บางคนเชื่อเอาว่าเป็นเรื่องจริง ว่าพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ 5,000 ปี เท่าที่ได้พบ คือพระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสเอาไว้ ไม่เคยพบที่เป็นพระพุทธพจน์ว่า พระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ 5,000 ปี แล้วก็หมด แต่มีปรากฏในอรรถกถาหลายแห่ง เช่น อรรถกถาทีฆนิกายก็มี ในอรรถกถาวินัยก็มี ตอนที่เล่าเรื่องการทำสังคายนาครั้งที่ 1 เมื่อทำสังคายนาเสร็จแล้ว แผ่นดินไหวปานประหนึ่งจะบอกว่า ศาสนาที่ พระเถระทั้งหลายได้ทำสังคายนาแล้วครั้งนี้จะดำรงอยู่ 5,000 ปี ท่านโปรดพิจารณาให้ดี และลองนึกถึงคำว่า “แผ่นดินไหวปานประหนึ่งจะบอกว่า” ธรรมวินัยหรือพุทธ ศาสนาที่พระเถระมีพระมหากัสสปเป็นประธานทำสังคายนาแล้วนี้จะดำรงอยู่ได้ 5,000 ปี นี้ก็มี
ในอรรถกถาทักขิณาวิภังคสูตร ในมัชฌินิกายก็มี รวมความว่ามีหลายแห่ง แต่ในอรรถกถาเท่านั้น ไม่มีที่เป็นพระพุทธพจน์ที่ตรัสบอกเอาไว้ว่า พุทธศาสนา ศาสนาของเราจะดำรงอยู่ 5,000 ปี
พระพุทธพจน์ที่มีอยู่ก็มีเป็นกลาง ๆ ตอนที่ตรัสกับท่านสุภัททะปัจฉิมสาวก พระสาวกองค์สุดท้ายที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ตอนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพานว่า “สุภัททะ ถ้าภิกษุทั้งหลายเป็นอยู่โดยชอบ โลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์”
ถ้าถือตามพระพุทธพจน์นี้ก็แปลว่า ตราบใดที่ภิกษุทั้งหลายเป็นอยู่โดยชอบ โลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์ คือ พุทธศาสนายังดำรงอยู่ได้เรื่อยไป ไม่จำกัดกาลเวลาว่าจะเป็น 5,000 ปี หรือ 50,000 ปี หรือ 500,000 ปี ตราบเท่าที่ภิกษุทั้งหลาย หรือพุทธบริษัทมองในแง่กว้าง ก็คือพุทธบริษัทยังเป็นอยู่โดยชอบ
ที่ว่า.... เป็นอยู่โดยชอบ คือเป็นอยู่ตามอริยมรรคมีองค์ 8 โลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์ เมื่อโลกไม่ว่างจากพระอรหันต์ก็ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลุถึงพระอนาคามี ระสกทาคามี พระโสดาบัน หรือกัลยาณปุถุชน ย่อมจะต้องมีเป็นแน่นอน เพราะมีได้ง่ายกว่ามีพระอรหันต์ เพราะฉะนั้นขอให้ถือตามนัยพระพุทธพจน์จะดีกว่าไปปักใจเชื่อว่า พุทธศาสนาจะดำรงอยู่ 5,000 ปี แล้วก็จะหมด
เมื่อ พ.ศ. 2500 ได้มีการจัดพิธีฉลอง 25 พุทธศตวรรษขึ้นในประเทศไทย เป็นงานใหญ่พิธีที่สนามหลวงหลายวัน ในครั้งนั้น เมื่อ พ.ศ. 2500 ก็ 56 ปีมาแล้ว ที่ประชุมพระเถระผู้ใหญ่รวมทั้งนักปราชญ์ได้ประชุมกันว่าจะใช้คำอย่างไร จะใช้คำว่า “ ฉลองกึ่งพุทธกาล” หรือ “ฉลอง 25 พุทธศตวรรษ”
ถ้าใช้คำว่าฉลองกึ่งพุทธกาล ก็เป็นการยอมรับความคิดเรื่องพุทธศาสนา 5,000 ปี ว่าเป็นจริง พระเถระในเมืองไทย
