สวัสดีค่ะ
เพื่อนๆทุกท่านที่แวะอ่านวิมานภุมรานะคะ
วันนี้เอาบทที่๑๒มาให้พิจารณาค่ะ
บทก่อนหน้า
http://ppantip.com/topic/31052449
บทที่12
.......พ่อลูกผูกพัน.......
“... พี่วิน ...”
สิ้นเสียงเรียกอ่อนระโหยของคนที่ยืนน้ำตานอง กวินทำได้เพียงอ้าแขนรอรับการโถมกอดของเจ้าตัว ชายหนุ่มโอบกระชับ พร้อมกับลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสลวยอย่างช้าๆ ไม่มีคำพูดปลอบโยนใดๆเพราะเขาเองก็อยากร้องไห้ หากความเป็นลูกผู้ชายทำให้ต้องทนฝืน
คนในอ้อมแขนคงผ่านวันเวลาหลังจากคู่แฝดจากไปอย่างไม่ง่ายเลย ชายหนุ่มรู้ดี แม้ไม่เคยพบโยธกามาก่อน แต่จากคำบอกเล่าของมณฑารพ คู่แฝดผูกพันเหนียวแน่น เมื่อคนหนึ่งจากไป คนที่เหลือคงคล้ายโลกถล่ม แล้วยังต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกชายของเขาอีก เสียงเจือสะอื้นเล่าระบายความในใจกระท่อนกระแท่น
ชายหนุ่มเพิ่งจะรู้ว่าเสียงหญิงสาวที่รับสายในวันที่เขาโทรบอกให้ระวังตัว รวมถึงนาทีสุดท้ายก่อนที่เสียงกัมปนาทที่ฟาดสนั่นจนเกือบปลิดชีวิตเขา วันนั้นเป็นโยธกาเองที่รับสาย เพราะมณฑารพมีอาการครรภ์เป็นพิษอย่างรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ตามติดมาด้วยการต้องผ่าคลอดก่อนกำหนดถึงเกือบสองเดือน และท้ายที่สุดคนเป็นมารดาต้องจากไปทิ้งบุตรชายไว้ให้โยธกาได้ดูต่างหน้า หญิงสาวสารภาพว่าเธอฝันร้ายถึงเรื่องเสียงปืนนั่นบ่อยๆและเข้าใจว่าเขาคงตายไปแล้ว
“ตอนนั้นโยกลับมาบ้านเพราะมณโทรตาม บอกว่าแม่อาการแย่ลงมาก พี่วินก็หายไป พอโยมาถึงแม่ก็เสีย มณเขาเสียใจมาก คงเครียดจัดด้วย ตอนนั้นความดันเขาขึ้นสูงมากเลยค่ะ พอเข้าโรงพยาบาลก็ต้องผ่า...”
กวินต้องทนฟังทั้งๆที่ปวดใจอย่างที่สุด โยธกาต้องเผชิญกับทุกข์โศกที่เสียบุคคลอันเป็นที่รักไปในเวลาไล่เลี่ยกันถึงสองคน นอกจากนั้น เพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหาในการเลี้ยงดูเด็กชายตัวน้อย เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อและสวมรอยเป็นมณฑารพเผื่อไว้ในกรณีที่ต้องจำเป็นต้องทำอะไรเกี่ยวกับเด็กชายจะได้ทำได้ง่ายในฐานะมารดาตามชื่อที่ปรากฏในสูติบัตร โชคดีที่หญิงสาวไม่ได้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกันกับคู่แฝดตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม การเปลี่ยนชื่อจึงทำได้โดยไม่มีการทักท้วงจากนายทะเบียนแต่อย่างใด
“ พี่วินอย่าโทษตัวเอง มณเขาไม่แข็งแรง หัวใจไม่ดี มาตั้งแต่เด็กนะคะ” เสียงสะอื้นซา หญิงสาวดันตัวออกห่างจากคนที่ครางอย่างปวดร้าวใจ มองเห็นชายหนุ่มนัยน์ตาแดงก่ำอาการเหมือนคนจะสิ้นใจแล้วนึกตำหนิตัวเอง เธอไม่น่าลืมตัวรำพันและบอกเล่าอะไรมากมายเกินไปนัก แค่คู่แฝดจากไปคนตรงหน้าก็คล้ายจะตายตาม ไม่ควรทับถมเขาด้วยเรื่องเศร้าๆเลย
