คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 24
เมื่อก่อนเคยเป็นครับ ขอลองเสนอทางแก้ให้ ไม่รู้จะใช้ได้ผลหรือป่าวนะ
ขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ
(ถ้าข้อมูลมันเยิ่นเย้อเกินไป ต้องขออภัยครับ - ขออนุญาตร่ายยาว)
ผมใช้วิธีเริ่มจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ เพื่อปรับให้ร่างกายชิน และเรียนรู้ แล้วค่อยๆ พัฒนามันขึ้นครับ
ตัวอย่างที่เคยใช้
1. เริ่มจากจำวันเกิด (เพราะตัวเลขไม่เยอะ)
- อย่างถ้าเป็นคนที่ไม่เคยวิ่งออกกำลังกายมาก่อน ต้องฝึกร่างกายให้มันคุ้นชิน
เริ่มแรก ก็เริ่มจากง่ายๆก่อน ค่อยๆเดิน --- เป็นเดินเร็ว --- เป็นวิ่งเหยาะๆ --- เป็นวิ่งๆ หยุดๆ --- เป็นวิ่งยาว
เช่นกัน ผมเริ่มจากเรื่องง่ายๆ ของคนใกล้ตัวก่อน คือ เริ่มจากจำวันเกิดของคนในครอบครัวก่อน ของพ่อ แม่ พี่ น้อง
เป็นการฝึกสมองให้รู้จักความจำ เหมือนเราวิ่งเหยาะๆ
- ต่อมาเริ่มหันไปจำวันเกิดเพื่อน วันเกิดคนในออฟฟิศ บางทีมันจำยาก ผมจะหาเรื่องราวที่เราคุ้นเคยมาผูกกับมัน
เช่น - พี่คนนึงในออฟฟิศ เกิดวันที่ 28 มิถุนา ผมก็จำเป็นว่า เขาเกิดวันสุนทรภู่ (วันสุนทรภู่ 26 มิถุนา
สมัยประถม มัธยม ที่โรงเรียนจัดงานทุกปี ก็น่าจะจำกันได้)
- พี่คนนึงเกิดวันที่ 8 สิงหา ผมก็จำว่าเกิดวันใกล้กับวันเกิดโนบิตะเลย (วันเกิดโนบิตะ 7 สิงหา ,พี่เสกโลโซ ศิลปินที่เราชื่นชอบก็เกิดวันนี้)
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2. จำเบอร์โทรศัพท์
- ต่อมาก็เริ่มจำเบอร์โทรศัพท์ เอาเบอร์ที่เราติดต่อบ่อยๆ เช่นของพ่อ แม่ พี่ น้อง บางทีผมจะไม่เม็มชื่อเขาเลย
ตอนแรกก็จะจำไม่ได้ พอเห็นเบอร์เข้ามาบ่อยๆ มันจะเริ่มคุ้นตา แล้วก็จำไปได้เอง
เคล็ด 1 คือ คุณต้องอ่านตัวเลขมันทั้ง 10 ตัว
แรกๆมันจะจำไม่ค่อยได้หรอก แต่พอติดต่อกันบ่อยมันก็จะเห็นจนชิน จนจำได้เอง
ถ้ากลัวรกสมอง เบอร์มันเยอะ ก็จำเฉพาะเบอร์ของคนที่เราต้องติดต่อบ่อยๆ ก็น่าจะเป็นประโยชน์อยู่นะครับ
ถ้าจำไม่ได้เลย วันหนึ่งเกิดซวย โทรศัพท์หาย เงินก็มีไม่พอ จะติดต่อให้คนมาช่วยเหลือจะทำยังไง
(อาจจะคิดเผื่อไว้ เพื่อเป็นแรงกระตุ้น)
เคล็ด 2 หรืออาจจะใช้เคล็ดบางอย่างในการจำเบอร์
อย่างเช่น เบอร์โทรถามสายรถเมล์ของ ขสมก. ที่เปลี่ยนใหม่จาก 184 เป็น 1348
ผมเห็นตอนแรกก็เอ๊ะเลย
ตัวแรก + ตัวสอง = ตัวสาม ________________ 1 + 3 = 4
ตัวแรก + ตัวสอง + ตัวสาม = ตัวสี่ __________ 1 + 3 + 4 = 8
เอาเทคนิคการจำไปผูกกับจริตของตัวเอง เช่น ชอบบวกลบเลข. ชอบตีเป็นหวย.... เป็นต้น