ตกลงใจว่าให้ใช้ “ฉลอง 25 พุทธศตวรรษ” เป็นการปฏิเสธหรือไม่ยอมรับความคิดที่ว่าพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ 5,000 ปียอมรับแต่เพียงว่าบัดนี้พุทธศตวรรษที่ 26 ต้น ๆ จะมีต่อไปเท่าไรก็ไม่ทราบ แล้วแต่ความเป็นอยู่โดยชอบของพุทธบริษัทมีได้แค่ไหน
ในคราวฉลอง 25 พุทธศตวรรษ มีปัญหาขึ้นอีกปัญหาหนึ่งว่าเราจะวงสายสิญจน์รอบสนามหลวงและทำพิธีทำน้ำมนต์สวดมนต์วงสายสิญจน์หรือไม่ ในที่สุดที่ประชุมตกลงเป็นที่เรียบร้อยว่าจะไม่ทำ ไม่มีการวางสายสิญจน์และจะไม่ทำพิธีแบบนั้น มีการสวดมนต์แต่เป็นการประกาศพุทธแบบพุทธแท้ ๆ ไม่มีไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อต้องการประกาศพุทธศาสนาที่แท้ให้ชาวโลก ให้พุทธบริษัทในโลกที่มาร่วมประชุมได้เห็นพุทธศาสนาในเมืองไทยเป็นพุทธแท้ ๆ ไม่มีไสยศาสตร์ ไม่มีอะไรมาเจือปน แต่หลังจากฉลอง 25 พุทธศตวรรษมาถึงปัจจุบันนี้เป็นอย่างไรท่านทั้งหลายก็รู้เห็นอยู่ว่าเราได้ทำอย่างไรต่อมา นี่เป็นเรื่องที่น่าคิด ผมสรุปในประเด็นที่ว่า นักปราชญ์ในเมืองไทยไม่ยอมรับเรื่องพุทธศาสนา 5,000 ปี แต่ยึดถือตามพุทธภาษิตในมหาปรินิพพานสูตรว่า “ ถ้าภิกษุทั้งหลาย หรือพุทธบริษัทเป็นอยู่โดยชอบแล้ว โลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์” พุทธศาสนาก็ยังอยู่ตลอดไป
ท่านตรัสว่า พุทธศาสนายังคงอยู่
ตราบใดที่ยังมีการปฏิบัติมรรค แปด
นั่นก็ไม่ได้ตรัสบอกว่า พุทธศาสนามีอายุกี่ปี จะ2600ปี 3000ปี 5000ปี หรือกี่หมื่นปีกี่แสนปี ขึ้นอยู่กับ การบอกสอนและ
การปฏิบัติมรรคแปด ถ้ายังมีการปฏิบัติอย่างนั้น พุทธศาสนาและพระอรหันต์ ก็ยังคงมีอยู่...
คำว่าห้าพันปี มีการได้เข้าไปค้นหาในพระไตรปิฏกทั้ง 3 สำนักคือ
1. พระไตรปิฏกฉบับมหาจุฬาฯ ของมหานิกาย
2. พระไตรปิฏกฉบับมหามงกุฏฯของธรรมยุติกนิกาย
3. พระไตรปิฏกฉบับ ไทย สยามรัฐ (ซึ่งเป็นต้นฉบับในรัฐกาลที่ 5)
คำว่า ห้าพันปี จึงมีที่มาดังนี้ครับ
ฉบับมหาจุฬาฯ ไม่มีคำว่า ห้าพันปี
ฉบับไทย(บาลีสยามรัฐ) ไม่มีคำว่า ห้าพันปี
ส่วนของฉบับมหามกุฏฯ มีคำว่าห้าพันปี
และนี่คือข้อความที่ให้ความหมาย ห้าพันปี
แต่คำว่า พันปี นั้น พระองค์ตรัสด้วยอำนาจพระขีณาสพผู้ถึงความ
แตกฉานในปฏิสัมภิทาเท่านั้น. แต่เมื่อจะตั้งอยู่ยิ่งกว่าพันปีนั้นบ้าง จักตั้งอยู่
สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระขีณาสพสุกขวิปัสสกะ, จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วย
อำนาจแห่งพระอนาคามี, จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระสกทาคามี,
จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจพระโสดาบัน, รวมความว่า พระปฏิเวธสัทธรรม
จักตั้งอยู่ตลอดห้าพันปี ด้วยประการฉะนี้.
พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๙
พระวินัยปิฎก เล่ม ๗ จุลวรรค ทุติยภาค
จะเห็นได้ว่า จากข้อความด้านบนไม่ใช่พุทธวจน แต่เป็น อรรถคาถา
เพราะถ้าเป็นพุทธวจนจะต้องขึ้นด้วยวลีที่ว่า ดูกรอานนท์ ดูกรสารีบุตร ....
