กลายเป็นเรื่องใหญ่โต และสร้างความเข้าใจผิดว่า เป็นการโปรโมชั่นหนังฟอร์มใหญ่เรื่อง “ต้มยำกุ้ง”ภาค 2
อย่างที่เรียกว่า “เสี่ยเจียง” สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ แทบจะ “หัวเราะด้วยน้ำตา” แกบอกกับ อาร์ม สีทองว่า
“กูจะสร้างเรื่องขึ้นมาทำไม”
เดี๋ยว “นางเอกท้อง” และต้องลาคลอดยาว จนกระทั่งหมดสัญญาไปด้วยกัน แล้ววันนี้ พระเอกอย่าง “ จา” พนม ยี่รัมม์ ก็มีอันต้องยื่นโนติสต์ถึงเจ้านายเก่า เพื่อขอออกจากสังกัด
ทั้งที่ได้รับเงินค่าตัวไป ไม่ต่ำกว่า 70 ล้าน กับเงินเดือนอีกเดือนละ 50,000 บาท .....
มีคนวิเคราะห์ว่า เหมือน นิทานเรื่อง “หมากับเงา” ที่ช่อง 9 เอามาฉายเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน คือ “จา พนม” มองเห็นเงินก้อนโตกว่า
แต่สำหรับ “อาร์ม สีทอง”บอกเลยว่า เรื่องอย่างนี้ น่าจะเป็นเรื่องของการตัดสินใจของแต่ละคน ไม่มีใครบังคับใจใครได้
เหมือนสัญญา ที่หลายคนบอกขอ “สัญญาใจ”กันดีกว่า เพราะแม้ว่า จะมีสัญญากันด้วยกระดาษ ที่อาจนำไปฟ้องร้องกันเป็นเงิน
อย่างกรณีนี้ มีโอกาสเรียกกันสูงนับ 1,000 ล้านเลยก็ว่าได้ เพราะ “เสี่ยเจียง” ก็เสียเงินสร้าง “จา พนม” มาแล้วกว่า 1,000 ล้าน
แม้จะกว้านเงินกลับมาได้นับ พันล้านเช่นกัน แต่นั่นเป็นธุรกิจการลงทุน ที่ต้องมีกำไร .....
“เสี่ยเจียง” ปั้นดินให้เป็นดาว “ด้วยเงิน” ก็ย่อมถึงคราวที่จะต้องได้กำไร และถ้าพูดด้วยความเป็นจริง ถ้า “จา พนม” ไม่สร้างปัญหา ที่เหมือนมีมาตลอด
เขาน่าจะได้เล่นหนังอย่าง “องค์บาก” หรือ “ต้มยำกุ้ง”มากกว่านี้ ทำเงินให้ทั้งผู้สร้าง และตัวเขาเองมากกว่านี้
ไม่มีใครรู้ว่า ก่อนหน้าที่หนัง “ต้มยำกุ้ง”ภาค 2 จะจบนั้น มีคำยืนยันจาก “เสี่ยเจียง” และคนในกองถ่ายว่า “จา พนม” หายไปกับสาวเกาหลีนานกว่าเดือน
ไม่มีใครอยากเชื่อว่า “กว่าจะมาเป็นดาว”นั้น “จา พนม” ต้องใช้เวลาทุ่มเทกับการฝึกทั้งการแสดง กับ การต่อสู้หนักหนาสาหัสแค่ไหน
มีคนมองเขาอย่างไรบ้าง กับการก้าวเข้ามาในวงการบันเทิง แม้แต่ “หม่ำ จ๊กม๊ก” ที่แสดงร่วมกับ จา พนม มาโดยตลอดนั้น
ยังยืนยันออกมาเมื่อไม่กี่วันนี้ว่า วันที่เขาเห็นหน้า “จา พนม” วันแรกที่จะต้องแสดงร่วมกันในหนังเรื่อง "องค์บาก” นั้น
“หม่ำ จ๊กม๊ก” สุดยอดของตลก ที่มีเงินน่าจะมากที่สุดหากเทียบกับ ตลกทั้งหมดในเมืองไทย ปฏิเสธที่จะแสดงร่วมกับ “จา พนม”
“ผมเห็นหน้ามัน ผมสั่นหัวเลย มันเป็นใครที่ไหนมาแสดงกับกูวะ” หม่ำ พูดอย่างนั้น ...
และวันนั้น คือวันที่ จา พนม ก้มกราบ “เสี่ยเจียง”ด้วยความ “สำนึกในพระคุณ”....
และวันนั้น คือวันที่ “เสี่ยเจียง” แทบจะก้มกราบ “หม่ำ” เพียงเพื่ออย่างเดียวเท่านั้น...
...ขอให้ หม่ำ จ๊กม๊ก ยอมแสดงหนังเรื่อง “องค์บาก”คู่กับ “สตั้นท์แมน”ที่หน้าตาเหมือนกุลีแบกข้าวสาร...!!