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3. ใช้หลักการบันทึกเรื่องราวเดิมๆ ซ้ำๆ
เหมือนฝึกวิ่งทุกวัน ร่างกายก็จะพัฒนา ความแข็งแรง
พอมาวันนึงมีเหตุการณ์ต้องวิ่งไล่อะไรบางอย่าง ร่างกายที่ถูกฝึกมา ก็จะสามารถทำมันได้ดี
เช่นกัน ฝึกจำโน่น จำนี่ไปทุกวัน สมองมันจะเรียนรู้และพัฒนา
พอมีเหตุการณ์ที่ต้องจำ เช่น คำสั่งเจ้านาย สมองมันจะจำได้ง่ายกว่า สมองของคนที่แทบจะไม่เคยฝึกจำมาเลย
ฝึกจำจากอะไร
ก็จากเรื่องราวรอบตัวที่เราสนใจ ตัวอย่างของผม คือ สวดมนต์คาถาชินบัญชร
ภาษาไทยก็ไม่ใช่ แถมยาวอีก จำยากมาก สวดตอนแรก ก็เลยอาศัยดูหนังสือสวดมนต์ไปด้วย
ตอนแรกมันก็จะตะกุกตะกัด สวดถูกบ้าง ผิดบ้าง
พอสวดบ่อยๆ (แบบดูบทสวดไปด้วย) มันก็จะเริ่มคุ้นชิน
พอสมองมันได้บันทึกเรื่องราวเดิมๆ ซ้ำๆ มันก็จะจำได้เอง
หลังๆ สวดได้โดยไม่ต้องดู
และพัฒนาต่อ เพื่อให้จำได้มากขึ้น เริ่มไปดูคำแปลของบทสวด
เคล็ดอันนี้ของผม เนื่องจากเป็นคนค่อนข้างขี้เกียจ และเบื่อง่าย จะอาศัยจำทีละอย่าง
บางคนอยากจำได้เยอะ อัดมันทุกบทสวด ที่ตัวเองสนใจไปพร้อมกัน
ซึ่งผมทำไม่ได้ สมองมันขี้เบื่อ และรับได้ทีละไม่เยอะ ก็จำไปทีละบทสวด ไม่รีบ
พอเริ่มจำบทนึงได้ ก็ค่อยไปจำบทอื่นต่อ
อ่านหนังก็เช่นกัน
ผมเคยไปนั่งคุยกับกลุ่มเพื่อนผู้หญิง ตลอดหนึ่งชั่วโมง
ข่าวสารดารา ที่พวกเธออ่านมา สามารถเอามาเมาท์ได้ ไม่ซ้ำกันสักเรื่อง มันจะจำ จะรู้ลึกอะไรได้ขนาดนั้นเนี่ย (คิดในใจ)
เช่นกัน ลองเอานิสัยแบบเดียวกัน ไปจำเรื่องอื่นดูบ้างก็น่าจะทำได้นะครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
4. เคยอ่านมาจากหนังสือ หากอยากจำได้ Advance ขึ้น เขาบอกว่าให้ "ฝึกระลึกชาติ" ครับ
ตัวอย่างในชีวิตประจำวัน
- เริ่มจาก วันนี้เรากินอะไรไปบ้าง มื้อเช้ากินอะไรไป มื้อเที่ยง มื้อเย็น อาจทำตอนที่ว่าง หรือก่อนนอน
- Advance ขึ้น ก็เป็น เมื่อวานเรากินอะไรไปบ้าง , เมื่อวานซืน, สองวันก่อน .... ฯลฯ เป็นต้น
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
5. ข้อสุดท้าย ที่สำคัญที่สุด คือ มีสติครับ
เป็นคำที่ง่ายมาก ให้มีสติ จดจ่ออยู่กับสิ่งที่กำลังทำอยู่ กับสิ่งที่เจ้านายสั่ง.....
เคยเป็นไหมบางที เจ้านายสั่ง ร่างกายคุณตอบสนอง พยักหน้า ส่วนปากก็ตอบรับ ค่ะ ได้ค่ะ
แต่ใจไม่ได้ฟังสิ่งที่เจ้านายพูดเลย มันก็เลยจำไม่ได้
ยกตัวอย่างง่ายๆ เคยเป็นไหมครับ คุยโทรศัพท์อยู่ แล้วถือแก้วน้ำไปด้วย หรืออาจถือแฟ้มเอกสารไปด้วย
พอคุยเสร็จ ,วางสาย แล้ว start รถ
"เอ๊ะ แฟ้มงานกูไปไหนวะ ???"
