเซลล์ B ว่าอยากเอาของไปฝากไว้ในบ้าน ไว้ในห้องไหนก็ได้ ของไม่เยอะมากประมาณ 4 ลัง แต่เก็บไม่ค่อยเป็นระเบียบยัดๆใส่รถไว้ ไม่ได้แพ็คเป็นกล่องสวยงาม ไม่มีของมีค่า อยากฝากไว้ต้องเอารถไปซ่อม เซลล์ B บอกว่าไม่ได้ เซลล์ A บอกว่าได้แต่ห้องที่เก็บของไว้นั้นจะไม่มีการแก้งานให้ถ้าตรวจพบว่าต้องแก้ อาจจะเกิดความเสียหายระหว่างขนของได้ เราก็ไม่รู้ทำไง ก็เข้าใจว่ามันผิดกฎว่าต้องโอนบ้านก่อน แต่มันเกิดสุดวิสัย เราอยากขอความเห็นใจ บอกเซลล์ไปว่าเราเดือดร้อนเพราะคุณล่าช้า เซลล์บอกยังไงก็จ่ายค่าปรับตามสัญญา (ค่าปรับวันละ 129 -__-"" เยอะมากกกกก) แต่ไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไร เซ็ง ขี้เกียจเถียงละ แบกของกลับไปไว้ในห้องครึ่งนึง หมาน้อยก็อยู่แคบ ๆ กัดข้าวของพังไป ที่เหลือก้อยัดท้ายรถไว้ ทุกวันนี้รถท้ายรถของเต็ม หนักรถมาก
สรุป นัดดูบ้านครั้งแรก 7 กันยายน สภาพบ้านก็ต้องแก้กันเยอะ สีไม่เรียบร้อยหลายจุด ห้องน้ำติดราวตากผ้าเอียง ปลั๊กหลุด ดินถมไม่เรียบร้อย หญ้าตาย ขอบหน้าต่างเป็นรอย กำแพงหลังบ้านไม่เรียบร้อย มุ้งลวดในห้องน้ำหลุด ยาแนวกระเบื้องลอกบางจุด ซีเมนต์ปูลานจอดรถเป็นร่อง ทำความสะอาดไม่สะอาด สีรั้วรอบบ้านยังทาไม่เรียบ
ผ่านไป 1 สัปดาห์ นัดดูอีกรอบ แก้ไปบางส่วนยังไม่เสร็จ สีหลังบ้านยังไม่เรียบร้อยบางจุด ดินยังไม่ถม กำแพงรั้วสีไม่เรียบอ้างฝนตก (แล้วทำไมไม่ทาตั้งแต่เดือนก่อน ๆ ที่ฝนไม่มาก) อ้างคนสวนไม่ว่าง ให้รอ ถนนหน้าบ้านทรุด ยื่นใบรับมอบบ้านให้เซ็นต์ เราไม่ยอมเซ็นต์ มีการบอกว่าเห็นบอกว่าจะโอนวันศุกร์นี้ เรางงเลยไปนัดกับใครเมื่อไหร่
เรื่องแบงค์ยื่นไปตั้งแต่กลาง ๆ เดือนสิงหาคม พี่ที่แบงค์ดีมากขอชื่นชม (กรุงศรีฯเซนทรัล) เรายื่นเอกสารรับรองอาชีพฉบับย่อไปแนบด้วยตอนแรกพี่เค้าก้อนึกว่าใช้ได้ ผ่านไป 1 อาทิตย์บอกว่าแบงค์ใหญ่อยากได้ฉบับจริง แต่อนุมัติเบื้องต้นผ่านละตอนนั้นเราก็บอกว่ายังไงบ้านก็ยังไม่เสร็จ คงยังไม่นัดโอนเร็ว ๆ นี้ อยากให้รับมอบบ้านก่อรค่อยโอน แล้วฉบับจริงมันก็หายไปไหนไม่รู้ตั้งแต่ตอนเก็บห้องเตรียมย้ายหอ บอกแบงค์รอก่อน หลังจากนั้นประมาณ 7 วันเรามีสำเนาอยู่ที่เลขาที่ทำงานเลยมีเอาไปให้พี่เค้าได้ เรียบร้อยอนุมัติพร้อมโอน
