ความผิดมหันต6กระทงของนักลงทุน(หุ้น)
โพสตเมื่อ : 26 ก.ย. 2556, 20:12 น. หมวดหมู : เศรษฐกิจ-หุ้น
โดย...สาธิต บวรสันติสุทธิ์
ชวง 2-3 สัปดาหที่ผานมา หุนขยับขึ้นลงวันหนึ่งๆ หลาย จุดเหลือเกิน ไมวาจะเป็นแกง 4 โมงเย็น หรือจากการพลิก ล็อกของเฟดที่ไมลดวงเงิน QE อยางที่นักวิเคราะหหลาย คนคาดไว เมื่อหุนผันผวนมากอยางนี้ ผมเองก็กลัววาหลาย คนที่เคยติดดอยตอนหุนขึ้นไปที่ 1,600 กวาๆ จะกลับไป ติดดอยเพิ่มอีก ก็เลยขอเอาบทความเรื่อง “ความผิด มหันต 6 กระทงของนักลงทุน” ในเว็บ (ตองขอโทษดวย ครับ จําไมไดจริงๆ วาจากเว็บไหน) เห็นวานาจะเป็น ประโยชนสําหรับเป็นขอคิดสะกิดใจใหกับนักลงทุน เพื่อ “อยาใหเรากระทําผิดซําสอง”
“ความผิดมหันต 6 กระทงของนักลงทุน” มีดังนี้ครับ
1.Chasing Performance “ซื้อตามหุนแรง” นักลงทุน หลายๆ คนซื้อหุนตอนอยูยอดดอย หลังจากที่มันขึ้นไม หยุด สังเกตไดจากปริมาณซื้อขายหุนที่มักจะเพิ่มสูงขึ้น เมื่อดัชนีปรับตัวสูงขึ้น
2.Misunderstanding Risk “มีความเขาใจผิดๆ เกี่ยว กับความเสี่ยง” นักลงทุนบางทานเลือกลงทุนแบบ “รวย หรือหมดตัวไปเลย” และเรียกตัวเองวาเป็นคนชอบความ เสี่ยง
ในความเป็นจริงแลว “การบริหารความเสี่ยงที่ยอมรับได” นั้นเป็นเหมือนกลามเนื้อ มันสามารถพัฒนาไดดวยความรู ประสบการณ และการฝึกฝน ซึ่งตองฝึกฝนมากๆ ดวย ผม อยากใหนักลงทุนฝึกและทําความเขาใจกับการบริหาร ความเสี่ยงมากๆ
เรื่องตลกคือนักลงทุนเป็นจํานวนมากไมรูสึกวาหุนหรือ กองทุนที่เป็นกระทิงวิ่งไมหยุดนั้นมีความเสี่ยงมากตอการ สูญเสีย
การรับความเสี่ยงมากนั้น หมายถึง การที่เราอาจจะหกลม หัวฟาดพื้นได ตัวอยางที่เราเห็นไดชัดที่สุด ก็คือ กรณี JP Morgan Chase ที่เพิ่งขาดทุนกวา 2,000 ลาน ดอลลารในเวลาเพียง 6 สัปดาหจากการลงทุนในตราสาร อนุพันธ
3.Loss Aversion “ไมยอมเสีย (นอย)” นักจิตวิทยาผู ที่ทําการตรวจวัดเรื่องนี้ พบวาคนทั่วไปไมชอบเสียเงิน เรา จะรูสึกเจ็บปวดกับการขาดทุน 1 บาท มากกวาความยินดี จากการทํากําไร 1 บาท ความเจ็บปวดนั้นเทียบไดเป็น มากกวาสองเทาของความยินดี
ดังนั้น นักลงทุนจํานวนมากยอมเสี่ยงกับการสูญเสียมาก ขึ้น เพื่อจะมีโอกาสเทาทุนหรือกําไรนิดหนอยในภายหลัง ซึ่งเป็นแนวคิดกลับตาลปัตรกับที่เราควรจะทํา เราควรจะ เสี่ยงกับผลกําไรที่จะเพิ่มขึ้น (เชน ไมยอมขายเมื่อหุนเป็น กระทิง) ไมใชเสี่ยงเพื่อบรรเทาการสูญเสีย (ไมยอมขาย เมื่อหุนปักหัวลง และเราขาดทุนเล็กนอย) ความคิดเชนนี้ จะทําใหเราไมยอมขายหุนที่ขาดทุนถึงแมวานั่นจะเป็นสิ่ง ที่มีเหตุมีผลมากกวา
