ถอดความจากศิลาจารึก เชตมหาวิหาร สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย
สาธุอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นพระสัพพัญญูรู้แจ้งโลกทั้งในอดีตและอนาคต ทรงทีเมตตากรุณาแก่สัตว์โลกเป็นล้นพ้น เมื่อครั้งพระองค์ดำรงพระชนมายุอยู่ได้ตรัสแก่พระอานนท์ว่า
>>>>>>>>>>>>>ดูก่อนอานนท์ เมื่อศาสนาตถาคตล่วงเลยไปถึง"กึ่งพุทธกาล" สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดในยุคนั้นจะพบความลำบากทุกชาติทุกศาสนา ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนของโลก ที่หมุนไปใกล้ความแตกทำลาย แผ่นดินแผ่นน้ำจะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทั่วทิศ
คนในสมัยนั้น ( คือปัจจุบัน ) จะมีวิสัยโหดดุจกำเนิดจากสัตว์ป่าอำมหิต จะรบราฆ่าฟันกันถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ ส่วนเวไนยสัตว์ผู้ขวนขวายในกุศลตามวัจนะของตถาคต ก็จะระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านเมืองใดมีความเคารพยำเกรงในพระรัตนตรัยและคุณบิดามารดา เหตุร้ายภัยพิบัติจักเบาบาง แต่ก็จะหนีกฏธรรมชาติไม่พ้น
เริ่มแต่พระพุทธศาสนาล่วงเลย 2,500 ปีเป็นต้นไป ไฟจะลุกลามทางทิศตะวันออก(เอเชีย) ไหม้วัดวาอารามสมณะชีพราหมณ์จะอดอยากยากเข็ญ(ไหม้จริงที่ภาคใต้พระไปบิณทบาตรยังไม่ได้เลยแล้วจะกินอะไรละโยม) ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ (เรือดำน้ำ)มหาสมุทรจะชอกช้ำ สงครามจะทั่วทิศ ศึกจะติดเมือง ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมืองพระทรงเมืองจะหนีเข้าไพร ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจจะเรียกแมลงผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว(เครื่องบินงัย) มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ(ลูกระเบิด) ยักษ์หินที่ถูกสาบ(ภูเขาไฟ)มาเป็นเวลานาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาดโลก ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน ตลิ่งจะพัง แผ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ นักปราชญ์จะถูกทำร้ายให้สิ้นสูญ
ในระยะนั้นศาสนาของตถาคตเสื่อมลงมาก เพราะพุทธบริษัทไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม เชื่อคำของคนโกง กล่าวคำเท็จไม่เคารพหลักธรรมนิยม คนประจบสอพลอได้รับการเชื่อถือในสังคม ผู้มีศีลธรรมประพฤติชอบกลับไม่มีใครเคารพยำเกรง
พระธรรมจะเริ่มเปล่งแสงรัศมีฉายส่องโลกอีกวาระหนึ่งก็ต่อเมื่อมีธรรมิราชโพธิญาณบังเกิดขึ้นอยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ทั้งสองพระองค์สถิตย์ ณ เบื้องตะวันออกของมัชฌิมประเทศ(ชนบท) จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคตให้รุ่งเรืองสืบไปถึง 5.000 พระวรรษา
