
ที่สโมสรราชพฤกษ์ เมื่อวันที่ 23 ก.ย. เวลา 12.15 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยแกนนำพรรค ร่วมแถลง "โครงการสร้างอนาคตไทยเข้มแข็ง 2020" โดยนายอภิสิทธิ์ แถลงจุดยืนของพรรคต่ออนาคตประเทศไทย ว่า ร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล มีปัญหาหลัก 4 ข้อ คือ
1.ขาดวินัย ขาดการตรวจสอบ ขาดความโปร่งใส การกระทำเช่นนี้เป็นการท้าทายเจตนารมของรัฐธรรมเรื่องการใช้จ่ายเงินให้ถูกต้อง
2.การกู้ครั้งนี้ตอบโจทย์ด้านคมนาคมด้านเดียว โดยที่ 99.6 เปอร์เซ็นต์ ของเงินกู้จัดให้กับกระทรวงคมนาคม และอีก 0.4 เปอร์เซ็นต์ เป็นลักษณะ “ค่าปากถุง” ให้ผู้จัดเงินกู้ คือกระทรวงการคลัง นำไปลงทุนสร้างด่านศุลกากร ซึ่งปกติเงินเช่นนี้สามารถอาศัยเงินงบประมาณได้
3. ไม่มีความพร้อมในโครงการต่างๆ ดังนั้นจึงไม่สมควรที่จะให้อำนาจการกู้ล่วงหน้าในลักษณะ 'เช็คเปล่า'
4.การประเมินความคุ้มค่าโครงการที่นำไปใช้ในการตัดสินใจของรัฐบาลมีปัญหามาก และมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายฝ่ายบริหาร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์จึงขอเสนอ อนาคตที่เลือกได้ ให้กับประชาชนและรัฐบาลที่เราเชื่อว่าสามารถตอบโจทย์ข้อบกพร่องทั้ง 4 ข้อได้ และเรามั่นใจว่าจะส่งผลให้คนไทยและเศรษฐกิจไทยมีความมั่นคงและมั่งคั่งได้ในระยะเวลาไม่เกิน 7 ปี โดย 'อนาคตที่เลือกได้ - อนาคตไทยเข้มแข็ง 2020' เราขอเสนอแนวทางการลงทุนเงิน 2 ล้านล้านบาทใน 7 ปีข้างหน้าที่อยู่บนพื้นฐานความเชื่อว่า "เพียงถนนกับรางไม่เพียงพอ แต่ถ้า 'คน' เข้มแข็ง อนาคตไทยเข้มแข็งได้" จึงเสนอว่า
1. เงิน 2 ล้านล้านทั้งหมดจะอยู่ในระบบงบประมาณ มีความโปร่งใสกว่า ตรวจสอบได้ และไม่ขัดรัฐธรรมนูญ และเรายืนยันว่าเงินในระบบงบประมาณมีเพียงพอเหลือเฟือที่จะรองรับแผนการลงทุนของเรา
2 .จะจัดสรรเงินดังนี้
2.1 โครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคม 1.2 ล้านล้านบาท
2.2 การศึกษา การพัฒนา และการวิจัย 4 แสนล้านบาท
2.3 การสาธารณสุข 2 แสนล้านบาท
2.4 ระบบชลประทานเพื่อการเกษตร 2 แสนล้านบาท
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า รายละเอียดมีดังนี้
1. โครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคม ประกอบด้วย รถไฟความเร็วสูง 36,722 ล้านบาท รถไฟทางคู่ 397,377 ล้านบาท รถไฟทางคู่สายใหม่ 110,555 ล้านบาท รถไฟฟ้า 410,996 ล้านบาท ปรับปรุงระบบรถไฟ 20,912 ล้านบาท ถนนทั้งระบบ และสถานีขนส่ง 198,422 ล้านบาท ท่าเรือ 26,622 ล้านบาท รวม ด้านคมนาคม 1.2 ล้านล้านบาท
2. การศึกษา ประกอบด้วย โรงเรียนวิทยาศาสตร์, มหาวิทยาลัยวิจัย 150,000 ล้านบาท อาชีวะสร้างชาติ 50,000 ล้านบาท ครูพันธุ์ใหม่ พัฒนาคุณภาพครู และ Excellent Centre 110,000 ล้านบาท ปรับปรุงอุปกรณ์ และสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 90,000 ล้านบาท รวม ด้านการศึกษา 4 แสนล้านบาท
3. สาธารณสุข ประกอบด้วย พัฒนาโรงพยาบาล 12,000 แห่งทั่วประเทศ 100,000 ล้านบาท พัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ และสถานศึกษาด้านสาธารณสุข 100,000 ล้านบาท รวม ด้านสาธารณสุข 200,000 ล้านบาท
4. พัฒนาระบบนํ้าเพื่อการเกษตร ลงทุนพัฒนาการชลประทานสำหรับพื้นที่เกษตร 75 ล้านไร่ทั่วประเทศ 200,000 ล้านบาท รวม ด้านการชลประทานเพื่อการเกษตร 200,000 ล้านบาท