4.Trading Too Much. “ซื้อ-ขายมากเกินเหตุ” สิ่งนี้เป็น ปรากฏการณที่เดนชัดมาก เนื่องดวยการซื้อขายทาง อินเทอรเน็ตโดยนักเก็งกําไรวันตอวัน การซื้อขายมาก ทําใหกําไรหด ศาสตราจารย Terrance Odean จาก มหาวิทยาลัยแคลิฟอรเนีย เดวิส ไดศึกษาและแสดงให เห็นจากการสํารวจบัญชี 1.5 แสนบัญชีจากโบรกเกอร แหงหนึ่ง จากนั้นทานไดแยกนักลงทุนแบงเป็น 5 กลุมจาก พฤติกรรมการซื้อขายของแตละบัญชี ผลปรากฏวากลุมที่ มีการซื้อขายมากที่สุดไดรับผลตอบแทนนอยกวากลุมที่มี การซื้อขายนอยที่สุดถึง 7% และจากรายงาน “การสํารวจ พฤติกรรมของนักลงทุนบุคคลธรรมดาที่เนนการลงทุน ระยะสั้นในตลาดหุนไทย” ของตลาดหลักทรัพยฯ ปี 2553 พบวา นักลงทุนที่มีการซื้อขายผานอินเทอรเน็ตที่ ไดรับผลสําเร็จหรือมีกําไร มักมีการซื้อขายไมบอยครั้ง
5.Ignoring Expenses with Mutal Funds. “ไมคํานึง ถึงคาใชจายเนื่องดวยการบริหารกองทุน”
คาใชจายของกองทุน แบงเป็นคาใชจายที่เรียกเก็บจากผู ลงทุน เชน คาธรรมเนียมขายและคาธรรมเนียมรับซื้อคืน ซึ่งคนสวนใหญใหความสําคัญอยูแลว หลายบริษัทจัดการ จึงคิดคาใชจายประเภทนี้ไมสูง แตคาใชจายที่เก็บจาก กองทุน เชน คาธรรมเนียมการจัดการ คาธรรมเนียมนาย ทะเบียนคาธรรมเนียมผูดูแลผลประโยชน ฯลฯ เป็นคาใช จายที่หลายคนมองขาม แตเป็นคาใชจายที่กระทบผล ตอบแทนของเรามากที่สุด เราจึงควรตองศึกษาคาใชจาย ของแตละกองทุนใหดีกอนการลงทุน
6.Buying on Tips/Not Researching Investments. “ซื้อหุนตามขาว/ไมวิเคราะหการลงทุน” ความผิดสอง กระทงนี้ใกลเคียงกันและไปดวยกัน อยาซื้อถาไมรูเรื่อง อะไรเลยเกี่ยวกับหุนตัวนั้น และจากรายงาน “การสํารวจ พฤติกรรมของนักลงทุนบุคคลธรรมดาที่เนนการลงทุน ระยะสั้นในตลาดหุนไทย” ของตลาดหลักทรัพยฯ ปี 2553 เชนกัน พบวา นักลงทุนที่มีการซื้อขายผาน อินเทอรเน็ตที่ไดรับผลสําเร็จหรือมีกําไร มักมีการติดตาม บทวิเคราะหเป็นประจําทุกวัน และใชเทคนิคประกอบการ ตัดสินใจ
https://www.facebook.com/home.php#!/pages/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/198068607020376