ดังนั้นคำว่าห้าพันปี จึงไม่ใช่อายุของพระศาสนาพุทธ เพราะถ้าใช่ทำไม?
พระไตรปิฏกอีก 2 สำนักจึงไม่บันทึกไว้....
อรรถกถา ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค สัมปสาทนียสูตร ที่กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า
“แต่วงศ์ของสมณะผู้นุ่งผ้าขาว ไม่สามารถจะดำรงศาสนาไว้ได้ ตั้งแต่กาลของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสสปะ
1. ศาสนาดำรงอยู่ได้ตลอดพันปีด้วยภิกษุผู้บรรลุปฏิสัมภิทา
2. ดำรงอยู่ได้พันปีด้วยภิกษุผู้ทรงอภิญญา ๖
3. ดำรงอยู่ได้พันปีด้วยภิกษุผู้ทรงวิชชา ๓
4.ดำรงอยู่ได้พันปีด้วยภิกษุผู้เป็นสุกขวิปัสสกะ
5. ดำรงอยู่ได้พันปีด้วยเหล่าภิกษุผู้ทรงปาฏิโมกข์
ก็ศาสนาย่อมมีอันทรุดลงตั้งแต่การแทงตลอดสัจจะของภิกษุรูปหลังๆ และแต่การทำลายศีลของภิกษุรูปหลังๆ”
จะเห็นได้ว่านี่ กรณีที่เชื่อกันว่า พุทธศาสนาอยู่ได้ 5,000 ปีนี่ มีหลักฐานว่าเป็นเหตุการณ์ในสมัยพระกัสสปพุทธเจ้า
ส่วนในศาสนาของพระศรีศากยมุนีโคดมพุทธเจ้าใน พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ ภิกขุนิกขันธก วรรณนา กล่าวว่า อธิบายเรื่องที่พระพุทธเจ้าบัญญัติครุธรรม 8 ประการให้พระนางปชาบดีโคตมี ก่อนบวชภิกษุณีว่า ถ้าไม่บัญญัติครุธรรม 8 ประการ ศาสนาอยู่ได้ 500 ปีแทนที่จะอยู่ได้ 1,000 ปี ซึ่งตรงจุดนี้อรรถถาอธิบายว่า 1,000 ปีแบ่งเป็นช่วงๆ ดังนี้
“แต่คำว่า พันปี นั้น พระองค์ตรัสด้วย
- อำนาจพระขีณาสพผู้ถึงความแตกฉานในปฏิสัมภิทาเท่านั้น.
แต่เมื่อจะตั้งอยู่ยิ่งกว่าพันปีนั้นบ้าง จักตั้งอยู่สิ้นพันปี
- ด้วยอำนาจแห่งพระขีณาสพสุกขวิปัสสกะ,
- จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระอนาคามี,
- จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระสกทาคามี,
- จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจพระโสดาบัน,
รวมความว่า พระปฏิเวธสัทธรรมจักตั้งอยู่ตลอดห้าพันปี ด้วยประการฉะนี้”
แต่ในอรรถกถาทั้งสองนี้ เป็นแค่ข้อสันนิษฐานของพระอาจารย์ผู้แต่งคัมภีร์อรรถกถาเท่านั้น (ซึ่งคัมภีร์เหล่านี้เกิดในช่วง 1,000 ปีแรกหลักพุทธปรินิพพาน) ซึ่งไม่ตรงกับที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ เพราะพระธรรมก็เป็นสิ่งที่ไม่จำกัดกาลเวลา (อกาลิโก) ดังที่สวดกันในบทสวดสรรเสริญคุณของพระธรรม และนอกจากนี้พระพุทธเจ้าตรัสโดยไม่ได้ระบุเวลา ดังในมหาปรินิพพานสูตร พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่า