เราเชื่อว่าการจัดสรรเงินกู้ลักษณะนี้ จะส่งผลทางบวกให้กับประเทศชาติและประชาชนได้มากกว่าแผนกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลในหลายมิติ คือ
1. รักษาเสถียรภาพทางการคลังได้ดีกว่า
2. โปร่งใสและสามารถลดทุจริตคอร์รัปชั่นได้มากกว่า
3. ตอบโจทย์ความต้องการในการพัฒนาประเทศได้ดีกว่า
4. เป็นการใช้ 'เงินแผ่นดิน' ที่มีความยุติธรรมและเป็นประโยชน์ต่อคนไทยทุกคน ทุกชนชั้นมากกว่า พรรคจึงขอเสนอ 'อนาคตที่เลือกได้' นี้ ให้กับคนไทยทุกคน และหากศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าร่างพ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทขัดรัฐธรรมนูญ เรายินดีมอบข้อเสนอนี้ให้รัฐบาลพิจารณาเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ และพร้อมที่จะสนับสนุนรัฐบาลในทุกด้านเพื่อให้แผนนี้ลุล่วงเพื่ออนาคตคนไทยทุกคนจะเข้มแข็งภายในปี 2020 เราจำเป็นต้องตั้งหลักพัฒนาประเทศและเศรษฐกิจใหม่ จึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนก้าวข้ามวิธีการบริหารแบบเดิม การบริหารแบบประชานิยม แล้วก้าวเข้าสู่สังคมสวัสดิการ เข้าสู่ประเทศที่เข้มแข็งอย่างแท้จริง ซึ่งหากรัฐบาลปฏิเสธข้อเสนอนี้ พรรคประชาธิปัตย์ขอยืนยันกับประชาชนทุกคนว่า เราพร้อมนำแผนนี้สู่การปฏิบัติเมื่อใดที่ประชาชนพร้อมให้โอกาสเรากลับมาดูแลคนไทยทุกคนในฐานะฝ่ายบริหาร
เมื่อถามว่า ทำไมตอนเป็นรัฐบาลจึงไม่ทำ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่นำเสนอเป็นสิ่งที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้เคยเสนอเอาไว้แล้ว โดยเมื่อปี 53 รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้เสนอแนวทางจนทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเริ่มดำเนินการตามแผนที่เสนอในครั้งนี้ เช่น เริ่มเจรจากับจีนเกี่ยวกับการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เริ่มศึกษาโครงการรถไฟรางคู่ โดยเราดำเนินการมาตลอดแต่มาหยุดชะงักเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งแนวทางที่เราเสนอจะมีวิธีบริหารแตกต่างจากรัฐบาลชุดนี้ โดยการดึงภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน ซึ่งเท่ากับว่าจะใช้เงินเท่ากันแต่ได้ของมากกว่า
ทางด้านนายสามารถ กล่าวว่า รัฐบาลนี้บอกจะสร้างรถไฟความเร็วสูงในหลายเส้นทางภายใน 7 ปี แต่เราไม่เชื่อ ว่าจะทำได้สำเร็จเพราะไม่มีการศึกษาความเป็นไปได้ ไม่มีความพร้อมในโครงการ ดังนั้น แผนที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอ คือการนำโครงการต่างๆมาศึกษาความเป็นไปได้ หากโครงการใดมีความเป็นได้ก็จะเร่งดำเนินการในโครงการนั้นทั้นที นอกจากนี้ยังได้เพิ่มโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ที่รัฐบาลนี้เสนอสร้าง 11 เส้นทาง โดยทั้งหมดมาจากผลการศึกษาวของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ศึกษาไว้ถึง 17 เส้นทาง ดังนั้น ในการเสนอครั้งนี้เราได้เสนอให้มีการสร้างรถไฟทางคู่ทั้ง 11 เส้นทางด้วย
ขณะที่นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะยื่นแนวทางนี้ให้กับรัฐบาล แต่หากรัฐบาลไม่รับแผนนี้ ก็ต้องรอให้พรรคประชาธิปัตย์เข้ามาบริหารประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะเดินหน้าดำเนินการตามแผนนี้อย่างแน่นอน