ความผิดมหันต6กระทงของนักลงทุน(หุ้น)
โพสตเมื่อ : 26 ก.ย. 2556, 20:12 น. หมวดหมู : เศรษฐกิจ-หุ้น
โดย...สาธิต บวรสันติสุทธิ์
ชวง 2-3 สัปดาหที่ผานมา หุนขยับขึ้นลงวันหนึ่งๆ หลาย จุดเหลือเกิน ไมวาจะเป็นแกง 4 โมงเย็น หรือจากการพลิก ล็อกของเฟดที่ไมลดวงเงิน QE อยางที่นักวิเคราะหหลาย คนคาดไว เมื่อหุนผันผวนมากอยางนี้ ผมเองก็กลัววาหลาย คนที่เคยติดดอยตอนหุนขึ้นไปที่ 1,600 กวาๆ จะกลับไป ติดดอยเพิ่มอีก ก็เลยขอเอาบทความเรื่อง “ความผิด มหันต 6 กระทงของนักลงทุน” ในเว็บ (ตองขอโทษดวย ครับ จําไมไดจริงๆ วาจากเว็บไหน) เห็นวานาจะเป็น ประโยชนสําหรับเป็นขอคิดสะกิดใจใหกับนักลงทุน เพื่อ “อยาใหเรากระทําผิดซําสอง”
“ความผิดมหันต 6 กระทงของนักลงทุน” มีดังนี้ครับ
1.Chasing Performance “ซื้อตามหุนแรง” นักลงทุน หลายๆ คนซื้อหุนตอนอยูยอดดอย หลังจากที่มันขึ้นไม หยุด สังเกตไดจากปริมาณซื้อขายหุนที่มักจะเพิ่มสูงขึ้น เมื่อดัชนีปรับตัวสูงขึ้น
2.Misunderstanding Risk “มีความเขาใจผิดๆ เกี่ยว กับความเสี่ยง” นักลงทุนบางทานเลือกลงทุนแบบ “รวย หรือหมดตัวไปเลย” และเรียกตัวเองวาเป็นคนชอบความ เสี่ยง
ในความเป็นจริงแลว “การบริหารความเสี่ยงที่ยอมรับได” นั้นเป็นเหมือนกลามเนื้อ มันสามารถพัฒนาไดดวยความรู ประสบการณ และการฝึกฝน ซึ่งตองฝึกฝนมากๆ ดวย ผม อยากใหนักลงทุนฝึกและทําความเขาใจกับการบริหาร ความเสี่ยงมากๆ
เรื่องตลกคือนักลงทุนเป็นจํานวนมากไมรูสึกวาหุนหรือ กองทุนที่เป็นกระทิงวิ่งไมหยุดนั้นมีความเสี่ยงมากตอการ สูญเสีย
การรับความเสี่ยงมากนั้น หมายถึง การที่เราอาจจะหกลม หัวฟาดพื้นได ตัวอยางที่เราเห็นไดชัดที่สุด ก็คือ กรณี JP Morgan Chase ที่เพิ่งขาดทุนกวา 2,000 ลาน ดอลลารในเวลาเพียง 6 สัปดาหจากการลงทุนในตราสาร อนุพันธ
3.Loss Aversion “ไมยอมเสีย (นอย)” นักจิตวิทยาผู ที่ทําการตรวจวัดเรื่องนี้ พบวาคนทั่วไปไมชอบเสียเงิน เรา จะรูสึกเจ็บปวดกับการขาดทุน 1 บาท มากกวาความยินดี จากการทํากําไร 1 บาท ความเจ็บปวดนั้นเทียบไดเป็น มากกวาสองเทาของความยินดี
ดังนั้น นักลงทุนจํานวนมากยอมเสี่ยงกับการสูญเสียมาก ขึ้น เพื่อจะมีโอกาสเทาทุนหรือกําไรนิดหนอยในภายหลัง ซึ่งเป็นแนวคิดกลับตาลปัตรกับที่เราควรจะทํา เราควรจะ เสี่ยงกับผลกําไรที่จะเพิ่มขึ้น (เชน ไมยอมขายเมื่อหุนเป็น กระทิง) ไมใชเสี่ยงเพื่อบรรเทาการสูญเสีย (ไมยอมขาย เมื่อหุนปักหัวลง และเราขาดทุนเล็กนอย) ความคิดเชนนี้ จะทําใหเราไมยอมขายหุนที่ขาดทุนถึงแมวานั่นจะเป็นสิ่ง ที่มีเหตุมีผลมากกวา
