พัฒนาการของพุทธศาสนาในสังคมไทย ตั้งแต่สุโขทัย - ปัจจุบัน

กระทู้คำถาม
พัฒนาการของพุทธศาสนาในสังคมไทย สมัยสุโขทัย

การปกครองคณะสงฆ์สมัยสุโขทัย

          พุทธศาสนาที่ชาวไทยนับถึอมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นพุทธศาสนาฝ่ายหินยานลัทธิลังกาวงศ์ ที่กรุงสุโขทัยได้รับมาจากประเทศลังกาผ่านนครศรีธรรมราช เหตุการณ์ตอนที่พุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์แพร่เข้าสู่สุโขทัยมีรายละเอียดพอสรุปได้ดังต่อไปนี้

          หนึ่งศตวรรษก่อนการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยพระเจ้าปรักกรพาหุเสด็จขึ้นครองราชย์ในประเทศลังกาใน พ.ศ. 1696 ทรงฟึ้นฟูทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาไห้บริสุทธิ์ด้วยการทำสังคยนาพระธรรมวินัยครั้งที่ 7

          พุทธศาสนาจึงเจริญรุ่งเรืองในประเทศลังกาทั้งในด้านการศึกษาและปฏิบัติธรรม กิตติศัพท์ได้เลื่องลือไปถึงประเทศพม่าพระสงฆ์จากพุกามและมอญได้เดินทางไปศึกษาพระธรรมวินัยและบวชแปลงใหม่ได้พาพระสงฆ์ลังกากลับเมืองพุกามและเมืองมอญ ตั้งคณะสงฆ์ลังกาขึ้นจนได้รับความเลื่อมใสศรัทธาของประชาชนในเมืองทั้งสอง

            ต่อมาพระสงฆ์ชาวลังกาชื่อ ราหุล ได้จาริกจากเมืองพุกามมาตั้งคณะลังกาวงศ์ขึ้นที่เมืองนครศรีธรรมราชและประสบความสำเร็จในการสร้างศรัทธาให้กับประชาชน จนพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์เจริญรุ่งเรืองที่เมืองนครศรีธรรมราช

             เมื่อพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเสด็จขึ้นครองราชย์ใน พ.ศ. 1822 พระองค์ทรงสดับกิตติศัพท์ของคณะสงฆ์แบบลังกาวงศ์ก็ทรงเลื่อมใสศรัทธา จึงโปรดอาราธนาพระมหาเถรสังฆราชจากเมืองนครศรีธรรมราชมาตั้งสำนักเผยแพร่ศาสนา ณ วัอรัญญิก ในสมัยสุโขทัย


ดังข้อความตอนหนึ่งในศิลาจารึกหลักที่ 1 ว่า

          
               “เบื้องตะวันตกเมืองสุโขทัยนี้มีอรัญญิก พ่อขุนรามคำแหงกระทำโอยทานแก่มหาเถรสังฆราชปราชญ์เรียนจบปิฎกไตรหลวก (รู้หลัก) กว่าปู่ครูในเมืองนี้ทุกคน ลุก (จาริก) แต่เมืองนครศรีธรรมราช”
   
               
                ข้อความในศิลาจารึกตอนนี้แสดงว่า ก่อนที่พ่อขุนรามคำแหงมหาราชจะอาราธนาพระมหาเถรสังฆราชมาเผยแพร่พุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์นั้น กรุงสุโขทัยมีพระสงฆ์ฝ่านหินยานอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งศิลาจารึกเรียกว่า “ปู่ครู” อันหมายถึง “พระครู” นั่นเอง


                                 



               
               พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงเลื่อมใสมหาเถรสังฆราชเพราะท่านศึกษาจบพระไตรปิฎกและเป็นผู้รอบรู้ยิ่งกว่าพระครูทุกรูปในกรุงสุโขทัย

               ในระยะแรก คงมีพระสงฆ์ 2 คณะในกรุงสุโขทัย คือ พระสงฆ์ฝ่ายหินยานซึ่งมีอยู่เดิมตั้งแต่รัชสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์คณะหนึ่ง

                กับพระสงฆ์ฝ่ายหินยานแบบลังกาวงศ์ที่จาริกมาจากเมืองนครศรีธรรราชอีกคณะหนึ่ง

               พระสงฆ์คณะเดิมได้ยุบรวมเป็นคณะเดียวกันกับพระสงฆ์ลังกาวงศ์ในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ในรัชกาลนี้ไม่ปรากฎว่ามีการจัดองค์กรการปกครองคณะสงฆ์

                                       


                  การจัดระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ปรากฎเป็นแบบแผนชัดเจนในรัชสมัยพระมหาธรรมราชาลิไทย ผู้ทรงอาราธนาพระสงฆ์ชาวลังกานามว่า พระมหาสามีสังฆราชจากเมืองนครพันมาตั้งสำนักเผยแพร่ศาสนา ณ วัดป่ามะม่วงในกรุงสุโขทัย ใน พ.ศ. 1904