ที่มา
http://www.dailynews.co.th/politics/235146
*** ปิดโหวต วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2556 เวลา 20:38:36 น.
พวกท่านคิดยังไงกับโครงการไทยเข้มแข็ง 2020 ของพรรคประชาธิปัตย์
ที่สโมสรราชพฤกษ์ เมื่อวันที่ 23 ก.ย. เวลา 12.15 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยแกนนำพรรค ร่วมแถลง "โครงการสร้างอนาคตไทยเข้มแข็ง 2020" โดยนายอภิสิทธิ์ แถลงจุดยืนของพรรคต่ออนาคตประเทศไทย ว่า ร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล มีปัญหาหลัก 4 ข้อ คือ
1.ขาดวินัย ขาดการตรวจสอบ ขาดความโปร่งใส การกระทำเช่นนี้เป็นการท้าทายเจตนารมของรัฐธรรมเรื่องการใช้จ่ายเงินให้ถูกต้อง
2.การกู้ครั้งนี้ตอบโจทย์ด้านคมนาคมด้านเดียว โดยที่ 99.6 เปอร์เซ็นต์ ของเงินกู้จัดให้กับกระทรวงคมนาคม และอีก 0.4 เปอร์เซ็นต์ เป็นลักษณะ “ค่าปากถุง” ให้ผู้จัดเงินกู้ คือกระทรวงการคลัง นำไปลงทุนสร้างด่านศุลกากร ซึ่งปกติเงินเช่นนี้สามารถอาศัยเงินงบประมาณได้
3. ไม่มีความพร้อมในโครงการต่างๆ ดังนั้นจึงไม่สมควรที่จะให้อำนาจการกู้ล่วงหน้าในลักษณะ 'เช็คเปล่า'
4.การประเมินความคุ้มค่าโครงการที่นำไปใช้ในการตัดสินใจของรัฐบาลมีปัญหามาก และมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายฝ่ายบริหาร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์จึงขอเสนอ อนาคตที่เลือกได้ ให้กับประชาชนและรัฐบาลที่เราเชื่อว่าสามารถตอบโจทย์ข้อบกพร่องทั้ง 4 ข้อได้ และเรามั่นใจว่าจะส่งผลให้คนไทยและเศรษฐกิจไทยมีความมั่นคงและมั่งคั่งได้ในระยะเวลาไม่เกิน 7 ปี โดย 'อนาคตที่เลือกได้ - อนาคตไทยเข้มแข็ง 2020' เราขอเสนอแนวทางการลงทุนเงิน 2 ล้านล้านบาทใน 7 ปีข้างหน้าที่อยู่บนพื้นฐานความเชื่อว่า "เพียงถนนกับรางไม่เพียงพอ แต่ถ้า 'คน' เข้มแข็ง อนาคตไทยเข้มแข็งได้" จึงเสนอว่า
1. เงิน 2 ล้านล้านทั้งหมดจะอยู่ในระบบงบประมาณ มีความโปร่งใสกว่า ตรวจสอบได้ และไม่ขัดรัฐธรรมนูญ และเรายืนยันว่าเงินในระบบงบประมาณมีเพียงพอเหลือเฟือที่จะรองรับแผนการลงทุนของเรา
2 .จะจัดสรรเงินดังนี้
2.1 โครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคม 1.2 ล้านล้านบาท
2.2 การศึกษา การพัฒนา และการวิจัย 4 แสนล้านบาท
2.3 การสาธารณสุข 2 แสนล้านบาท
2.4 ระบบชลประทานเพื่อการเกษตร 2 แสนล้านบาท
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า รายละเอียดมีดังนี้
1. โครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคม ประกอบด้วย รถไฟความเร็วสูง 36,722 ล้านบาท รถไฟทางคู่ 397,377 ล้านบาท รถไฟทางคู่สายใหม่ 110,555 ล้านบาท รถไฟฟ้า 410,996 ล้านบาท ปรับปรุงระบบรถไฟ 20,912 ล้านบาท ถนนทั้งระบบ และสถานีขนส่ง 198,422 ล้านบาท ท่าเรือ 26,622 ล้านบาท รวม ด้านคมนาคม 1.2 ล้านล้านบาท
2. การศึกษา ประกอบด้วย โรงเรียนวิทยาศาสตร์, มหาวิทยาลัยวิจัย 150,000 ล้านบาท อาชีวะสร้างชาติ 50,000 ล้านบาท ครูพันธุ์ใหม่ พัฒนาคุณภาพครู และ Excellent Centre 110,000 ล้านบาท ปรับปรุงอุปกรณ์ และสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 90,000 ล้านบาท รวม ด้านการศึกษา 4 แสนล้านบาท
3. สาธารณสุข ประกอบด้วย พัฒนาโรงพยาบาล 12,000 แห่งทั่วประเทศ 100,000 ล้านบาท พัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ และสถานศึกษาด้านสาธารณสุข 100,000 ล้านบาท รวม ด้านสาธารณสุข 200,000 ล้านบาท