4.Trading Too Much. “ซื้อ-ขายมากเกินเหตุ” สิ่งนี้เป็น ปรากฏการณที่เดนชัดมาก เนื่องดวยการซื้อขายทาง อินเทอรเน็ตโดยนักเก็งกําไรวันตอวัน การซื้อขายมาก ทําใหกําไรหด ศาสตราจารย Terrance Odean จาก มหาวิทยาลัยแคลิฟอรเนีย เดวิส ไดศึกษาและแสดงให เห็นจากการสํารวจบัญชี 1.5 แสนบัญชีจากโบรกเกอร แหงหนึ่ง จากนั้นทานไดแยกนักลงทุนแบงเป็น 5 กลุมจาก พฤติกรรมการซื้อขายของแตละบัญชี ผลปรากฏวากลุมที่ มีการซื้อขายมากที่สุดไดรับผลตอบแทนนอยกวากลุมที่มี การซื้อขายนอยที่สุดถึง 7% และจากรายงาน “การสํารวจ พฤติกรรมของนักลงทุนบุคคลธรรมดาที่เนนการลงทุน ระยะสั้นในตลาดหุนไทย” ของตลาดหลักทรัพยฯ ปี 2553 พบวา นักลงทุนที่มีการซื้อขายผานอินเทอรเน็ตที่ ไดรับผลสําเร็จหรือมีกําไร มักมีการซื้อขายไมบอยครั้ง
5.Ignoring Expenses with Mutal Funds. “ไมคํานึง ถึงคาใชจายเนื่องดวยการบริหารกองทุน”
คาใชจายของกองทุน แบงเป็นคาใชจายที่เรียกเก็บจากผู ลงทุน เชน คาธรรมเนียมขายและคาธรรมเนียมรับซื้อคืน ซึ่งคนสวนใหญใหความสําคัญอยูแลว หลายบริษัทจัดการ จึงคิดคาใชจายประเภทนี้ไมสูง แตคาใชจายที่เก็บจาก กองทุน เชน คาธรรมเนียมการจัดการ คาธรรมเนียมนาย ทะเบียนคาธรรมเนียมผูดูแลผลประโยชน ฯลฯ เป็นคาใช จายที่หลายคนมองขาม แตเป็นคาใชจายที่กระทบผล ตอบแทนของเรามากที่สุด เราจึงควรตองศึกษาคาใชจาย ของแตละกองทุนใหดีกอนการลงทุน
6.Buying on Tips/Not Researching Investments. “ซื้อหุนตามขาว/ไมวิเคราะหการลงทุน” ความผิดสอง กระทงนี้ใกลเคียงกันและไปดวยกัน อยาซื้อถาไมรูเรื่อง อะไรเลยเกี่ยวกับหุนตัวนั้น และจากรายงาน “การสํารวจ พฤติกรรมของนักลงทุนบุคคลธรรมดาที่เนนการลงทุน ระยะสั้นในตลาดหุนไทย” ของตลาดหลักทรัพยฯ ปี 2553 เชนกัน พบวา นักลงทุนที่มีการซื้อขายผาน อินเทอรเน็ตที่ไดรับผลสําเร็จหรือมีกําไร มักมีการติดตาม บทวิเคราะหเป็นประจําทุกวัน และใชเทคนิคประกอบการ ตัดสินใจ
https://www.facebook.com/home.php#!/pages/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/198068607020376