เอาไปวางไว้ไหนก็ไม่รู้ ต้องมาเสียเวลาหาอีก
สาเหตุก็เพราะ ตอนนั้นจิตคุณจดจ่อ อยู่กับโทรศัพท์ อยู่กับสิ่งที่คุณคุยอยู่
แต่ไม่ได้อยู่กับของที่ถืออยู่ในมือ มันก็เลยลืม คุณต้องมีสติครับ
ลองทำใจให้เหมือนตอนดูหนัง ดูละครสิ
เรานั่งดูหนัง ดูละครเกือบสองชั่วโมง เรายังจำได้เป็นฉากๆ
เจ้านายสั่งงานเราไม่กี่นาที ก็ลองใช้ความรู้สึกแบบเดียวกันดูครับ
วิธีการเหล่านี้ ล้วนเป็นวิธีที่ผมใช้ฝึกสมอง ให้รู้จักหัดจำครับ
เขียนมายืดยาว ขอบคุณที่อ่านจนจบ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะครับ
ขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ
(ถ้าข้อมูลมันเยิ่นเย้อเกินไป ต้องขออภัยครับ - ขออนุญาตร่ายยาว)
ผมใช้วิธีเริ่มจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ เพื่อปรับให้ร่างกายชิน และเรียนรู้ แล้วค่อยๆ พัฒนามันขึ้นครับ
ตัวอย่างที่เคยใช้
1. เริ่มจากจำวันเกิด (เพราะตัวเลขไม่เยอะ)
- อย่างถ้าเป็นคนที่ไม่เคยวิ่งออกกำลังกายมาก่อน ต้องฝึกร่างกายให้มันคุ้นชิน
เริ่มแรก ก็เริ่มจากง่ายๆก่อน ค่อยๆเดิน --- เป็นเดินเร็ว --- เป็นวิ่งเหยาะๆ --- เป็นวิ่งๆ หยุดๆ --- เป็นวิ่งยาว
เช่นกัน ผมเริ่มจากเรื่องง่ายๆ ของคนใกล้ตัวก่อน คือ เริ่มจากจำวันเกิดของคนในครอบครัวก่อน ของพ่อ แม่ พี่ น้อง
เป็นการฝึกสมองให้รู้จักความจำ เหมือนเราวิ่งเหยาะๆ
- ต่อมาเริ่มหันไปจำวันเกิดเพื่อน วันเกิดคนในออฟฟิศ บางทีมันจำยาก ผมจะหาเรื่องราวที่เราคุ้นเคยมาผูกกับมัน
เช่น - พี่คนนึงในออฟฟิศ เกิดวันที่ 28 มิถุนา ผมก็จำเป็นว่า เขาเกิดวันสุนทรภู่ (วันสุนทรภู่ 26 มิถุนา
สมัยประถม มัธยม ที่โรงเรียนจัดงานทุกปี ก็น่าจะจำกันได้)
- พี่คนนึงเกิดวันที่ 8 สิงหา ผมก็จำว่าเกิดวันใกล้กับวันเกิดโนบิตะเลย (วันเกิดโนบิตะ 7 สิงหา ,พี่เสกโลโซ ศิลปินที่เราชื่นชอบก็เกิดวันนี้)
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2. จำเบอร์โทรศัพท์
- ต่อมาก็เริ่มจำเบอร์โทรศัพท์ เอาเบอร์ที่เราติดต่อบ่อยๆ เช่นของพ่อ แม่ พี่ น้อง บางทีผมจะไม่เม็มชื่อเขาเลย
ตอนแรกก็จะจำไม่ได้ พอเห็นเบอร์เข้ามาบ่อยๆ มันจะเริ่มคุ้นตา แล้วก็จำไปได้เอง
เคล็ด 1 คือ คุณต้องอ่านตัวเลขมันทั้ง 10 ตัว
แรกๆมันจะจำไม่ค่อยได้หรอก แต่พอติดต่อกันบ่อยมันก็จะเห็นจนชิน จนจำได้เอง
ถ้ากลัวรกสมอง เบอร์มันเยอะ ก็จำเฉพาะเบอร์ของคนที่เราต้องติดต่อบ่อยๆ ก็น่าจะเป็นประโยชน์อยู่นะครับ
ถ้าจำไม่ได้เลย วันหนึ่งเกิดซวย โทรศัพท์หาย เงินก็มีไม่พอ จะติดต่อให้คนมาช่วยเหลือจะทำยังไง
(อาจจะคิดเผื่อไว้ เพื่อเป็นแรงกระตุ้น)
เคล็ด 2 หรืออาจจะใช้เคล็ดบางอย่างในการจำเบอร์
อย่างเช่น เบอร์โทรถามสายรถเมล์ของ ขสมก. ที่เปลี่ยนใหม่จาก 184 เป็น 1348
ผมเห็นตอนแรกก็เอ๊ะเลย
