เปิด Sephora ที่สยามเซ็นเตอร์ พ.ย.นี้
สาวกเซโฟร่า เตรียมเงินไว้ให้ดี เพราะในเดือนพฤศจิกายนนี้ สยามเซ็นเตอร์เตรียมนำเครื่องสำอางค์แบรนด์ดังที่จำหน่ายในห้าง เซโฟร่า สินค้าแฟชั่นจาก วิคตอเรีย ซีเคร็ท และ พูล แอนด์ แบร์ มาจำหน่าย หวังเพิ่มยอดขายให้สยามเซ็นเตอร์ได้อีก 20-30%
ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ทุ่มงบประมาณ 500 ล้านบาท ดึงแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมาเปิดแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกในเมืองไทย ภายใต้คอนเซปต์ Absolute Siam โดยนำแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ที่เปิดช็อปเพียงแห่งเดียวในแต่ละเมืองต่างๆ ทั่วโลกมาเปิดร้านในสยามเซ็นเตอร์ โดยมีแบรนด์ชั้นนำระดับโลก 3 แบรนด์ ได้แก่
เซโฟร่า แบรนด์เครื่องสำอางค์จากกรุงปารีส ฝรั่งเศส โดยเซโฟร่า ตัดสินใจเปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในเมืองไทย นำสินค้า1,500 ไอเทม ทั้งแบรนด์เซโฟร่าและแบรนด์ใหม่ที่ไม่เคยจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย 20% นำมาวางจำหน่ายเฉพาะที่สยามเซ็นเตอร์ โดยปัจจุบันเซโฟร่า มีช็อปกว่า 1,500 ใน 28 ประเทศทั่วโลก
แบรนด์ต่อมาคือ วิคตอเรีย ซีเคร็ท บิ้วตี้ แอนด์ แอ็คเซสเซอรี่ สินค้ากลุ่มเครื่องสำอางค์ สกินแคร์ น้ำหอมและแอ็คเซสเซอรี่ ปัจจุบัน วิคตอเรีย ซีเคร็ท บิ้วตี้ แอนด์ แอ็คเซสเซอรี่ มีทั้งหมด 1,000 สาขาทั่วโลก
แบรนด์ที่ 3 คือ พูล แอนด์ แบรด์ แบรนด์แฟชั่นจากเครืออินดิเท็กซ์ กรุ๊ป เจ้าแบรนด์ Zara นำแฟชั่นภายใต้เทคโนโลยี ศิลปะและดนตรีที่มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลามาจำหน่าย
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ใหม่อีก 2 แบรนด์ คือ คลับ ทเวนตี้วัน ที่จะมาเปิดช้อปร้าน เอเอ็กซ์ (A/X) เปิดเป็นแฟล็กชิฟสโตร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และแบรนด์ ดีเคเอ็นวาย ยีนส์ นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ อีดีซี จากกลุ่มไมเนอร์กรุ๊ป ที่มาเปิดแฟล็กชิฟสโตร์คอนเซปใหม่แห่งแรกในประเทศไทยด้วย โดยนางแคโรไลน์ เมอร์ฟีย์ รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า Absolute Siam รูปแบบใหม่ จะเปิดให้บริการภายในเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมนี้ คาดว่าจะสร้างรายได้ให้สยามเซนเตอร์เพิ่มขึ้น 20-30%
นอกจากนี้ สยามเซ็นเตอร์ ยังได้ตัดสินใจสร้างพื้นที่สำหรับ Pop up shop รวม 20 จุด เพื่อนำแบรนด์ใหม่ๆ ทั้งอินเตอร์แบรนด์และแบรนด์ไทย เปิดเป็น Pop up shop หมุนเวียนต่อเนื่องทุกๆ 6 เดือน เช่นเดียวกับที่เคยทำในพื้นที่ ร้าน แม็กนั่ม คาเฟ่ ซึ่งเป็นหนึ่งใน Pop up shop ซึ่งปัจจุบันได้หมดช่วง 9 เดือน และได้ปิดร้านแล้วตาม ป๊อปอัพคอนเซปต์ ซึ่งพื้นที่ตรงนั้นจะจัดทำ Pop up shop ใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมนี้ เพื่อตอบสนองไลฟสไตล์ของผู้บริโภคคนไทยที่ชื่นชอบประสบการณ์การช้อปปิ้งใหม่ๆ ตลอดเวลา
ส่วนการปรับโฉมใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีลูกค้าชาวไทยและต่างประเทศเข้ามาจับจ่ายในสยามเซ็นเตอร์มากขึ้น เฉลี่ย 100,000-120,000 คนต่อวัน และในช่วงสุดสัปดาห์สูงถึง 150,000-200,00 คนต่อวัน โดยมีสัดส่วนนักช้อปชาวไทยต่อนักช้อปต่างประเทศ 60:40 จากเดิมที่มีสัดส่วน 70:30 โดยปัจจุบัน สยามเซ็นเตอร์ มีพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร มีร้านค้ารวม 250 แบรนด์
