Rush (Spoiled เละเทะ) ... (จริงๆ นะ) ...

(ต่อไปนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะฮะ ทุกท่านที่เข้ามาอ่านสามารถแลกเปลี่ยนความเห็นหรือข้อเท็จจริงเสริมได้)

ไม่ได้เขียนแชร์หนังมานานมากในแบบตั้งกระทู้เอง ..เนื่องจากมันมีหนังที่สะดุดความรู้สึกที่ว่าด้วยเรื่องของ F1 แบบที่น้อยเรื่องน้อยผู้กำกับจะกล้าเอาไปทำ ...ในอดีต เรามีเรื่องที่พอใกล้เคียงอย่าง Driven ...แต่นั่นก็หนังบันเทิง Popcorn น้ำเน่าเล็กๆ กับดาราแม่เหล็ก ...หนังแป๊กในเรื่องคำวิจารณ์ แต่ก็อาจจะถูกใจขาซิ่งได้บ้างกับฉากไล่ล่าในชิคาโก้ (ถ้าจำไม่ผิดนะ) ยามค่ำคืน

... แต่นั่นแหละ ..F1 ในเรื่อง Rush ยังเป็นโลกที่ยากจะเข้าถึงในแง่ของ Hollywood จะเอามาเป็นวัตถุดิบสร้างความบันเทิงได้ เพราะอะไรกัน..

F1 มันเป็น Motor Sport
         แหงหละ ...ของแสลงอย่างหนึ่งของการทำหนังคือการจับเอาวัตถุดิบที่มาจากกีฬา เพราะกีฬามันเป็นความบันเทิงอีกแบบที่ขายความ "ดิบ" ของเหตุการณ์ ..หมายความว่า มันไม่สามารถคาดเดาผลลัพธ์ได้ มันไม่มีสคริป ไม่มี Introduction องค์ 1-2-3 และ Happy ending อะไรทั้งนั้น ...มันเริ่มต้นด้วยนกหวีด เสียงปืนกรรมการ ไฟสัญญาณ ...และจบลงด้วยสิ่งที่ใช้เริ่มต้นคล้ายๆ กัน ...โดยเฉพาะกีฬาที่เกี่ยวกับ "ความเร็ว" มันมักจะเป็นกีฬาที่ต้องอยู่ในกรอบ ลู่ แทร็ก และมีการทำซ้ำๆ หลายๆ รอบไปมา วัดกันแค่เทคนิคเฉพาะตัวหรือทีมบางประการ หาใช่มีตัวเอก นางเอก นางรอง ผู้ร้าย ...
(ข้าเจ้าเองก็แทบจะปิดลิ้นชักกับ F1 ไปนานแล้ว เพราะงั้น ถ้าข้าเจ้าผิดพลาดทางข้อมูลประการใด รบกวนท่านที่ยังพอตาม F1 อยู่เสริมได้เต็มที่เลยนะฮะเพื่ออรรถรสในการถกกันของหนังเรื่องนี้)
       
