“แก้ปัญหาท้องไม่พร้อม โดยไม่ทำแท้ง”

ฉันเคยได้ยินใครหลายๆคนที่เคยทำแท้ง ต่างพูดกันว่ามีความจำเป็น บ้างก็บอกว่าไม่มีเงินจะเลี้ยงลูก บ้างก็บอกว่าพ่อแม่บังคับให้ทำ บ้างก็บอกว่าเพราะยังเป็นนักเรียน กลัวไม่มีอนาคต และอีกหลายๆความจำเป็นอีกมากมาย โดยบทส่งท้ายส่วนมาก คนเหล่านั้นจะบอกว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะไม่ทำแท้งลูกของตัวเอง และรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ตัดสินใจทำลงไป

            ฉันถามตัวเองในใจว่า มันสมควรแล้วจริงๆเหรอ ถ้าท้องเมื่อไม่พร้อม ทางออกที่ควรจะเป็นคือการทำแท้ง ทางเลือกอื่นๆมันไม่มีแล้วจริงๆ หรือคุณๆเหล่านั้นยังไม่รู้ว่ามีทางเลือกอื่นอีก

            ฉันอยากให้ผู้หญิงหลายๆคน ที่กำลังมีพฤติกรรมเสี่ยง หรือ กำลังตั้งครรภ์ในขณะที่ไม่พร้อม แม้แต่ผู้หญิงที่ถูกข่มขืน ลองเปลี่ยนมุมมอง และลองนำสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกต่อไปนี้ ไปเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของพวกคุณ

***ฉันจะไม่กล่าวถึง กรณีที่ผู้เป็นแม่จำเป็นต้องยุติการตั้งครรภ์อันเนื่องมาจากลูกในท้องมีความพิกรพิการแต่กำเนิด เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวที่เราไม่สามารถป้องกันให้มันเกิดได้

     คุณๆ รู้จักบ้านพักฉุกเฉินกันมั้ยคะ  รู้จักสมาคมส่งเสริมสถานะภาพสตรีกันหรือเปล่า  เคยได้ยินชื่อกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ผ่านหูบ้างมั้ย และกระทรวงสาธารณะสุขหล่ะ คิดว่าคงจะพอเคยได้ยินกันมาบ้าง

         ชื่อหน่วยงานที่ฉันกล่าวไปข้างต้นนี้  ต่างมีโครงการที่มีชื่อแตกต่างกันไป แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษากับสตรีที่ตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม

           โครงการที่ฉันอยากจะให้คุณๆได้รู้จักคือ โครงการรับฝากเลี้ยงเด็กที่แม่ไม่พร้อม และโครงการเพิ่มต้นทุนชีวิตให้แม่วัยรุ่นและลูก

           โครงการแรก โครงการรับฝากเลี้ยงเด็กที่แม่ไม่พร้อม  โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง กระทรวงพัฒนาสังคมฯ และ กระทรวงสาธารณะสุข จัดตั้งขึ้นเพื่อให้แม่ที่คลอดลูกแต่ไม่พร้อมที่จะเลี้ยงดูกรอกแบบฟอร์มเพื่อทำสัญญาว่า  

         “ยินดีจะมอบลูกให้รัฐดูแลจนกว่าจะมีความพร้อมหรือเรียนจบมีงานทำ  และสามารถมารับลูกคืนกลับไปเลี้ยงดูได้  กับอีกกรณีหนึ่งคือการยกลูกให้เป็นสิทธิ์ขาดของรัฐ เพื่อให้ดำเนินการจัดหาครอบครัวทดแทนเป็นบุตรบุญธรรมต่อไป  ทั้งนี้ เพื่อให้เด็กมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ “

          โรงพยาบาลรัฐจะดำเนินการโดยมีพยาบาลแจ้งให้หญิงที่มาคลอดทราบว่ามีแบบฟอร์มสัญญาฝากเลี้ยงลูก หากมีความประสงค์ที่จะให้รัฐเป็นผู้ดูแลก็กรอกแบบฟอร์ม  ซึ่งการทำสัญญานี้จะไม่ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมาย และข้อมูลของแม่ก็จะถูกเก็บเป็นความลับ ส่วนแม่ที่ไม่ได้คลอดในโรงพยาบาลรัฐ  ก็สามารถที่จะทำสัญญานี้ได้เช่นกัน  โดยติดต่อแจ้งความประสงค์มาที่ศูนย์ประชาบดี  โทร.1300  นอกจากนี้ยังได้ประสานความร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์  เนื่องจากมีกรณีผู้ต้องขังหญิงอยู่ในระหว่างตั้งครรภ์เมื่อคลอดแล้วก็ไม่สามารถจะเลี้ยงดูได้ รัฐจึงจำเป็นต้องรับเลี้ยงดูแทน “

           โครงการที่สอง  โครงการเพิ่มต้นทุนชีวิตให้แม่วัยรุ่นและลูก
           จุดยืนและสาระของโครงการเพิ่มต้นทุนให้แม่วัยรุ่น  คือ   เพื่อสร้างชีวิตและสายสัมพันธ์ที่มีความหมายของแม่และลูก มุ่งที่จะให้แม่ที่แม้จะอายุน้อยที่ประสบปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อม  ได้มีโอกาสที่จะเรียนหนังสือต่อ  และเอื้อให้สามารถที่จะเลี้ยงลูกเองไปพร้อมกัน  โดยให้การสนับสนุนรอบด้านอย่างเต็มที่   เป็นโครงการที่ท้าทายในกระบวนการ และต้องอาศัยความผูกพันมุ่งมั่นในการที่จะให้การสนับสนุนที่ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี   แต่ผลลัพธ์ต่อสังคมนั้น  เชื่อได้ว่า มากมาย  เพราะเป็นการช่วยสร้าง 2 ชีวิตให้เติบโตอย่างเต็มตามศักยภาพ

             ความช่วยเหลือที่บ้านพักฉุกเฉินให้แก่แม่วัยรุ่นนั้น  จะครอบคลุมเช่นเดียวกับกรณีปัญหาอื่นๆ  คือ ดูแลในด้านสุขภาพ  ฟื้นฟูสภาพจิตใจ  สร้างความเข้มแข็ง  ให้ความรู้ ทักษะชีวิต และฝึกอาชีพ  รวมทั้งติดตามกรณีเป็นคดีความ (ดูในกรอบ ) และเยี่ยมบ้าน    

                 แต่จะมีลักษณะพิเศษ   คือ   กระบวนการของโครงการเพิ่มต้นทุนชีวิตแม่วัยรุ่น เริ่มด้วยการให้ข้อมูลความช่วย เหลือเพื่อให้แม่วัยรุ่นตัดสินใจได้ ความช่วยเหลือที่ให้นั้นมีเงื่อนไขในเรื่องการศึกษา คือ ต้องเรียนต่อจนจบขั้นมัธยมต้นหรือปลายแล้วแต่กรณี และดูแลลูกด้วยตัวเองระหว่างที่เรียน  
                  ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้น  บ้านพักฉุกเฉินของสมาคมฯ รับผิดชอบ
                  การดำเนินการ จึงเริ่มต้นตั้งแต่ยังท้อง  เริ่มจากการสร้างสายสัมพันธ์กับลูกในระหว่างท้อง  การให้ความรู้ ดูแลตนเองก่อนคลอด และหลังคลอด รวมทั้ง การให้ความรู้ต่างๆในแง่ทักษะชีวิต ความรู้ด้านสุขภาพทางเพศและอนามัยเจริญพันธุ์    ซึ่งได้สอดแทรกให้ตลอดเวลา รวมทั้งเพิ่มทักษะอาชีพที่แต่ละคนสนใจด้วย

                 ในกรณีที่แม่วัยรุ่นตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ นั่นหมายถึงว่า  จะต้องดำเนินการในเรื่องโรงเรียน  ซึ่งอาจเป็นการเรียนในระบบ หรือ การเรียนนอกระบบ – การศึกษาผู้ใหญ่  