หากเมื่อครู่ก็ลืมตัว ตั้งแต่คู่แฝดจากไป หญิงสาวทำได้เพียงเก็บงำเรื่องราวทั้งหลายเอาไว้กับตัว แม้รุ่นพี่แสนดีอย่างดรัณภพและพุทธรักษาก็ไม่สามารถทำให้เธอเปิดปาก หากกับคนตรงหน้า เพราะสูญเสียในสิ่งเดียวกัน และยังมีสายใยที่ยึดเหนี่ยวไว้ร่วมกันทำให้โยธกาหมดสิ้นความระแวง กับเขา เธอสามารถเป็นโยธกาได้เต็มตัว ไม่ต้องแบ่งภาคสวมรอยเป็นมารดาของเด็กชายตัวน้อยในนามของมณฑารพ
“พี่วินขา พี่วินยังมีมะตูมนะคะ มะตูมคอยอยู่นะคะ”
เสียงอ่อนเบาของ ‘เงา’ ช่วยเหนี่ยวรั้งสติ กวินสูดลมหายใจลึกก่อนพยายามยิ้มให้คนตรงหน้า แม้ว่ามันคงจะแปร่งปร่าเต็มที
“จ้ะ พี่อยากเห็นลูกเหลือเกิน”
“ เดี๋ยวโยจะไปรับแกมาจากบ้านที่ฝากเลี้ยงค่ะ เมื่อวานโยมีไข้ กลัวมะตูมติดไข้เลยเอาไปฝากเลี้ยง”
“ ลูกพี่... เขา...เป็นยังไงบ้าง”
หญิงสาวยิ้มออกเมื่อดึงบิดาของเด็กชายให้หันเหจากเรื่องเศร้าได้ ใบหน้าคมคายงดงามชวนฝันสำหรับสาวๆนั้นดูเริ่มมีสีสันขึ้นมาบ้าง
“มะตูมน่ารักค่ะ น่ารักที่สุด เจ้าเสน่ห์ ใครๆก็บอกว่าโตขึ้นต้องหล่อ โยรู้แล้วว่ามะตูมหล่อเหมือนพี่วินนี่เอง”
“ขวบกว่า เดินได้ พูดได้หรือยังนะโย”
“เดินได้แล้วค่ะ เก่งด้วย แต่พูดได้แต่ภาษาต่างดาว”
“ หืมห์ อะไรนะ? ภาษาต่างดาว”
หญิงสาวหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นสีหน้าของคนเป็นพ่อ “ มะตูมชอบคุยค่ะ คุยเก่งด้วย แต่ไม่มีใครฟังออกเลย”
“ พี่อยากเจอลูก พี่เจอลูกวันนี้เลยได้ไหมโย”
ท่าทางกระติอรือล้นของบุรุษรูปงามทำเอาใจหญิงสาวพองฟู ดูท่าทางเขาต้องรักต้องหลงนายมะตูมตัวน้อยอย่างสุดจิตสุดใจแน่ๆ
“ เดี๋ยวโยจะไปรับตัวมาค่ะ ตอนนี้โยสบายดีแล้ว หายไข้แล้ว” ไม่อยากบอกว่าเมื่อวานที่เป็นไข้ คงเพราะเครียด
“ขอบใจจ้ะ แต่ว่าโย พี่มีเรื่องต้องบอกเรา”
“คะ?”
ชายหนุ่มบอกเล่าสั้นๆถึงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของบุตรชายตามกฎหมาย และผู้ที่อยู่ในฐานะภรรยา ด้วยว่าเขาเอง จนป่านนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าสาเหตุการถูกลอบเอาชีวิตจะมาจากเรื่องใด แต่ความเป็นไปได้ อาจมาจากศัตรูของบิดา ซึ่งอาจมาจากเรื่องธุรกิจ หรือเรื่องส่วนตัว กับอีกข้อสันนิษฐาน
“ มันอาจเกี่ยวกับเรื่องมรดก ถ้าการไม่อยู่ของพี่ จะทำให้ใครบางคน หรือหลายคน ได้รับผลประโยชน์” ไม่อยากบอกว่าผลประโยชน์นั้นมหาศาลจนคุ้มค่าเสี่ยงสำหรับหลายคนที่คิดจะเขี่ยเขาให้พ้นทาง
“และภรรยากับลูกของพี่ อาจตกเป็นเป้า ถ้าข้อสันนิษฐานนี้เป็นจริง”
โยธกาใจหาย นี่เอง นี่เองคือสาเหตุว่าทำไมชายหนุ่มจึงโทรมาเตือนให้ระวังตัว
“แล้ว.....แล้วจะทำยังไงดีคะ”
กวินถอนหายใจยาวก่อนจะตัดสินใจ “อย่าพึ่งบอกเรื่องของเราให้ใครรู้ เก็บทะเบียนสมรสไว้ให้ดีอย่าให้ใครเห็น และพี่จะ...”