จาก คุณอาร์ม สีทอง
แนวหน้า
ปล. ต้องหน้าแบบนี้เท่านั้นเหรอที่จะเป็นกุลีแบกข้าวสารได้
ขุดขึ้นมาคุย คุณเป็นใคร
อย่างที่เรียกว่า “เสี่ยเจียง” สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ แทบจะ “หัวเราะด้วยน้ำตา” แกบอกกับ อาร์ม สีทองว่า
“กูจะสร้างเรื่องขึ้นมาทำไม”
เดี๋ยว “นางเอกท้อง” และต้องลาคลอดยาว จนกระทั่งหมดสัญญาไปด้วยกัน แล้ววันนี้ พระเอกอย่าง “ จา” พนม ยี่รัมม์ ก็มีอันต้องยื่นโนติสต์ถึงเจ้านายเก่า เพื่อขอออกจากสังกัด
ทั้งที่ได้รับเงินค่าตัวไป ไม่ต่ำกว่า 70 ล้าน กับเงินเดือนอีกเดือนละ 50,000 บาท .....
มีคนวิเคราะห์ว่า เหมือน นิทานเรื่อง “หมากับเงา” ที่ช่อง 9 เอามาฉายเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน คือ “จา พนม” มองเห็นเงินก้อนโตกว่า
แต่สำหรับ “อาร์ม สีทอง”บอกเลยว่า เรื่องอย่างนี้ น่าจะเป็นเรื่องของการตัดสินใจของแต่ละคน ไม่มีใครบังคับใจใครได้
เหมือนสัญญา ที่หลายคนบอกขอ “สัญญาใจ”กันดีกว่า เพราะแม้ว่า จะมีสัญญากันด้วยกระดาษ ที่อาจนำไปฟ้องร้องกันเป็นเงิน
อย่างกรณีนี้ มีโอกาสเรียกกันสูงนับ 1,000 ล้านเลยก็ว่าได้ เพราะ “เสี่ยเจียง” ก็เสียเงินสร้าง “จา พนม” มาแล้วกว่า 1,000 ล้าน
แม้จะกว้านเงินกลับมาได้นับ พันล้านเช่นกัน แต่นั่นเป็นธุรกิจการลงทุน ที่ต้องมีกำไร .....
“เสี่ยเจียง” ปั้นดินให้เป็นดาว “ด้วยเงิน” ก็ย่อมถึงคราวที่จะต้องได้กำไร และถ้าพูดด้วยความเป็นจริง ถ้า “จา พนม” ไม่สร้างปัญหา ที่เหมือนมีมาตลอด
เขาน่าจะได้เล่นหนังอย่าง “องค์บาก” หรือ “ต้มยำกุ้ง”มากกว่านี้ ทำเงินให้ทั้งผู้สร้าง และตัวเขาเองมากกว่านี้
ไม่มีใครรู้ว่า ก่อนหน้าที่หนัง “ต้มยำกุ้ง”ภาค 2 จะจบนั้น มีคำยืนยันจาก “เสี่ยเจียง” และคนในกองถ่ายว่า “จา พนม” หายไปกับสาวเกาหลีนานกว่าเดือน
ไม่มีใครอยากเชื่อว่า “กว่าจะมาเป็นดาว”นั้น “จา พนม” ต้องใช้เวลาทุ่มเทกับการฝึกทั้งการแสดง กับ การต่อสู้หนักหนาสาหัสแค่ไหน
มีคนมองเขาอย่างไรบ้าง กับการก้าวเข้ามาในวงการบันเทิง แม้แต่ “หม่ำ จ๊กม๊ก” ที่แสดงร่วมกับ จา พนม มาโดยตลอดนั้น
ยังยืนยันออกมาเมื่อไม่กี่วันนี้ว่า วันที่เขาเห็นหน้า “จา พนม” วันแรกที่จะต้องแสดงร่วมกันในหนังเรื่อง "องค์บาก” นั้น
“หม่ำ จ๊กม๊ก” สุดยอดของตลก ที่มีเงินน่าจะมากที่สุดหากเทียบกับ ตลกทั้งหมดในเมืองไทย ปฏิเสธที่จะแสดงร่วมกับ “จา พนม”
“ผมเห็นหน้ามัน ผมสั่นหัวเลย มันเป็นใครที่ไหนมาแสดงกับกูวะ” หม่ำ พูดอย่างนั้น ...
และวันนั้น คือวันที่ จา พนม ก้มกราบ “เสี่ยเจียง”ด้วยความ “สำนึกในพระคุณ”....
และวันนั้น คือวันที่ “เสี่ยเจียง” แทบจะก้มกราบ “หม่ำ” เพียงเพื่ออย่างเดียวเท่านั้น...
...ขอให้ หม่ำ จ๊กม๊ก ยอมแสดงหนังเรื่อง “องค์บาก”คู่กับ “สตั้นท์แมน”ที่หน้าตาเหมือนกุลีแบกข้าวสาร...!!
จาก คุณอาร์ม สีทอง
แนวหน้า
ปล. ต้องหน้าแบบนี้เท่านั้นเหรอที่จะเป็นกุลีแบกข้าวสารได้