         แล้วพอยิ่งต้องมาจับเอาวัตถุดิบกีฬา Motor Sport อย่าง F1 มาทำหนังด้วยแล้ว ...บางคนอาจจะยี้เลยด้วยซ้ำ ..มานั่งดูคนขับรถวนในทางเดิม 2-3 ชั่วโมงกัน กล้องตัดไปมา ถ้าไม่มีผู้บรรยายบอกได้เลยว่าหลับ ...ในอดีต มีเรื่องนึงที่พอจะเรียกว่าเอามาทำแล้วดังระเบิดระเบ้ออย่าง Day of Thunder ของเฮียเตี้ยที่ไปจับเอาการแข่ง Nash car ..แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นกีฬาสัญชาติอเมริกา มันเลยขายได้ในบ้านเค้า เนื้อเรื่องอเมริกัน Sport กับนางเอกหน้าสวยเจ๊ตาโตขวัญใจอมตะนิรันด์กาล ...มันได้ความเร้าใจ แต่ได้ระดับนึงเพราะถ้าหลุดออกมาจากประเทศนั้นมันก็กลายเป็นหนังแนวไปทันที (โชคดีได้การกำกับที่ฉับไวตื่นเต้นสไตล์ลุงโทนี่ผู้ล่วงลับ คนนี้เป็นผู้กำกับหนัง action ที่ข้าเจ้าชอบมากคนหนึ่ง) ...หลังจากนั้น อาจจะแทบนับนิ้วไม่ครบมือด้วยซ้ำที่จะมีหนังเรื่องไหนจับเอาวัตถุดิบ Motor Sport มาทำจริงๆ จังๆ แบบเป็นเส้นเรื่องหลัก ไม่ใช่เอามาประกอบ Plot ชายจีบหญิง ค้นฟ้าคว้าดาวชีวิตบัดซบ ...จนมาถึงเรื่อง Rush ที่ข้าเจ้าสะดุดตั้งแต่มีการประกาศสร้าง เพราะเล่น "จงใจ" เอากีฬาที่เข้าถึงยากในแง่การเอามาทำเนื้อเรืองหนังพอๆ กับการหยิบจับเอาเรื่องของการสร้าง Computer หรือ Website กระฉ่อนโลกมาทำหนัง ...และยังมิหนำซ้ำ น้อยครั้งที่ F1 หรือกีฬาใดๆ ก็ตาม จะมีเรื่องที่ชวนดราม่าจริงๆ เกิดขึ้น (คือมันต้องมีเนื้อเรื่องมากพอที่จะเอามาทำหนังให้ยาวกว่า 2 ขั่วโมงได้ แต่ในทางตรงข้าม มันอาจจะมีเรื่องราวมากมายเกินไปที่จะเอามาบีบลงใน 2 ขั่วโมงลงได้หมด เช่น ฟุตบอล เป็นต้น) แต่ช่วงเสี้ยวหนึ่งในประวัติศาสตร์การแข่งรถ ก็มีหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์การโคจรมาเจอกันระยะสั้นๆ ที่มากพอจะมี Impact หรือมี Passion ให้น่าติดตามอย่างคู่แข่ง James vs. Lauda

มันเกี่ยวข้องกับอัตชีวประวัติบุคคลจริง
         เรื่องนี้มันดันต้องไปหยิบจับเอาประวัติของทั้งคนที่มีชื่อเสียงมากในประวัติศาสตร์ F1 ทั้งที่ล่วงลับไปแล้วอย่าง James Hunt และที่ยังนั่งให้สัมภาษณ์รอบ Premiere อย่าง Niki Lauda ...ปกติถ้าเป็นเมื่อก่อน การเอาชีวประวัติบุคคลจริงๆ มาสร้างหนังมันยากมากที่จะไม่เกิดการดัดแปลงเนื้อหาให้มันมีความเป็นศาสตร์ภาพยนต์ เพื่อไม่ให้ไปทับซ้อนกับเส้นของ "สารคดีชีวประวัติบุคคล" ...สารคดีมันต้องซื่อสัตย์กับข้อเท็จจริงและแง่มุมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแทบจะต้องครบ ต่างจากหนังที่มันต้องมี แนะนำ เริ่มต้น องค์ต่างๆ Climax และ Ending ในลักษณะต่างๆ ...เอาง่ายๆ ว่าหนังมันต้องมี Plot ...แต่มันต่างจากชีวิตจริงๆ เพราะ ...ชีวิตจริงมันไม่มี Plot ...
         
         แล้ว รอน โฮวาร์ด ทำไมชอบนักกับหนังสร้างจริงเรื่องจริงๆ ...กับเรื่องนี้ แกเล่นให้ Niki มาเป็นที่ปรึกษาทีมเขียนบทเลยด้วยซ้ำ นั่นก็อาจจะมองในอีกนัยหนึ่งได้ว่า อารมณ์บุคคลในหนัง แทบจะถอดมาจากความรู้สึกของ Niki ...แต่แน่หละ ทุกอย่างมันต้องมีจุดเริ่มต้นก่อนนำมาขยาย ...

เหตุการณ์ในสนามนัวร์เบิร์กริ่ง --> เกิดอะไรขึ้น --> เกิดกับใคร --> เค้าเป็นใคร --> สำคัญยังไง --> อะไรผลักดัน/เป็นสิ่งแวดล้อมรอบตัวเค้า --> เหตุการณ์ก่อนหน้าเป็นยังไง --> ฝั่งตรงข้ามของเค้าคือใคร

เท่านี้ก็จะได้โครงเรื่องที่มากพอทำหนังสองชั่วโมงเศษได้แล้ว (ขืนลากยาวมาเหตุการณ์หลังจากนั้นมันคงไม่จบสวยหรูเหมือนฟูมฟายชวนหลับส่งโฟรโด้ขึ้นเรือหรอก) ...

......

แต่โฮวาร์ดก็เลือกที่จะกล้านำเสนอ ...เค้ากินดีหมีมาจากไหนกัน...

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่