ตัวแรก + ตัวสอง = ตัวสาม ________________ 1 + 3 = 4
ตัวแรก + ตัวสอง + ตัวสาม = ตัวสี่ __________ 1 + 3 + 4 = 8
เอาเทคนิคการจำไปผูกกับจริตของตัวเอง เช่น ชอบบวกลบเลข. ชอบตีเป็นหวย.... เป็นต้น
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3. ใช้หลักการบันทึกเรื่องราวเดิมๆ ซ้ำๆ
เหมือนฝึกวิ่งทุกวัน ร่างกายก็จะพัฒนา ความแข็งแรง
พอมาวันนึงมีเหตุการณ์ต้องวิ่งไล่อะไรบางอย่าง ร่างกายที่ถูกฝึกมา ก็จะสามารถทำมันได้ดี
เช่นกัน ฝึกจำโน่น จำนี่ไปทุกวัน สมองมันจะเรียนรู้และพัฒนา
พอมีเหตุการณ์ที่ต้องจำ เช่น คำสั่งเจ้านาย สมองมันจะจำได้ง่ายกว่า สมองของคนที่แทบจะไม่เคยฝึกจำมาเลย
ฝึกจำจากอะไร
ก็จากเรื่องราวรอบตัวที่เราสนใจ ตัวอย่างของผม คือ สวดมนต์คาถาชินบัญชร
ภาษาไทยก็ไม่ใช่ แถมยาวอีก จำยากมาก สวดตอนแรก ก็เลยอาศัยดูหนังสือสวดมนต์ไปด้วย
ตอนแรกมันก็จะตะกุกตะกัด สวดถูกบ้าง ผิดบ้าง
พอสวดบ่อยๆ (แบบดูบทสวดไปด้วย) มันก็จะเริ่มคุ้นชิน
พอสมองมันได้บันทึกเรื่องราวเดิมๆ ซ้ำๆ มันก็จะจำได้เอง
หลังๆ สวดได้โดยไม่ต้องดู
และพัฒนาต่อ เพื่อให้จำได้มากขึ้น เริ่มไปดูคำแปลของบทสวด
เคล็ดอันนี้ของผม เนื่องจากเป็นคนค่อนข้างขี้เกียจ และเบื่อง่าย จะอาศัยจำทีละอย่าง
บางคนอยากจำได้เยอะ อัดมันทุกบทสวด ที่ตัวเองสนใจไปพร้อมกัน
ซึ่งผมทำไม่ได้ สมองมันขี้เบื่อ และรับได้ทีละไม่เยอะ ก็จำไปทีละบทสวด ไม่รีบ
พอเริ่มจำบทนึงได้ ก็ค่อยไปจำบทอื่นต่อ
อ่านหนังก็เช่นกัน
ผมเคยไปนั่งคุยกับกลุ่มเพื่อนผู้หญิง ตลอดหนึ่งชั่วโมง
ข่าวสารดารา ที่พวกเธออ่านมา สามารถเอามาเมาท์ได้ ไม่ซ้ำกันสักเรื่อง มันจะจำ จะรู้ลึกอะไรได้ขนาดนั้นเนี่ย (คิดในใจ)
เช่นกัน ลองเอานิสัยแบบเดียวกัน ไปจำเรื่องอื่นดูบ้างก็น่าจะทำได้นะครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
4. เคยอ่านมาจากหนังสือ หากอยากจำได้ Advance ขึ้น เขาบอกว่าให้ "ฝึกระลึกชาติ" ครับ
ตัวอย่างในชีวิตประจำวัน
- เริ่มจาก วันนี้เรากินอะไรไปบ้าง มื้อเช้ากินอะไรไป มื้อเที่ยง มื้อเย็น อาจทำตอนที่ว่าง หรือก่อนนอน
- Advance ขึ้น ก็เป็น เมื่อวานเรากินอะไรไปบ้าง , เมื่อวานซืน, สองวันก่อน .... ฯลฯ เป็นต้น
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
5. ข้อสุดท้าย ที่สำคัญที่สุด คือ มีสติครับ
เป็นคำที่ง่ายมาก ให้มีสติ จดจ่ออยู่กับสิ่งที่กำลังทำอยู่ กับสิ่งที่เจ้านายสั่ง.....
เคยเป็นไหมบางที เจ้านายสั่ง ร่างกายคุณตอบสนอง พยักหน้า ส่วนปากก็ตอบรับ ค่ะ ได้ค่ะ
แต่ใจไม่ได้ฟังสิ่งที่เจ้านายพูดเลย มันก็เลยจำไม่ได้
ยกตัวอย่างง่ายๆ เคยเป็นไหมครับ คุยโทรศัพท์อยู่ แล้วถือแก้วน้ำไปด้วย หรืออาจถือแฟ้มเอกสารไปด้วย
พอคุยเสร็จ ,วางสาย แล้ว start รถ
"เอ๊ะ แฟ้มงานกูไปไหนวะ ???"