ดูก่อนอานนท์ เวลานั้นพลโลกเหลือน้อย คำทำนายของตถาคตนี้ย่อมยังเวไนยสัตว์ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อ นับว่าเป็นกรรมของสัตว์โลกที่ต้องสิ้นสุดไปตามกรรมชั่วของตน
ผู้ใดปรารถนารอดพ้นจากภัยพิบัติให้รักษาศีลห้าประการ เจริญเมตตากรุณา ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจสันโดษ รู้จักพอ ไม่หลงมัวเมาอำนาจและลาภยศ ตั้งใจประพฤติตนตามคำสอนของตถาคตให้มั่นคงจึงจะพ้นอันตรายในยุคกึ่งพุทธกาล
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
แต่พระศรีอารย์นี้ไม่มีใครรู้แหละว่าท่านไปอยู่สวรรค์หรือเมืองคนเดี๋ยวนี้ มีผู้รู้อยู่ผู้หนึ่งคือหลวงปู่จาม ท่านอยู่โน่นจังหวัดมุกดาหาร ท่านมาหาอาตมาหลวงปู่สิมที่เทศน์อยู่นี้แหละว่า "พระศรีอารย์ท่านมาเกิดแล้วนะ" หลวงพ่อว่าอย่างนั้น "อ้าวเกิดที่ไหนล่ะ" ท่านไม่บอก อาจารย์จามท่านก็ไม่บอก แต่ว่าเกิดแล้ว ท่านว่าอย่างนั้น มาเกิดเป็นคนไม่รู้จังหวัดไหนละ ท่านปิดไว้ไม่มีใครรู้ รู้แต่หลวงปู่จามองค์เดียว จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ ถ้าใครไปมุกดาหารก็ไปถามท่านเถิดว่า พระศรีอาริยเมตตรัยโยโพธิสัตว์ที่ได้ข่าวว่าหลวงปู่จามว่ามาเกิดแล้วในโลกมนุษย์ เวลานี้ไม่ได้อยู่สวรรค์มาอยู่เมืองคนน่ะอยู่จังหวัดไหน เมืองใดตำบลอำเภอจังหวัดบ้านไหน กระผมก็อยากจะไปกราบไปไหว้ เผื่อว่าบุญบารมีแก่ก็จะได้ทันท่านมาตรัสรู้นั้น ให้ไปถามท่านหลวงปู่จามอย่างนี้ หลวงปู่จามพอจะนิมนต์พระศรีอารย์ให้มาปรากฏในโลกมนุษย์เป็นตัวเป็นตน เหมือนคนที่ว่าหลวงปู่ว่ามาเกิดเป็นคนเหล่านั้นแหละ อาจารย์จามจะนิมนต์ท่านมาให้มนุษย์โลกสมัยนี้กราบไหว้บูชาจะได้หรือไม่ ไปถามท่านอย่างนั้น ท่านก็จะตอบเป็นฉากเป็นฉากไปละ เพราะอาจารย์จามทั้งไอทั้งจามท่านก็ยังเทศน์ได้อยู่
อันนี้เป็นเรื่องของพระศรีอาริยเมตตรัยโยโพธิสัตว์ ไม่มีใครรู้ มีแต่หลวงปู่จามองค์เดียวรู้คนเดียวพูดคนเดียวว่าคนเดียว คนอื่นไม่เห็นด้วยเพราะไม่เห็นตัว ถ้าหากว่าท่านจะมาอยู่จำพรรษาวัดถ้ำผาปล่องก็คงจะไม่มีใครรู้ เพราะว่าพระศรีอารย์ในเวลานี้ก็ยังไม่มีรัศมี ๖ ประการ จะเป็นคล้าย ๆ คนเราธรรมดาแหละ อาจจะเป็นผู้ที่บำเพ็ญบารมี มีกิริยามารยาทเรียบร้อย จึงจะได้เป็นพระศรีอาริยเมตตรัยโยโพธิสัตว์ อย่าว่าแต่มาเกิดที่โน้นที่นี้ ถ้าหากสมมุติว่าท่านมาจำพรรษาวัดถ้ำผาปล่อง เราทุกคนก็ไม่รู้เพราะท่านก็ไม่บอกใคร ถ้าไปบอกแล้วไม่มีเวลาหลับเวลานอนล่ะ เขาก็จะเอาดอกไม้ธูปเทียนมา "ขอไหว้หน่อยเถิดเจ้าประคุณ เวลาได้ตรัสรู้แล้วก็ให้มาโปรดเอาข้าพเจ้าเป็นคนแรก" จะว่าอย่างนั้น
องค์พระศรีอาริยเมตไตรย ตอนนี้ท่านมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วนะ!!!
สาธุอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นพระสัพพัญญูรู้แจ้งโลกทั้งในอดีตและอนาคต ทรงทีเมตตากรุณาแก่สัตว์โลกเป็นล้นพ้น เมื่อครั้งพระองค์ดำรงพระชนมายุอยู่ได้ตรัสแก่พระอานนท์ว่า
>>>>>>>>>>>>>ดูก่อนอานนท์ เมื่อศาสนาตถาคตล่วงเลยไปถึง"กึ่งพุทธกาล" สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดในยุคนั้นจะพบความลำบากทุกชาติทุกศาสนา ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนของโลก ที่หมุนไปใกล้ความแตกทำลาย แผ่นดินแผ่นน้ำจะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทั่วทิศ
คนในสมัยนั้น ( คือปัจจุบัน ) จะมีวิสัยโหดดุจกำเนิดจากสัตว์ป่าอำมหิต จะรบราฆ่าฟันกันถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ ส่วนเวไนยสัตว์ผู้ขวนขวายในกุศลตามวัจนะของตถาคต ก็จะระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านเมืองใดมีความเคารพยำเกรงในพระรัตนตรัยและคุณบิดามารดา เหตุร้ายภัยพิบัติจักเบาบาง แต่ก็จะหนีกฏธรรมชาติไม่พ้น
เริ่มแต่พระพุทธศาสนาล่วงเลย 2,500 ปีเป็นต้นไป ไฟจะลุกลามทางทิศตะวันออก(เอเชีย) ไหม้วัดวาอารามสมณะชีพราหมณ์จะอดอยากยากเข็ญ(ไหม้จริงที่ภาคใต้พระไปบิณทบาตรยังไม่ได้เลยแล้วจะกินอะไรละโยม) ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ (เรือดำน้ำ)มหาสมุทรจะชอกช้ำ สงครามจะทั่วทิศ ศึกจะติดเมือง ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมืองพระทรงเมืองจะหนีเข้าไพร ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจจะเรียกแมลงผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว(เครื่องบินงัย) มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ(ลูกระเบิด) ยักษ์หินที่ถูกสาบ(ภูเขาไฟ)มาเป็นเวลานาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาดโลก ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน ตลิ่งจะพัง แผ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ นักปราชญ์จะถูกทำร้ายให้สิ้นสูญ
ในระยะนั้นศาสนาของตถาคตเสื่อมลงมาก เพราะพุทธบริษัทไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม เชื่อคำของคนโกง กล่าวคำเท็จไม่เคารพหลักธรรมนิยม คนประจบสอพลอได้รับการเชื่อถือในสังคม ผู้มีศีลธรรมประพฤติชอบกลับไม่มีใครเคารพยำเกรง
พระธรรมจะเริ่มเปล่งแสงรัศมีฉายส่องโลกอีกวาระหนึ่งก็ต่อเมื่อมีธรรมิราชโพธิญาณบังเกิดขึ้นอยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ทั้งสองพระองค์สถิตย์ ณ เบื้องตะวันออกของมัชฌิมประเทศ(ชนบท) จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคตให้รุ่งเรืองสืบไปถึง 5.000 พระวรรษา