                 ซึ่งแต่ละคนก็เลือกตามที่ต้องการ   ในขณะที่เรียนหนังสือนั้น  สำหรับกรณีที่พักที่บ้านพักฉุกเฉินสมาคมฯ ก็ได้ฝากเงินในธนาคารให้เดือนละ 1,500 บาท  ซึ่งแม่วัยรุ่นไม่มีสิทธิถอนเงิน  จนกระทั่งเรียนสำเร็จ  และพร้อมที่จะก้าวออกจากบ้านพักพร้อมลูก

                 ภารกิจตรงนี้  มีใช่มีเพียงกับแม่วัยรุ่น  แต่จะต้องทำงานกับพ่อแม่ และครอบครัวที่แม่วัยรุ่นจะคืนสู่ด้วย    การให้คำปรึกษาและเตรียมครอบครัวของแม่วัยรุ่น  การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างแม่วัยรุ่นและพ่อแม่จึงเป็นอีกองค์ประกอบที่สำคัญของโครงการ


                   ทั้ง 2 โครงการนี้ที่ฉันได้นำเสนอไป มีจุดประสงค์เดียวกันคือ การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม   เน้นที่ความรู้ผิดถูกและความรับผิดชอบต่อลูกในท้องของผู้เป็นแม่  โดยเปิดโอกาศให้แม่ได้เก็บลูกในท้องไว้ ช่วยเหลือในกรณีที่ไม่พร้อมจะเลี้ยงลูก ให้โอกาสแม่ได้กลับสู่สังคม ดำเนินชีวิตตามปกติ เมื่อชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น สามารถมารับลูกกลับไปดูแลเองได้  ในกรณีของวัยรุ่นก็สามารถกลับไปเรียนต่อพร้อมเลี้ยงลูกไปด้วยได้ ไม่เสี่ยงต่ออันตรายที่เกิดขึ้นจากการทำแท้ง และความรู้สึกผิดในใจเมื่อทำแท้ง

         ****อาจมีบางความเห็นว่าเด็กที่คลอดออกมาก็กลายเป็นปัญหาสังคมต่อไป  
          ความจริงไม่ต้องเป็นเด็กกำพร้าหรอกคะที่เป็นปัญหาสังคม แม้แต่ลูกคนรวยล้นฟ้า จนลูกยาจกติดดิน ทุกคนล้วนเป็นปัญหาสังคมได้ด้วยกันทั้งนั้น  
           เด็กๆที่โตมาในสภาพแวดล้อมเหล่านี้หลายๆคน และส่วนมากเมื่อโตขึ้นก็มาก็แยกย้ายกันไปมีอนาคต และมีจำนวนไม่น้อยใช้เวลาว่างมาเป็นอาสาสมัครตามที่ต่างๆ  เราว่าเด็กๆเหล่านี้ก็สามารถมีส่วนสร้างารรค์สังคมได้ดีพอๆกับลูกคนปกติธรรมดา

            สิ่งที่สำคัญที่จะเปลี่ยนเด็กเหล่านี้ให้ไปในทิศทางที่ดี คือการอบรมสั่งสอนของคนที่ดูแล หรือของผู้เป็นพ่อแม่มากกว่า  ถ้าพ่อแม่มีความคิดดี มีความรับผิดชอบ วันนึงเรียนจบหรือมีงานทำกลับมารับลูกไปอบรมเลี้ยงดูลูกก็ออกมาเป็นคนดี มีคุณภาพได้  

         อย่าตัดช่องน้อยแต่พอตัวโดยการทำแท้ง  รู้จักทำต้องรู้จักรับผิดชอบ  
         สังคมให้โอกาสขนาดนี้ ช่วยเหลือแทบจะทุกด้าน  ตัวเราเองก็ต้องรู้จักช่วยเหลือตัวเองด้วย  
         คุณท้องเพราะการกระทำของตนเอง คุณก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ให้เด็กมารับผิดชอบ
         ในเมื่อมีทางเลือกที่คุณสามารถเก็บเค้าไว้ได้ มีรัฐช่วยเหลือดูแลลูกให้ เมื่อวันข้างหน้าคุณพร้อมคุณก็กลับมารับลูกคุณไป คุณกับลูกก็สามารถมีอนาคตร่วมกันได้  
         ครอบครัวของคนเหล่านี้ ก็ควรให้กำลังใจกันและกัน เมื่อว่ากล่าวตักเตือนกันไปแล้วก็ควรถึงคราวให้กำลังใจบ้าง  

