ซึ่งนั่นน่าจะเป็นคำตอบที่ว่า ทำไมนายอภิสิทธิ์ถึงต้องนำทีมแถลงเปิดตัว “แผนการลงทุนเพื่อสร้างอนาคตไทยเข้มแข็ง 2020”

เป้าหมายชัดๆเพื่อให้เปรียบเทียบกับแผนโครงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท

และก็ตามคาด โดนย้อนเกล็ดทันทีจากพรรคเพื่อไทยไล่ให้พรรคประชาธิปัตย์ย้อนกลับไปดูโครงการไทยเข้มแข็งในสมัยที่เป็นรัฐบาล และออก พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท

เบิ้ลบลัฟ ตอกย้ำความผิดพลาดจากผลงาน “โบดำ” ยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ ทั้งโครงการสร้างโรงพักทดแทน 356 สถานี งบประมาณ 5,848 ล้านบาท เหลือแต่เสาและตอ ก่อสร้างต่อไม่ได้ โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท ที่ผู้รับเหมาทิ้งงาน หรือโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา งบประมาณ 5,300 ล้านบาท ที่ส่อไปในทางทุจริต

หลักฐานฟ้องประจาน “ค้ำคอ” “อภิสิทธิ์” เถียงไม่ออก

เพราะมันก็เพิ่งสดๆร้อนๆย้อนกลับดูข่าวเก่าช่วง 2–3 ปีก่อนหน้า ที่มีทั้งคิวของนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกฯในรัฐบาลของ “อภิสิทธิ์” ต้องลาออก เพราะโดนกระแสกดดันอย่างหนักจากกรณีการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง

ขณะที่นายวิทยา แก้วภราดัย อดีต รมว.สาธารณสุข ในยุครัฐบาลเดียวกัน ก็ต้องไขก๊อกลาออก เซ่นกรณีทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข

ตามปรากฏการณ์ภาพข่าวประกอบหลักฐานที่ทิ้งไว้คาหนังคาเขา

มุกนี้ยิ่งเหมือนเป็นการ “ตอกย้ำซ้ำแผล” ของตัวเองให้ช้ำไปกันใหญ่

ตัดตอนจากไทยรัฐ