“ในธรรมวินัย (ศาสนา) ใด ไม่มีอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ในธรรมวินัยนั้น ไม่มีสมณะที่ ๑ (พระโสดาบัน) สมณะที่ ๒ (พระสกทาคามี) สมณะที่ ๓ (พระอนาคามี) หรือสมณะที่ ๔ (พระอรหันต์) ในธรรมวินัยใด มีอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ในธรรมวินัยนั้น มีสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ หรือที่ ๔ ดูกรสุภัททะ ในธรรมวินัยนี้ มีอริยมรรคประกอบด้วย องค์ ๘ ในธรรมวินัยนี้เท่านั้น มีสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ หรือที่ ๔ ลัทธิอื่นๆ ว่างจากสมณะผู้รู้ทั่วถึง ก็ภิกษุเหล่านี้พึงอยู่โดยชอบ โลกจะไม่พึงว่างจากพระอรหันต์ทั้งหลาย ฯ”
ซึ่งไม่ได้ระบุช่วงระยะเวลาแน่ชัดว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ขอเพียงแค่ภิกษุอยู่โดยชอบโลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์ ซึ่งคำว่า อยู่โดยชอบ (สมฺมา วิหเรยฺยํ) ในอรรถถามหาปรินิพพานสูตรนั้นกล่าวว่า หมายถึงการที่ พระผู้เริ่มวิปัสสนา เพื่อโสดาปัตติมรรค/สกทาคามิมรรค/อนาคามิมรรค/อรหัตตมรรค กำหนดกัมมัฏฐานที่ตนคล่องแคล่ว กระทำแม้ผู้อื่นให้เป็นผู้เริ่มวิปัสสนาเพื่อโสดาปัตติมรรค/สกทาคามิมรรค/อนาคามิมรรค/อรหัตตมรรค นี่เรียกว่าอยู่โดยชอบ หรือการที่พระโสดาบัน/พระสกทาคามี/พระอนาคามี/พระอรหันต์ บอกฐานะที่ตนบรรลุแก่ผู้อื่น ทำผู้อื่นนั้นให้เป็นพระโสดาบัน/พระสกทาคามี/พระอนาคามี/พระอรหันต์ ชื่อว่าอยู่โดยชอบ
นั่นคือ สรุปได้ว่า ข้อความในอรรถกถาน่าจะเป็นแค่การบอกกล่าวคร่าวๆเฉยๆว่า ในช่วงพันปีที่ 1,2,3,4,5 นั้น ส่วนมากพยายามได้เต็มที่แล้วจะได้ผลเช่นไร เช่นในช่วง 4,000 – 5,000 ปี แทบจะไม่มีพระอรหันต์ (แต่ใช่ว่าจะไม่มี เพราะถ้าภิกษุยังอยู่โดยชอบ โลกก็ยังมีพระอรหันต์อยู่ตามที่พระพุทธเจ้าบอก)
เมื่อพิจารณาจากข้อความใน อรรถกถาสัมปสาทนียสูตร ข้างต้นจะพบว่า ศาสนาเริ่มเสื่อมแล้วตั้งแต่ มีการทำลายศีลของภิกษุรูปหลังๆ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่พระภิกษุจะต้องรักษาศีลของพระให้บริสุทธิ์ มิฉะนั้นแล้วจะทำให้ศาสนายิ่งเสื่อมเร็วขึ้น
แต่ที่ระบุว่า ศาสนาปัจจุบันอายุ 5,000 ปีนับจากพระโคดมพุทธเจ้า เท่าที่เห็นคือปรากฏในคัมภีร์ชั้นหลังๆ คือ คัมภีร์อนาคตวงศ์
สรุป
- ศาสนาพุทธ ไม่จำเป็นต้องอยู่ 5,000 ปี อาจจะนานกว่านั้นหรือสั้นกว่านั้นก็ได้ขึ้นอยู่กับว่า ภิกษุยังอยู่โดยชอบหรือเปล่า
- พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสไว้ในที่ใดเลยว่า ศาสนาของท่านจะมีอายุเท่านั้นเท่านี่ปี แต่พระที่แต่งคำอธิบายพระไตรปิฎกเป็นผู้คาดการณ์ว่าศาสนาจะมีอายุ 5,000 ปี
- ศาสนาพุทธจะเริ่มเสื่อมลงเรื่อยๆ เมื่อมีการทำลายศีลของภิกษุ
รายละเอียดจาก : http://www.oknation.net/blog/buddha2600/2012/10/20/entry-4
http://drronenv.wordpress.com/2012/05/30/พุทธศาสนาอยู่ได้ห้าพัน/
"สิ่งที่ควรทำความเข้าใจกันใหม่ เพื่อความถูกต้อง" โดย วศิน อินทสระ
http://variety.thaiza.com/ทำไมศาสนาพุทธมีอายุแค่+5000+ปี-147032.html
อายุพุทธศาสนา 5000 ปี จริงหรือ?