หลังจากนั้น เซลล์ B บอกว่า สีกำแพงบ้านยังทาไม่ได้รอก่อนให้ฝนหมดได้มั้ยจะมาทาให้ ไอ้เราก็ไม่ค่อยพอใจ แต่ทำไงได้อยากเข้าบ้านละ เอาเถอะรับมอบบ้านไปก่อนก็ได้ ล่าสุดวันนี้นัดมาดูงานแก้ หญ้ารกบอกว่าเด๋วมีคนสวนมาตัดให้ (เมื่อไหร่?) สีหลังบ้านลอกพื้นที่ประมาณ 3 x 1 ฟุต เลยบอกให้แก้ให้หน่อย เซลล์ B ตอบกลับมาว่า "จะแก้อีกหรอคะ??" เอ้า ไม่แก้ให้แล้วให้ทำไง เป็นบ้านน้องน้องเอามั้ย สรุปวันนี้เซ็นต์ใบรับมอบบ้านให้เพราะเห็นว่าจะโอนอาทิตย์นี้แล้ว แต่ให้เขียนไว้ว่าเหลือแก้สีตรงนี้ และกำแพงรั้วบ้าน
เดินกลับไปที่สำนักงาน ไปเอาใบสรุปเงินที่ต้องโอน เราสอบถามเรื่องค่าปรับล่าช้า เซลล์ A บอกว่าไม่จ่ายให้ เรางงมาก ว่าทำไมไม่จ่าย เซลล์อ้างเหตุผลว่าข้างบนไม่อนุมัติ เพราะแบงค์เองก็พึ่งพร้อมโอน เหมือนโทษว่าเรายื่นแบงค์ช้า เอาหลักฐานไปให้แบงค์ช้า เรานั่งอธิบายไปว่าที่แบงค์เค้าไม่เร่งเนี่ยเป็นเพราะบ้านมันยังไม่เรียบร้อย เราบอกแบงค์เอง เอกสารอะไรเราก็ตามเอาไปให้ ยังไงก็ต้องรอเรารับมอบบ้านก่อน เถียงกันวนไปมา เซลล์บอกไม่อยากให้เสียความรู้สึกกับเค้าโดยไม่ต้องเอาเงินค่าปรับ เราบอกต่อไปว่าเงินแค่ไม่กี่พันดูไม่มีค่าอะไร แต่เราอยากให้มีคนรับผิดชอบกับสิ่งที่มันล่าช้ามาแบบนี้ สิ่งที่มันเกิดขึ้นต้องมาผิดใจกันที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจากอะไร เราถามเซลล์ A คุณเซลล์ตอบกลับมาว่า เป็นความผิดพลาดทางการสื่อสารกับรับเหมา กับลูกค้า เซลล์เป็นตัวกลางที่ไม่ดี สรุปเราขอเบอร์หัวหน้าที่สำนักงานใหญ่มา ขอเรียกว่าพี่ใหญ่
เราโทรไปหาพี่ใหญ่ เล่าเรื่องไปว่าเกิดอะไร พี่แกบอกว่าเด๋วคุยกับเซลล์ A B ก่อน รอถึง 16.30 ไม่โทรมา เราร้อนใจเลยโทรไปหาประมาณ 4 ครั้งถึงจะรับ คุยกันบอกว่าไม่จ่ายให้ ทีนี้เราอ้างสัญญาข้อ 11 เบี้ยปรับ
11.1 หากผู้จะขายไม่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างภายในกำหนดเวลา และผู้จะซื้อไม่ใช่สิทธิ์บอกเลิกสัญญา ผู้ขายจะยอมให้ผู้ซื้อดำเนินการดังนี้