เอาไปวางไว้ไหนก็ไม่รู้ ต้องมาเสียเวลาหาอีก
สาเหตุก็เพราะ ตอนนั้นจิตคุณจดจ่อ อยู่กับโทรศัพท์ อยู่กับสิ่งที่คุณคุยอยู่
แต่ไม่ได้อยู่กับของที่ถืออยู่ในมือ มันก็เลยลืม คุณต้องมีสติครับ
ลองทำใจให้เหมือนตอนดูหนัง ดูละครสิ
เรานั่งดูหนัง ดูละครเกือบสองชั่วโมง เรายังจำได้เป็นฉากๆ
เจ้านายสั่งงานเราไม่กี่นาที ก็ลองใช้ความรู้สึกแบบเดียวกันดูครับ
วิธีการเหล่านี้ ล้วนเป็นวิธีที่ผมใช้ฝึกสมอง ให้รู้จักหัดจำครับ
เขียนมายืดยาว ขอบคุณที่อ่านจนจบ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
เพราะคุณกำลังลงโทษตัวเองครับ ถึงทำให้การตอกย้ำเรื่อง อาการหลงๆลืมๆติดตัวมาหลายปี
สิ่งที่เจอมาแต่ละวันในด้านลบ ไม่ต้องเอามาเก็บไว้ในคลังสมองอีกครับ เพราะจะทำให้คุณหลงๆลืมๆ ไม่รู้จบสิ้น
ก่อนนอน ให้ผ่อนคลาย และหลับตาลงพร้อมกับเอ่ยว่า "เรามีสมองที่ดีเลิศ จดจำเรื่องดีๆได้อย่างยอดเยี่ยม" และทำตอนตื่นนอนตอนเช้าด้วย สักระยะหนึ่งครับ คุณจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
ทำดูนะครับ
สิ่งที่เจอมาแต่ละวันในด้านลบ ไม่ต้องเอามาเก็บไว้ในคลังสมองอีกครับ เพราะจะทำให้คุณหลงๆลืมๆ ไม่รู้จบสิ้น
ก่อนนอน ให้ผ่อนคลาย และหลับตาลงพร้อมกับเอ่ยว่า "เรามีสมองที่ดีเลิศ จดจำเรื่องดีๆได้อย่างยอดเยี่ยม" และทำตอนตื่นนอนตอนเช้าด้วย สักระยะหนึ่งครับ คุณจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
ทำดูนะครับ
ความคิดเห็นที่ 1
1) ไปซื้อหนังสือในซีเอ็ดมาลองฝึกดูครับ ที่เป็นแบบฝึดหัดบวกลบเลขง่ายๆ นับ 1 ถึง 120 ให้เร็วที่สุด แล้วก็มีวิธีอื่นๆ อีก เขาอ้างในหนังสือว่าพัฒนาความจำได้
2) ฝึกสมาธิ สักวันละ 5-10 นาที
3) เวลานายสั่งงานมาอย่าคิดเรื่องอื่น
4) สมุด ปากกา พกไว้ ถ้านายสั่งงานมายาวๆ ซื้อเครื่องอัดเสียงเลย
2) ฝึกสมาธิ สักวันละ 5-10 นาที
3) เวลานายสั่งงานมาอย่าคิดเรื่องอื่น
4) สมุด ปากกา พกไว้ ถ้านายสั่งงานมายาวๆ ซื้อเครื่องอัดเสียงเลย
แสดงความคิดเห็น
''ขี้หลง ขี้ลืม" เป็นมาแต่เด็ก มีทางแก้ไหม????
แต่เวลาเรียนได้ 3 กว่าเลยนะคะ เรียนคณิตเก่งพอสมควรคะ
แต่เรื่องให้เขียนตามคำบอก อะไรก็แล้วแต่ที่ต้องจำๆ ทำไม่ได้คะ
ปัจจุบันมีปัญหา เวลาหัวหน้าฝากข่าวสารบอกอะไรใคร จะเก็บข้อมูลไปได้ไม่หมด
ชนิดว่าทุกครั้งจะต้องพกปากกาและกระดาษแนบตัวเสมอ แต่สถานการณ์ไม่ได้เป็นใจไปทุกครั้ง
จะทำไงกับความจำสั้น ตกหล่น หลงลืมนี้ดีคะ