เสียงชายหนุ่มขาดหาย โยธกาเห็นฝ่ายตรงข้ามมีท่าทางลังเลจึงถาม
“คะ? อะไรคะพี่วิน”
“ พี่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เรื่องบ้าๆนี่จะจบลง แต่พี่อยากอยู่ใกล้ลูก อยากคุยกับโยทุกวันตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ “
“ ได้สิคะ”
“แต่พี่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าพี่เป็นพ่อมะตูม มันอาจเป็นอันตราย”
“ค่ะ แล้วยังไงต่อคะ”
“ โยจะว่าอะไรไหม ถ้าพี่จะทำเหมือนเป็นผู้ชายที่มาสนใจโย”
“คะ?”
“พี่หมายถึง วิธีที่จะทำให้พี่ได้พูดคุยกับโยได้สะดวก ไม่ผิดสังเกต คือ พี่จะ เอ้อ จะทำเหมือนถูกใจโย และพยายามจะพัฒนาความสัมพันธ์ ”
ชายหนุ่มถอนใจเฮือกใหญ่เมื่อนึกไปถึงแดเนียลและเหล่าบอดี้การ์ด
“วิธีนี้จะทำให้พี่ได้อยู่กับโยกับลูกตามลำพัง ไม่มีคนอื่นมารบกวน”
........................................................................................................................................
วิมานภุมรา...บทที่๑๒ (พ่อลูกผูกพัน)
เพื่อนๆทุกท่านที่แวะอ่านวิมานภุมรานะคะ
วันนี้เอาบทที่๑๒มาให้พิจารณาค่ะ
บทก่อนหน้า http://ppantip.com/topic/31052449
.......พ่อลูกผูกพัน.......
“... พี่วิน ...”
สิ้นเสียงเรียกอ่อนระโหยของคนที่ยืนน้ำตานอง กวินทำได้เพียงอ้าแขนรอรับการโถมกอดของเจ้าตัว ชายหนุ่มโอบกระชับ พร้อมกับลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสลวยอย่างช้าๆ ไม่มีคำพูดปลอบโยนใดๆเพราะเขาเองก็อยากร้องไห้ หากความเป็นลูกผู้ชายทำให้ต้องทนฝืน
คนในอ้อมแขนคงผ่านวันเวลาหลังจากคู่แฝดจากไปอย่างไม่ง่ายเลย ชายหนุ่มรู้ดี แม้ไม่เคยพบโยธกามาก่อน แต่จากคำบอกเล่าของมณฑารพ คู่แฝดผูกพันเหนียวแน่น เมื่อคนหนึ่งจากไป คนที่เหลือคงคล้ายโลกถล่ม แล้วยังต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกชายของเขาอีก เสียงเจือสะอื้นเล่าระบายความในใจกระท่อนกระแท่น
ชายหนุ่มเพิ่งจะรู้ว่าเสียงหญิงสาวที่รับสายในวันที่เขาโทรบอกให้ระวังตัว รวมถึงนาทีสุดท้ายก่อนที่เสียงกัมปนาทที่ฟาดสนั่นจนเกือบปลิดชีวิตเขา วันนั้นเป็นโยธกาเองที่รับสาย เพราะมณฑารพมีอาการครรภ์เป็นพิษอย่างรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ตามติดมาด้วยการต้องผ่าคลอดก่อนกำหนดถึงเกือบสองเดือน และท้ายที่สุดคนเป็นมารดาต้องจากไปทิ้งบุตรชายไว้ให้โยธกาได้ดูต่างหน้า หญิงสาวสารภาพว่าเธอฝันร้ายถึงเรื่องเสียงปืนนั่นบ่อยๆและเข้าใจว่าเขาคงตายไปแล้ว
“ตอนนั้นโยกลับมาบ้านเพราะมณโทรตาม บอกว่าแม่อาการแย่ลงมาก พี่วินก็หายไป พอโยมาถึงแม่ก็เสีย มณเขาเสียใจมาก คงเครียดจัดด้วย ตอนนั้นความดันเขาขึ้นสูงมากเลยค่ะ พอเข้าโรงพยาบาลก็ต้องผ่า...”