11.1.1 ปรับผู้ขายเป็นรายวัน คิดเป็นเงินวันละ 129 บาท จนถึงวันที่พนักงานเจ้าหน้าที่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกินร้อยละ10ของราคาที่ดินสิ่งปลูกสร้าง
พอบอกงี้ พี่ใหญ่ก็อ้างว่าบ้านเสร็จตั้งแต่ 7 กันยาที่นัดดูบ้าน เราเถียงว่ายังไม่รับมอบ ยังไม่โอน ให้ยึดตามสัญญา
พี่ใหญ่บอกว่าให้แค่ 7 วัน คือ 7x129 บาท แล้วก็แบงค์ก็พึ่งอนุมัติไปเพราะรอเอกสารลูกค้าอยู่
เราบอกว่า อ่าว คือถ้าบ้านคุณเสร็จเรียบร้อยแล้วแบงค์กับลูกค้ายังไม่พร้อมจริง ๆ เราจะมีหน้ามาขอเรียกค่าปรับมั้ย? ที่แบงค์พึ่งอนุมัติจริงๆน่ะ เราบอกเองว่ายังไงก็ยังไม่นัดโอน ไม่ต้องรีบ ยังไงเบื้องต้นก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว เซลล์ก็ไม่บอกอะไรเลยว่าให้เตรียมโอน ตามสัญญาก็ระบุไว้ว่าให้แจ้งกำหนดก่อน 30 วัน นี่แฟนโทรไปหรอก ถึงได้รู้ว่าต้องยื่นแล้ว
พี่ใหญ่บอกว่าลูกค้าหลายคนก็ต้องรู้เองนะคะว่าต้องยื่นก่อนนานๆ ยังไงเราก็ไม่ให้ค่าปรับเป็นเดือนค่ะ เราต้องดูหลายอย่างไม่ใช่แค่สัญญาแล้วคุณลูกค้าจะยังไม่โอนก็ไม่เป็นไร เด๋วจะมีจดหมายไปตามอีกทีให้ไปโอน คุณลูกค้าจะทำอะไร
เราอึ้งมาก บอกไปว่า ถึงเราไม่ไปโอนคนเสียเปรียบก็เป็นเราที่ได้เข้าบ้านช้า เสียความรู้สึกมากถึงตอนนี้ เหนื่อยมากรู้สึกโดนเอาเปรียบ
สรุป ยังไงคงไม่ได้ค่าปรับใด ๆ ค่ะ
อยากถ่ายทอดสิ่งที่ตัวเองโดนมากับโครงการนี้ค่ะ ยังมีอีกที่เป็นความสับสนระหว่างการคุย การไม่แจ้งลูกค้าล่วงหน้า และอื่น ๆ ไม่เป็นไปตามคำพูด แรกๆอยากขายบอกเสร็จเร็วกว่ากำหนด เอาเข้าจริงช้า ยึดตามสัญญาก็ไม่ได้อะไร อ้างว่าเสร็จตั้งแต่นัดตรวจครั้งแรก 100% แบบนี้ทำอะไรส่ง ๆ มาครั้งแรกก็ได้ สำหรับเรามันไม่เสร็จค่ะ แก้กันอีกเป็นเดือนกว่าจะรับมอบ ก็ยึดเอาวันแรกกันหรอคะ ตอนแรกที่เราถามไป ก็กลายเป็นตอบส่ง ๆ ไปว่าจะจ่ายค่าปรับให้ มาวันนี้ตีหน้างง บอกไม่เคยพูด
เกิดมาเราทำงานเก็บสตางค์ลูกค้า ไม่เคยเอาเปรียบใครค่ะ ทำดีที่สุด นัดเป็นนัด ไม่เสร็จก็แจ้งก่อน แบบนี้เราคงต้องจ่ายค่าหอต่อไป ต้องรอติดแอร์ติดเฟอร์อีก เดือนหน้าอีกมั้งกว่าจะได้ย้ายเข้าจริง ๆ
เสียความรู้สึกมากค่ะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบ อาจจะเขียนวนไปวนมาหน่อยนะคะ