บางคนเชื่อเอาว่าเป็นเรื่องจริง ว่าพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ 5,000 ปี เท่าที่ได้พบ คือพระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสเอาไว้ ไม่เคยพบที่เป็นพระพุทธพจน์ว่า พระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ 5,000 ปี แล้วก็หมด แต่มีปรากฏในอรรถกถาหลายแห่ง เช่น อรรถกถาทีฆนิกายก็มี ในอรรถกถาวินัยก็มี ตอนที่เล่าเรื่องการทำสังคายนาครั้งที่ 1 เมื่อทำสังคายนาเสร็จแล้ว แผ่นดินไหวปานประหนึ่งจะบอกว่า ศาสนาที่ พระเถระทั้งหลายได้ทำสังคายนาแล้วครั้งนี้จะดำรงอยู่ 5,000 ปี ท่านโปรดพิจารณาให้ดี และลองนึกถึงคำว่า “แผ่นดินไหวปานประหนึ่งจะบอกว่า” ธรรมวินัยหรือพุทธ ศาสนาที่พระเถระมีพระมหากัสสปเป็นประธานทำสังคายนาแล้วนี้จะดำรงอยู่ได้ 5,000 ปี นี้ก็มี
ในอรรถกถาทักขิณาวิภังคสูตร ในมัชฌินิกายก็มี รวมความว่ามีหลายแห่ง แต่ในอรรถกถาเท่านั้น ไม่มีที่เป็นพระพุทธพจน์ที่ตรัสบอกเอาไว้ว่า พุทธศาสนา ศาสนาของเราจะดำรงอยู่ 5,000 ปี
พระพุทธพจน์ที่มีอยู่ก็มีเป็นกลาง ๆ ตอนที่ตรัสกับท่านสุภัททะปัจฉิมสาวก พระสาวกองค์สุดท้ายที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ตอนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพานว่า “สุภัททะ ถ้าภิกษุทั้งหลายเป็นอยู่โดยชอบ โลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์”
ถ้าถือตามพระพุทธพจน์นี้ก็แปลว่า ตราบใดที่ภิกษุทั้งหลายเป็นอยู่โดยชอบ โลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์ คือ พุทธศาสนายังดำรงอยู่ได้เรื่อยไป ไม่จำกัดกาลเวลาว่าจะเป็น 5,000 ปี หรือ 50,000 ปี หรือ 500,000 ปี ตราบเท่าที่ภิกษุทั้งหลาย หรือพุทธบริษัทมองในแง่กว้าง ก็คือพุทธบริษัทยังเป็นอยู่โดยชอบ
ที่ว่า.... เป็นอยู่โดยชอบ คือเป็นอยู่ตามอริยมรรคมีองค์ 8 โลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์ เมื่อโลกไม่ว่างจากพระอรหันต์ก็ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลุถึงพระอนาคามี ระสกทาคามี พระโสดาบัน หรือกัลยาณปุถุชน ย่อมจะต้องมีเป็นแน่นอน เพราะมีได้ง่ายกว่ามีพระอรหันต์ เพราะฉะนั้นขอให้ถือตามนัยพระพุทธพจน์จะดีกว่าไปปักใจเชื่อว่า พุทธศาสนาจะดำรงอยู่ 5,000 ปี แล้วก็จะหมด
เมื่อ พ.ศ. 2500 ได้มีการจัดพิธีฉลอง 25 พุทธศตวรรษขึ้นในประเทศไทย เป็นงานใหญ่พิธีที่สนามหลวงหลายวัน ในครั้งนั้น เมื่อ พ.ศ. 2500 ก็ 56 ปีมาแล้ว ที่ประชุมพระเถระผู้ใหญ่รวมทั้งนักปราชญ์ได้ประชุมกันว่าจะใช้คำอย่างไร จะใช้คำว่า “ ฉลองกึ่งพุทธกาล” หรือ “ฉลอง 25 พุทธศตวรรษ”
ถ้าใช้คำว่าฉลองกึ่งพุทธกาล ก็เป็นการยอมรับความคิดเรื่องพุทธศาสนา 5,000 ปี ว่าเป็นจริง พระเถระในเมืองไทย