        ใครก็ตามที่เผชิญเรื่องนี้อยู่  คุณลองปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ อะไรที่พลาดไปแล้วก็แก้ไขให้ถูกวิธี
        การทำแท้งไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง  เชื่อเถอะคะ ถ้าการทำแท้งมันแก้ปัญหาได้จริง คงไม่มีหลายๆฝ่ายออกมาคัดค้านกันทุกวันนี้

         ลูกในท้องไม่ใช่คนทำลายชีวิตคุณ แต่ถ้าคุณยังย่ำอยู่กับที่ คิดแต่ทำเรื่องแย่ๆ ไม่ใฝ่หาสิ่งดีๆเข้าตัว คุณนั่นแหล่ะทำลายชีวิตตัวเอง  
     
        ฉันเชื่อนะคะ สายตาที่ผู้คนมองคุณในตอนแรกอาจจะเป็นสายตาดูหมิ่นหรือสมน้ำหน้า แต่ท้ายที่สุดแล้วจะเปลี่ยนเป็นสายตาชื่นชม และเห็นอกเห็นใจ การเลือกเป็นคนดีมันไม่ง่าย แต่ถ้าทำได้ผลตอบรับที่ได้กลับมามันคุ้มค่าแน่นอน

        แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่ฉันนำเสนอมามันคือการแก้ปัญหา  การป้องกันจริงๆ คือการทำความเข้าใจของผลที่จะเกิดขึ้นหากคุณไม่รู้จักป้องกัน    ผลเสียของการไม่ป้องกันมันมีมากกว่าการตั้งครรภ์  เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ก็เป็นปัญหาไม่ต่างกัน    ลองไปคิดดูระหว่างท้องไม่พร้อม กับเป็นโรคเอดส์อะไรที่น่าอายมากกว่ากัน

***  ขอเพิ่มเติมนิดนึงนะคะ  เกี่ยวกับผู้หญิงที่บางคนที่โดนข่มขืน

ที่บอกแบบนี้ เพราะก็มีผู้หญิงบางคนที่โดนข่มขืน แต่ไม่กล้าแจ้งความ หรืออายที่จะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบว่าโดนข่มขืนจริง

***กรณีการทำแท้งอย่างถูกกฏหมายของผู้ที่โดนข่มขืน ก็ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบเสียก่อนว่าโดนข่มขืนจริง ซึ่งอาจทำให้กระทบจิตใจของผู้ที่โดนข่มขืน เพราะการตรวจสอบไม่ใช่มีเฉพาะการสอบปากคำ ยังหมายรวมถึงการตรวจภายในและทำถามที่จี้จุดอีกมากมาย  ทำให้บ้างครั้งผู้ที่โดนข่มขืนไม่กล้าแจ้งความ เพราะกลัวความอับอาย

หรือบางคนเค้าไม่ได้อยากทำแท้ง ไม่อยากทำบาปฆ่าชีวิตที่บริสุทธิ์ บางคนอยากให้เด็กมีชีวิต แต่ตนเองไม่สามารถทำใจเลี้ยงเด็กได้ หรือบางคนยุติการตั้งครรภ์ไม่ทัน เนื่องจากอายุครรภ์มากแล้ว อาจตัดสินใจคลอดลูกเองแล้วนำเด็กไปทิ้ง ซึ่งจะเป็นผลเสียหายต่อทั้งชีวิตเด็ก และแม่อาจต้องโทษเพราะทำผิดกฏหมาย

ซึ่งคิดว่าคงมีหลายๆคนไม่ทราบว่าทางรัฐมีโครงการช่วยเหลือด้านนี้อยู่ โดยสามารถคลอดเด็กออกมาแล้วส่งต่อให้รัฐอย่างถูกต้อง ตัวเด็กไม่โดนทิ้งขว้าง ตัวแม่เด็กสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามเดิม โดยจะไม่ขอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็กก็ได้

ขอโทษที่ไม่ได้พิมพ์ให้เข้าใจทั้งหมดนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่