กวินต้องทนฟังทั้งๆที่ปวดใจอย่างที่สุด โยธกาต้องเผชิญกับทุกข์โศกที่เสียบุคคลอันเป็นที่รักไปในเวลาไล่เลี่ยกันถึงสองคน นอกจากนั้น เพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหาในการเลี้ยงดูเด็กชายตัวน้อย เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อและสวมรอยเป็นมณฑารพเผื่อไว้ในกรณีที่ต้องจำเป็นต้องทำอะไรเกี่ยวกับเด็กชายจะได้ทำได้ง่ายในฐานะมารดาตามชื่อที่ปรากฏในสูติบัตร โชคดีที่หญิงสาวไม่ได้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกันกับคู่แฝดตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม การเปลี่ยนชื่อจึงทำได้โดยไม่มีการทักท้วงจากนายทะเบียนแต่อย่างใด
“ พี่วินอย่าโทษตัวเอง มณเขาไม่แข็งแรง หัวใจไม่ดี มาตั้งแต่เด็กนะคะ” เสียงสะอื้นซา หญิงสาวดันตัวออกห่างจากคนที่ครางอย่างปวดร้าวใจ มองเห็นชายหนุ่มนัยน์ตาแดงก่ำอาการเหมือนคนจะสิ้นใจแล้วนึกตำหนิตัวเอง เธอไม่น่าลืมตัวรำพันและบอกเล่าอะไรมากมายเกินไปนัก แค่คู่แฝดจากไปคนตรงหน้าก็คล้ายจะตายตาม ไม่ควรทับถมเขาด้วยเรื่องเศร้าๆเลย
หากเมื่อครู่ก็ลืมตัว ตั้งแต่คู่แฝดจากไป หญิงสาวทำได้เพียงเก็บงำเรื่องราวทั้งหลายเอาไว้กับตัว แม้รุ่นพี่แสนดีอย่างดรัณภพและพุทธรักษาก็ไม่สามารถทำให้เธอเปิดปาก หากกับคนตรงหน้า เพราะสูญเสียในสิ่งเดียวกัน และยังมีสายใยที่ยึดเหนี่ยวไว้ร่วมกันทำให้โยธกาหมดสิ้นความระแวง กับเขา เธอสามารถเป็นโยธกาได้เต็มตัว ไม่ต้องแบ่งภาคสวมรอยเป็นมารดาของเด็กชายตัวน้อยในนามของมณฑารพ
“พี่วินขา พี่วินยังมีมะตูมนะคะ มะตูมคอยอยู่นะคะ”
เสียงอ่อนเบาของ ‘เงา’ ช่วยเหนี่ยวรั้งสติ กวินสูดลมหายใจลึกก่อนพยายามยิ้มให้คนตรงหน้า แม้ว่ามันคงจะแปร่งปร่าเต็มที
“จ้ะ พี่อยากเห็นลูกเหลือเกิน”
“ เดี๋ยวโยจะไปรับแกมาจากบ้านที่ฝากเลี้ยงค่ะ เมื่อวานโยมีไข้ กลัวมะตูมติดไข้เลยเอาไปฝากเลี้ยง”
“ ลูกพี่... เขา...เป็นยังไงบ้าง”
หญิงสาวยิ้มออกเมื่อดึงบิดาของเด็กชายให้หันเหจากเรื่องเศร้าได้ ใบหน้าคมคายงดงามชวนฝันสำหรับสาวๆนั้นดูเริ่มมีสีสันขึ้นมาบ้าง
“มะตูมน่ารักค่ะ น่ารักที่สุด เจ้าเสน่ห์ ใครๆก็บอกว่าโตขึ้นต้องหล่อ โยรู้แล้วว่ามะตูมหล่อเหมือนพี่วินนี่เอง”
“ขวบกว่า เดินได้ พูดได้หรือยังนะโย”
“เดินได้แล้วค่ะ เก่งด้วย แต่พูดได้แต่ภาษาต่างดาว”
“ หืมห์ อะไรนะ? ภาษาต่างดาว”
หญิงสาวหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นสีหน้าของคนเป็นพ่อ “ มะตูมชอบคุยค่ะ คุยเก่งด้วย แต่ไม่มีใครฟังออกเลย”
“ พี่อยากเจอลูก พี่เจอลูกวันนี้เลยได้ไหมโย”
ท่าทางกระติอรือล้นของบุรุษรูปงามทำเอาใจหญิงสาวพองฟู ดูท่าทางเขาต้องรักต้องหลงนายมะตูมตัวน้อยอย่างสุดจิตสุดใจแน่ๆ
“ เดี๋ยวโยจะไปรับตัวมาค่ะ ตอนนี้โยสบายดีแล้ว หายไข้แล้ว” ไม่อยากบอกว่าเมื่อวานที่เป็นไข้ คงเพราะเครียด
“ขอบใจจ้ะ แต่ว่าโย พี่มีเรื่องต้องบอกเรา”
“คะ?”
ชายหนุ่มบอกเล่าสั้นๆถึงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของบุตรชายตามกฎหมาย และผู้ที่อยู่ในฐานะภรรยา ด้วยว่าเขาเอง จนป่านนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าสาเหตุการถูกลอบเอาชีวิตจะมาจากเรื่องใด แต่ความเป็นไปได้ อาจมาจากศัตรูของบิดา ซึ่งอาจมาจากเรื่องธุรกิจ หรือเรื่องส่วนตัว กับอีกข้อสันนิษฐาน
“ มันอาจเกี่ยวกับเรื่องมรดก ถ้าการไม่อยู่ของพี่ จะทำให้ใครบางคน หรือหลายคน ได้รับผลประโยชน์” ไม่อยากบอกว่าผลประโยชน์นั้นมหาศาลจนคุ้มค่าเสี่ยงสำหรับหลายคนที่คิดจะเขี่ยเขาให้พ้นทาง
“และภรรยากับลูกของพี่ อาจตกเป็นเป้า ถ้าข้อสันนิษฐานนี้เป็นจริง”
โยธกาใจหาย นี่เอง นี่เองคือสาเหตุว่าทำไมชายหนุ่มจึงโทรมาเตือนให้ระวังตัว
“แล้ว.....แล้วจะทำยังไงดีคะ”
กวินถอนหายใจยาวก่อนจะตัดสินใจ “อย่าพึ่งบอกเรื่องของเราให้ใครรู้ เก็บทะเบียนสมรสไว้ให้ดีอย่าให้ใครเห็น และพี่จะ...”
เสียงชายหนุ่มขาดหาย โยธกาเห็นฝ่ายตรงข้ามมีท่าทางลังเลจึงถาม
“คะ? อะไรคะพี่วิน”
“ พี่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เรื่องบ้าๆนี่จะจบลง แต่พี่อยากอยู่ใกล้ลูก อยากคุยกับโยทุกวันตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ “
“ ได้สิคะ”
“แต่พี่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าพี่เป็นพ่อมะตูม มันอาจเป็นอันตราย”
“ค่ะ แล้วยังไงต่อคะ”
“ โยจะว่าอะไรไหม ถ้าพี่จะทำเหมือนเป็นผู้ชายที่มาสนใจโย”
“คะ?”
“พี่หมายถึง วิธีที่จะทำให้พี่ได้พูดคุยกับโยได้สะดวก ไม่ผิดสังเกต คือ พี่จะ เอ้อ จะทำเหมือนถูกใจโย และพยายามจะพัฒนาความสัมพันธ์ ”
ชายหนุ่มถอนใจเฮือกใหญ่เมื่อนึกไปถึงแดเนียลและเหล่าบอดี้การ์ด
“วิธีนี้จะทำให้พี่ได้อยู่กับโยกับลูกตามลำพัง ไม่มีคนอื่นมารบกวน”
........................................................................................................................................