ดูก่อนอานนท์ เวลานั้นพลโลกเหลือน้อย คำทำนายของตถาคตนี้ย่อมยังเวไนยสัตว์ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อ นับว่าเป็นกรรมของสัตว์โลกที่ต้องสิ้นสุดไปตามกรรมชั่วของตน
ผู้ใดปรารถนารอดพ้นจากภัยพิบัติให้รักษาศีลห้าประการ เจริญเมตตากรุณา ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจสันโดษ รู้จักพอ ไม่หลงมัวเมาอำนาจและลาภยศ ตั้งใจประพฤติตนตามคำสอนของตถาคตให้มั่นคงจึงจะพ้นอันตรายในยุคกึ่งพุทธกาล
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
แต่พระศรีอารย์นี้ไม่มีใครรู้แหละว่าท่านไปอยู่สวรรค์หรือเมืองคนเดี๋ยวนี้ มีผู้รู้อยู่ผู้หนึ่งคือหลวงปู่จาม ท่านอยู่โน่นจังหวัดมุกดาหาร ท่านมาหาอาตมาหลวงปู่สิมที่เทศน์อยู่นี้แหละว่า "พระศรีอารย์ท่านมาเกิดแล้วนะ" หลวงพ่อว่าอย่างนั้น "อ้าวเกิดที่ไหนล่ะ" ท่านไม่บอก อาจารย์จามท่านก็ไม่บอก แต่ว่าเกิดแล้ว ท่านว่าอย่างนั้น มาเกิดเป็นคนไม่รู้จังหวัดไหนละ ท่านปิดไว้ไม่มีใครรู้ รู้แต่หลวงปู่จามองค์เดียว จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ ถ้าใครไปมุกดาหารก็ไปถามท่านเถิดว่า พระศรีอาริยเมตตรัยโยโพธิสัตว์ที่ได้ข่าวว่าหลวงปู่จามว่ามาเกิดแล้วในโลกมนุษย์ เวลานี้ไม่ได้อยู่สวรรค์มาอยู่เมืองคนน่ะอยู่จังหวัดไหน เมืองใดตำบลอำเภอจังหวัดบ้านไหน กระผมก็อยากจะไปกราบไปไหว้ เผื่อว่าบุญบารมีแก่ก็จะได้ทันท่านมาตรัสรู้นั้น ให้ไปถามท่านหลวงปู่จามอย่างนี้ หลวงปู่จามพอจะนิมนต์พระศรีอารย์ให้มาปรากฏในโลกมนุษย์เป็นตัวเป็นตน เหมือนคนที่ว่าหลวงปู่ว่ามาเกิดเป็นคนเหล่านั้นแหละ อาจารย์จามจะนิมนต์ท่านมาให้มนุษย์โลกสมัยนี้กราบไหว้บูชาจะได้หรือไม่ ไปถามท่านอย่างนั้น ท่านก็จะตอบเป็นฉากเป็นฉากไปละ เพราะอาจารย์จามทั้งไอทั้งจามท่านก็ยังเทศน์ได้อยู่
อันนี้เป็นเรื่องของพระศรีอาริยเมตตรัยโยโพธิสัตว์ ไม่มีใครรู้ มีแต่หลวงปู่จามองค์เดียวรู้คนเดียวพูดคนเดียวว่าคนเดียว คนอื่นไม่เห็นด้วยเพราะไม่เห็นตัว ถ้าหากว่าท่านจะมาอยู่จำพรรษาวัดถ้ำผาปล่องก็คงจะไม่มีใครรู้ เพราะว่าพระศรีอารย์ในเวลานี้ก็ยังไม่มีรัศมี ๖ ประการ จะเป็นคล้าย ๆ คนเราธรรมดาแหละ อาจจะเป็นผู้ที่บำเพ็ญบารมี มีกิริยามารยาทเรียบร้อย จึงจะได้เป็นพระศรีอาริยเมตตรัยโยโพธิสัตว์ อย่าว่าแต่มาเกิดที่โน้นที่นี้ ถ้าหากสมมุติว่าท่านมาจำพรรษาวัดถ้ำผาปล่อง เราทุกคนก็ไม่รู้เพราะท่านก็ไม่บอกใคร ถ้าไปบอกแล้วไม่มีเวลาหลับเวลานอนล่ะ เขาก็จะเอาดอกไม้ธูปเทียนมา "ขอไหว้หน่อยเถิดเจ้าประคุณ เวลาได้ตรัสรู้แล้วก็ให้มาโปรดเอาข้าพเจ้าเป็นคนแรก" จะว่าอย่างนั้น