ตกลงใจว่าให้ใช้ “ฉลอง 25 พุทธศตวรรษ” เป็นการปฏิเสธหรือไม่ยอมรับความคิดที่ว่าพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ 5,000 ปียอมรับแต่เพียงว่าบัดนี้พุทธศตวรรษที่ 26 ต้น ๆ จะมีต่อไปเท่าไรก็ไม่ทราบ แล้วแต่ความเป็นอยู่โดยชอบของพุทธบริษัทมีได้แค่ไหน
ในคราวฉลอง 25 พุทธศตวรรษ มีปัญหาขึ้นอีกปัญหาหนึ่งว่าเราจะวงสายสิญจน์รอบสนามหลวงและทำพิธีทำน้ำมนต์สวดมนต์วงสายสิญจน์หรือไม่ ในที่สุดที่ประชุมตกลงเป็นที่เรียบร้อยว่าจะไม่ทำ ไม่มีการวางสายสิญจน์และจะไม่ทำพิธีแบบนั้น มีการสวดมนต์แต่เป็นการประกาศพุทธแบบพุทธแท้ ๆ ไม่มีไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อต้องการประกาศพุทธศาสนาที่แท้ให้ชาวโลก ให้พุทธบริษัทในโลกที่มาร่วมประชุมได้เห็นพุทธศาสนาในเมืองไทยเป็นพุทธแท้ ๆ ไม่มีไสยศาสตร์ ไม่มีอะไรมาเจือปน แต่หลังจากฉลอง 25 พุทธศตวรรษมาถึงปัจจุบันนี้เป็นอย่างไรท่านทั้งหลายก็รู้เห็นอยู่ว่าเราได้ทำอย่างไรต่อมา นี่เป็นเรื่องที่น่าคิด ผมสรุปในประเด็นที่ว่า นักปราชญ์ในเมืองไทยไม่ยอมรับเรื่องพุทธศาสนา 5,000 ปี แต่ยึดถือตามพุทธภาษิตในมหาปรินิพพานสูตรว่า “ ถ้าภิกษุทั้งหลาย หรือพุทธบริษัทเป็นอยู่โดยชอบแล้ว โลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์” พุทธศาสนาก็ยังอยู่ตลอดไป
ท่านตรัสว่า พุทธศาสนายังคงอยู่
ตราบใดที่ยังมีการปฏิบัติมรรค แปด
นั่นก็ไม่ได้ตรัสบอกว่า พุทธศาสนามีอายุกี่ปี จะ2600ปี 3000ปี 5000ปี หรือกี่หมื่นปีกี่แสนปี ขึ้นอยู่กับ การบอกสอนและ
การปฏิบัติมรรคแปด ถ้ายังมีการปฏิบัติอย่างนั้น พุทธศาสนาและพระอรหันต์ ก็ยังคงมีอยู่...
คำว่าห้าพันปี มีการได้เข้าไปค้นหาในพระไตรปิฏกทั้ง 3 สำนักคือ
1. พระไตรปิฏกฉบับมหาจุฬาฯ ของมหานิกาย
2. พระไตรปิฏกฉบับมหามงกุฏฯของธรรมยุติกนิกาย
3. พระไตรปิฏกฉบับ ไทย สยามรัฐ (ซึ่งเป็นต้นฉบับในรัฐกาลที่ 5)
คำว่า ห้าพันปี จึงมีที่มาดังนี้ครับ
ฉบับมหาจุฬาฯ ไม่มีคำว่า ห้าพันปี
ฉบับไทย(บาลีสยามรัฐ) ไม่มีคำว่า ห้าพันปี
ส่วนของฉบับมหามกุฏฯ มีคำว่าห้าพันปี
และนี่คือข้อความที่ให้ความหมาย ห้าพันปี
แต่คำว่า พันปี นั้น พระองค์ตรัสด้วยอำนาจพระขีณาสพผู้ถึงความ
แตกฉานในปฏิสัมภิทาเท่านั้น. แต่เมื่อจะตั้งอยู่ยิ่งกว่าพันปีนั้นบ้าง จักตั้งอยู่
สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระขีณาสพสุกขวิปัสสกะ, จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วย
อำนาจแห่งพระอนาคามี, จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระสกทาคามี,
จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจพระโสดาบัน, รวมความว่า พระปฏิเวธสัทธรรม
จักตั้งอยู่ตลอดห้าพันปี ด้วยประการฉะนี้.
พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๙
พระวินัยปิฎก เล่ม ๗ จุลวรรค ทุติยภาค
จะเห็นได้ว่า จากข้อความด้านบนไม่ใช่พุทธวจน แต่เป็น อรรถคาถา
เพราะถ้าเป็นพุทธวจนจะต้องขึ้นด้วยวลีที่ว่า ดูกรอานนท์ ดูกรสารีบุตร ....