4. พัฒนาระบบนํ้าเพื่อการเกษตร ลงทุนพัฒนาการชลประทานสำหรับพื้นที่เกษตร 75 ล้านไร่ทั่วประเทศ 200,000 ล้านบาท รวม ด้านการชลประทานเพื่อการเกษตร 200,000 ล้านบาท
เราเชื่อว่าการจัดสรรเงินกู้ลักษณะนี้ จะส่งผลทางบวกให้กับประเทศชาติและประชาชนได้มากกว่าแผนกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลในหลายมิติ คือ
1. รักษาเสถียรภาพทางการคลังได้ดีกว่า
2. โปร่งใสและสามารถลดทุจริตคอร์รัปชั่นได้มากกว่า
3. ตอบโจทย์ความต้องการในการพัฒนาประเทศได้ดีกว่า
4. เป็นการใช้ 'เงินแผ่นดิน' ที่มีความยุติธรรมและเป็นประโยชน์ต่อคนไทยทุกคน ทุกชนชั้นมากกว่า พรรคจึงขอเสนอ 'อนาคตที่เลือกได้' นี้ ให้กับคนไทยทุกคน และหากศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าร่างพ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทขัดรัฐธรรมนูญ เรายินดีมอบข้อเสนอนี้ให้รัฐบาลพิจารณาเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ และพร้อมที่จะสนับสนุนรัฐบาลในทุกด้านเพื่อให้แผนนี้ลุล่วงเพื่ออนาคตคนไทยทุกคนจะเข้มแข็งภายในปี 2020 เราจำเป็นต้องตั้งหลักพัฒนาประเทศและเศรษฐกิจใหม่ จึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนก้าวข้ามวิธีการบริหารแบบเดิม การบริหารแบบประชานิยม แล้วก้าวเข้าสู่สังคมสวัสดิการ เข้าสู่ประเทศที่เข้มแข็งอย่างแท้จริง ซึ่งหากรัฐบาลปฏิเสธข้อเสนอนี้ พรรคประชาธิปัตย์ขอยืนยันกับประชาชนทุกคนว่า เราพร้อมนำแผนนี้สู่การปฏิบัติเมื่อใดที่ประชาชนพร้อมให้โอกาสเรากลับมาดูแลคนไทยทุกคนในฐานะฝ่ายบริหาร
เมื่อถามว่า ทำไมตอนเป็นรัฐบาลจึงไม่ทำ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่นำเสนอเป็นสิ่งที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้เคยเสนอเอาไว้แล้ว โดยเมื่อปี 53 รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้เสนอแนวทางจนทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเริ่มดำเนินการตามแผนที่เสนอในครั้งนี้ เช่น เริ่มเจรจากับจีนเกี่ยวกับการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เริ่มศึกษาโครงการรถไฟรางคู่ โดยเราดำเนินการมาตลอดแต่มาหยุดชะงักเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งแนวทางที่เราเสนอจะมีวิธีบริหารแตกต่างจากรัฐบาลชุดนี้ โดยการดึงภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน ซึ่งเท่ากับว่าจะใช้เงินเท่ากันแต่ได้ของมากกว่า
ทางด้านนายสามารถ กล่าวว่า รัฐบาลนี้บอกจะสร้างรถไฟความเร็วสูงในหลายเส้นทางภายใน 7 ปี แต่เราไม่เชื่อ ว่าจะทำได้สำเร็จเพราะไม่มีการศึกษาความเป็นไปได้ ไม่มีความพร้อมในโครงการ ดังนั้น แผนที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอ คือการนำโครงการต่างๆมาศึกษาความเป็นไปได้ หากโครงการใดมีความเป็นได้ก็จะเร่งดำเนินการในโครงการนั้นทั้นที นอกจากนี้ยังได้เพิ่มโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ที่รัฐบาลนี้เสนอสร้าง 11 เส้นทาง โดยทั้งหมดมาจากผลการศึกษาวของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ศึกษาไว้ถึง 17 เส้นทาง ดังนั้น ในการเสนอครั้งนี้เราได้เสนอให้มีการสร้างรถไฟทางคู่ทั้ง 11 เส้นทางด้วย
ขณะที่นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะยื่นแนวทางนี้ให้กับรัฐบาล แต่หากรัฐบาลไม่รับแผนนี้ ก็ต้องรอให้พรรคประชาธิปัตย์เข้ามาบริหารประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะเดินหน้าดำเนินการตามแผนนี้อย่างแน่นอน
ที่มา http://www.dailynews.co.th/politics/235146