                    การที่พระมหาธรรมราชาลิไทยทรงอาราธนาพระมหาสามีสังฆราชมากรุงสุโขทัยนี้ทำให้สถานภาพของพระสงฆ์คณะลังกาวงศ์มันคงยิ่งขึ้น พระสงฆ์ในคณะลังกาวงศ์เป็นพระนักปฏิบัติกรรมฐานผู้นิยมพำนักอยู่ในวัดที่ห่างไกลจากตัวเมือง คณะนี้มีชื่อเรียกในสมัยนั้นว่า คณะอรัญวาสี

                   หมายถึง กลุ่มพระสงฆ์ผู้พำนักอยู่ในวัดป่าอันแตกต่างจากพระสงฆ์ฝ่ายที่มีอยู่ในกรุงสุโขทัยแต่เดิม พระสงฆ์กลุ่มหลังนี้มีชื่อเรียกว่า คณะคามวาสี หมายถึง กลุ่มพระสงฆ์ผู้พำนักอยู่ในวัดใกล้หมู่บ้านหรือตัวเมือง พระสงฆ์คณะนี้เป็นสายพระนักวิชาการผู้ใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการศึกษาพระปริยัติธรรม


                        คณะสงฆ์ในสมัยสุโขทัยจึงมี 2 คณะ คือ คณะคามวาสี    และคณะอรัญวาสี หนังสือพงศาวดารเหนือบันทึกการแบ่งคณะสงฆ์โดยเรียกคามวาสีว่าคณะฝ่ายขวา และเรียกคณะอรัญวาสีว่า คณะฝ่ายซ้าย คณะสงฆ์ทั้งสองฝ่ายแยกการปกครองเป็นอิสระจากกันแต่ละคณะมีเจ้าคณะผู้ปกครองบังคับบัญชาสูงสุดเป็นของตนเอง เรียาว่า พระสังฆราช


เหตุนั้นในกรุงสุโขทัยจึงมีพระสังฆนายกหรือประมุขสงฆ์ 2 รูป คือ พระสังฆราชคณะคามวาสี    และพระสังฆราชคณะอรัญวาสี


http://nopvong.wordpress.com/2012/06/09/พัฒนาการของพุทธศาสนาใน/


เพิ่มเติม  

             ๑. การปกครองคณะสงฆ์ มิได้แบ่งการปกครอง เป็นการปกครองร่วมกันบังคับบัญชาตามลำดับชั้น
            

             ๒.  พระสังฆราช เป็นตำแหน่งสูงสุดของการปกครองคณะสงฆ์
          
             ๓.  "ปู่" คงจะเป็นตำแหน่งรองจากสังฆราช(ปัจจุบันเรียกว่า พระครู) 

            
            ๔.  "มหาเถระ" คงได้แก่ พระผู้มีพรรษา ผู้คงแก่เรียน รู้ธรรมวินัยทั่วไป แต่มิใช่ตำแหน่งที่กษัตริย์แต่งตั้ง อาจจะมีตำแหน่งทางการ       ปกครองเป็นเจ้าคณะหมู่ หมวด หรือสมภารวัดก็ได้ 

          
            ๕. สมัยสุโขทัยตอนปลายได้มีประเพณีพระราชทานสมณศักดิ์แก่พระสงฆ์คงรับมาจากลังกา 

          
            ๖. ในสมัยสุโทัยบางครั้งเรียก "คณะคามวาสี"ว่า ฝ่ายขวา "คณะอรัญญวาสี" ว่า ฝ่าย ซ้าย แต่ชื่อคณะคามวาสีและคณะอรัญญวาสีคงมีใช้ต่อมาจนถึงสมัยอยุธยา 
เข้าใจว่า "ตำแหน่งสังฆราช" กับ "ปู่ครู" เป็นสมณศักดิ์ในสมัยนั้น

           สุโขทัยมีสังฆราชหลายพระองค์    แต่การปกครองไม่มีเอกภาพเหมือนกรุงรัตนโกสินทร์   

          เพราะหัวเมืองใหญ่ที่เป็นประเทศราชเจ้าเมืองก็ตั้งสังฆราชเป็นประมุขในแต่ละเมืองเป็นประมุข

           ในสมัยหลังปรากฏเรียกตำแหน่งพระเถระเจ้าคณะเมืองว่า "สังฆราชา" อยู่หลายแห่ง

           สังฆราชจึงมิใช่มีองค์เดียว ส่วนปู่ครูนั้น เมืองใหญ่ๆ อาจมีหลายองค์ ถ้าเมืองเล็กมีองค์เดียว ขึ้นตรงต่อสังฆราช
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่