ดังนั้นคำว่าห้าพันปี จึงไม่ใช่อายุของพระศาสนาพุทธ เพราะถ้าใช่ทำไม?
พระไตรปิฏกอีก 2 สำนักจึงไม่บันทึกไว้....
อรรถกถา ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค สัมปสาทนียสูตร ที่กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า
“แต่วงศ์ของสมณะผู้นุ่งผ้าขาว ไม่สามารถจะดำรงศาสนาไว้ได้ ตั้งแต่กาลของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสสปะ
1. ศาสนาดำรงอยู่ได้ตลอดพันปีด้วยภิกษุผู้บรรลุปฏิสัมภิทา
2. ดำรงอยู่ได้พันปีด้วยภิกษุผู้ทรงอภิญญา ๖
3. ดำรงอยู่ได้พันปีด้วยภิกษุผู้ทรงวิชชา ๓
4.ดำรงอยู่ได้พันปีด้วยภิกษุผู้เป็นสุกขวิปัสสกะ
5. ดำรงอยู่ได้พันปีด้วยเหล่าภิกษุผู้ทรงปาฏิโมกข์
ก็ศาสนาย่อมมีอันทรุดลงตั้งแต่การแทงตลอดสัจจะของภิกษุรูปหลังๆ และแต่การทำลายศีลของภิกษุรูปหลังๆ”
จะเห็นได้ว่านี่ กรณีที่เชื่อกันว่า พุทธศาสนาอยู่ได้ 5,000 ปีนี่ มีหลักฐานว่าเป็นเหตุการณ์ในสมัยพระกัสสปพุทธเจ้า
ส่วนในศาสนาของพระศรีศากยมุนีโคดมพุทธเจ้าใน พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ ภิกขุนิกขันธก วรรณนา กล่าวว่า อธิบายเรื่องที่พระพุทธเจ้าบัญญัติครุธรรม 8 ประการให้พระนางปชาบดีโคตมี ก่อนบวชภิกษุณีว่า ถ้าไม่บัญญัติครุธรรม 8 ประการ ศาสนาอยู่ได้ 500 ปีแทนที่จะอยู่ได้ 1,000 ปี ซึ่งตรงจุดนี้อรรถถาอธิบายว่า 1,000 ปีแบ่งเป็นช่วงๆ ดังนี้
“แต่คำว่า พันปี นั้น พระองค์ตรัสด้วย
- อำนาจพระขีณาสพผู้ถึงความแตกฉานในปฏิสัมภิทาเท่านั้น.
แต่เมื่อจะตั้งอยู่ยิ่งกว่าพันปีนั้นบ้าง จักตั้งอยู่สิ้นพันปี
- ด้วยอำนาจแห่งพระขีณาสพสุกขวิปัสสกะ,
- จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระอนาคามี,
- จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระสกทาคามี,
- จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจพระโสดาบัน,
รวมความว่า พระปฏิเวธสัทธรรมจักตั้งอยู่ตลอดห้าพันปี ด้วยประการฉะนี้”
แต่ในอรรถกถาทั้งสองนี้ เป็นแค่ข้อสันนิษฐานของพระอาจารย์ผู้แต่งคัมภีร์อรรถกถาเท่านั้น (ซึ่งคัมภีร์เหล่านี้เกิดในช่วง 1,000 ปีแรกหลักพุทธปรินิพพาน) ซึ่งไม่ตรงกับที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ เพราะพระธรรมก็เป็นสิ่งที่ไม่จำกัดกาลเวลา (อกาลิโก) ดังที่สวดกันในบทสวดสรรเสริญคุณของพระธรรม และนอกจากนี้พระพุทธเจ้าตรัสโดยไม่ได้ระบุเวลา ดังในมหาปรินิพพานสูตร พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่า
“ในธรรมวินัย (ศาสนา) ใด ไม่มีอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ในธรรมวินัยนั้น ไม่มีสมณะที่ ๑ (พระโสดาบัน) สมณะที่ ๒ (พระสกทาคามี) สมณะที่ ๓ (พระอนาคามี) หรือสมณะที่ ๔ (พระอรหันต์) ในธรรมวินัยใด มีอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ในธรรมวินัยนั้น มีสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ หรือที่ ๔ ดูกรสุภัททะ ในธรรมวินัยนี้ มีอริยมรรคประกอบด้วย องค์ ๘ ในธรรมวินัยนี้เท่านั้น มีสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ หรือที่ ๔ ลัทธิอื่นๆ ว่างจากสมณะผู้รู้ทั่วถึง ก็ภิกษุเหล่านี้พึงอยู่โดยชอบ โลกจะไม่พึงว่างจากพระอรหันต์ทั้งหลาย ฯ”
ซึ่งไม่ได้ระบุช่วงระยะเวลาแน่ชัดว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ขอเพียงแค่ภิกษุอยู่โดยชอบโลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์ ซึ่งคำว่า อยู่โดยชอบ (สมฺมา วิหเรยฺยํ) ในอรรถถามหาปรินิพพานสูตรนั้นกล่าวว่า หมายถึงการที่ พระผู้เริ่มวิปัสสนา เพื่อโสดาปัตติมรรค/สกทาคามิมรรค/อนาคามิมรรค/อรหัตตมรรค กำหนดกัมมัฏฐานที่ตนคล่องแคล่ว กระทำแม้ผู้อื่นให้เป็นผู้เริ่มวิปัสสนาเพื่อโสดาปัตติมรรค/สกทาคามิมรรค/อนาคามิมรรค/อรหัตตมรรค นี่เรียกว่าอยู่โดยชอบ หรือการที่พระโสดาบัน/พระสกทาคามี/พระอนาคามี/พระอรหันต์ บอกฐานะที่ตนบรรลุแก่ผู้อื่น ทำผู้อื่นนั้นให้เป็นพระโสดาบัน/พระสกทาคามี/พระอนาคามี/พระอรหันต์ ชื่อว่าอยู่โดยชอบ
นั่นคือ สรุปได้ว่า ข้อความในอรรถกถาน่าจะเป็นแค่การบอกกล่าวคร่าวๆเฉยๆว่า ในช่วงพันปีที่ 1,2,3,4,5 นั้น ส่วนมากพยายามได้เต็มที่แล้วจะได้ผลเช่นไร เช่นในช่วง 4,000 – 5,000 ปี แทบจะไม่มีพระอรหันต์ (แต่ใช่ว่าจะไม่มี เพราะถ้าภิกษุยังอยู่โดยชอบ โลกก็ยังมีพระอรหันต์อยู่ตามที่พระพุทธเจ้าบอก)
เมื่อพิจารณาจากข้อความใน อรรถกถาสัมปสาทนียสูตร ข้างต้นจะพบว่า ศาสนาเริ่มเสื่อมแล้วตั้งแต่ มีการทำลายศีลของภิกษุรูปหลังๆ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่พระภิกษุจะต้องรักษาศีลของพระให้บริสุทธิ์ มิฉะนั้นแล้วจะทำให้ศาสนายิ่งเสื่อมเร็วขึ้น
แต่ที่ระบุว่า ศาสนาปัจจุบันอายุ 5,000 ปีนับจากพระโคดมพุทธเจ้า เท่าที่เห็นคือปรากฏในคัมภีร์ชั้นหลังๆ คือ คัมภีร์อนาคตวงศ์
สรุป
- ศาสนาพุทธ ไม่จำเป็นต้องอยู่ 5,000 ปี อาจจะนานกว่านั้นหรือสั้นกว่านั้นก็ได้ขึ้นอยู่กับว่า ภิกษุยังอยู่โดยชอบหรือเปล่า
- พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสไว้ในที่ใดเลยว่า ศาสนาของท่านจะมีอายุเท่านั้นเท่านี่ปี แต่พระที่แต่งคำอธิบายพระไตรปิฎกเป็นผู้คาดการณ์ว่าศาสนาจะมีอายุ 5,000 ปี
- ศาสนาพุทธจะเริ่มเสื่อมลงเรื่อยๆ เมื่อมีการทำลายศีลของภิกษุ
รายละเอียดจาก : http://www.oknation.net/blog/buddha2600/2012/10/20/entry-4
http://drronenv.wordpress.com/2012/05/30/พุทธศาสนาอยู่ได้ห้าพัน/
"สิ่งที่ควรทำความเข้าใจกันใหม่ เพื่อความถูกต้อง" โดย วศิน อินทสระ
http://variety.thaiza.com/ทำไมศาสนาพุทธมีอายุแค่+5000+ปี-147032.html