ส่วนแนวคิดการปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยบางรายการ ผู้บริหารสยามพิวรรธน์ กล่าวว่า สนับสนุนแนวคิดนี้เต็มที่ โดยเฉพาะการลดภาษีวัตถุดิบที่ใช้ผลิตสินค้าของผู้ประกอบการไทย ที่มีการนำเข้าวัตถุดิบต่างประเทศในราคาสูง ทำให้ราคาจำหน่ายต่อชิ้นสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น หากรัฐบาลลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยประเภทวัตถุดิบ เช่น แป้งทำอาหาร หนัง และผ้า จะช่วยสร้างงาน ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยได้ นอกจากนี้ยังช่วยดึงนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาท่องเที่ยวจับจ่ายในไทยมากขึ้น เพราะปัจจุบัน นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมไปจับจ่ายในประเทศที่มีภาษีสินค้าต่ำ อย่าง สิงคโปร์ และฮ่องกง อีกทั้งคนไทยยังติด 1 ใน 5 นักช้อปปิ้งที่นิยมซื้อสินค้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศเข้ามาในไทย อย่าง ฮ่องกง และปารีส หากนโยบายนี้ทำได้จริงจะช่วยเพิ่มการจับจ่ายในประเทศเพิ่มขึ้น 20-30% หรือมากกว่า 26 ล้านคน
ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับผู้ประกอบการแบรนด์ไทยส่วนใหญ่ไม่กังวลกับนโยบายนี้ เพราะมีความมั่นใจในสินค้าของตัวเอง อีกทั้งเห็นว่าปัจจุบันมีสินค้าแบรนด์เนมหลายแบรนด์ ทั้ง หลุยส์ วิตตอง พราด้า และแบรนด์อื่นๆ เข้ามาเปิดช้อปในไทยนานแล้ว
สยามเซ็นเตอร์ทุ่มงบประมาณ 200 ล้านบาท จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ทั้งจัดนิทรรศการ Idea Avenue : Trend นำเทรนด์แฟชั่นของโลกมาจัดแสดง , จัดโปรโมชั่น My Style , My Soul , My Self และเทศกาลจับจ่ายเพื่อความสุข ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมด้วย
http://news.voicetv.co.th/business/81735.html
เปิด Sephora ที่สยามเซ็นเตอร์ พ.ย.นี้
สาวกเซโฟร่า เตรียมเงินไว้ให้ดี เพราะในเดือนพฤศจิกายนนี้ สยามเซ็นเตอร์เตรียมนำเครื่องสำอางค์แบรนด์ดังที่จำหน่ายในห้าง เซโฟร่า สินค้าแฟชั่นจาก วิคตอเรีย ซีเคร็ท และ พูล แอนด์ แบร์ มาจำหน่าย หวังเพิ่มยอดขายให้สยามเซ็นเตอร์ได้อีก 20-30%
ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ทุ่มงบประมาณ 500 ล้านบาท ดึงแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมาเปิดแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกในเมืองไทย ภายใต้คอนเซปต์ Absolute Siam โดยนำแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ที่เปิดช็อปเพียงแห่งเดียวในแต่ละเมืองต่างๆ ทั่วโลกมาเปิดร้านในสยามเซ็นเตอร์ โดยมีแบรนด์ชั้นนำระดับโลก 3 แบรนด์ ได้แก่
เซโฟร่า แบรนด์เครื่องสำอางค์จากกรุงปารีส ฝรั่งเศส โดยเซโฟร่า ตัดสินใจเปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในเมืองไทย นำสินค้า1,500 ไอเทม ทั้งแบรนด์เซโฟร่าและแบรนด์ใหม่ที่ไม่เคยจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย 20% นำมาวางจำหน่ายเฉพาะที่สยามเซ็นเตอร์ โดยปัจจุบันเซโฟร่า มีช็อปกว่า 1,500 ใน 28 ประเทศทั่วโลก
แบรนด์ต่อมาคือ วิคตอเรีย ซีเคร็ท บิ้วตี้ แอนด์ แอ็คเซสเซอรี่ สินค้ากลุ่มเครื่องสำอางค์ สกินแคร์ น้ำหอมและแอ็คเซสเซอรี่ ปัจจุบัน วิคตอเรีย ซีเคร็ท บิ้วตี้ แอนด์ แอ็คเซสเซอรี่ มีทั้งหมด 1,000 สาขาทั่วโลก
แบรนด์ที่ 3 คือ พูล แอนด์ แบรด์ แบรนด์แฟชั่นจากเครืออินดิเท็กซ์ กรุ๊ป เจ้าแบรนด์ Zara นำแฟชั่นภายใต้เทคโนโลยี ศิลปะและดนตรีที่มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลามาจำหน่าย
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ใหม่อีก 2 แบรนด์ คือ คลับ ทเวนตี้วัน ที่จะมาเปิดช้อปร้าน เอเอ็กซ์ (A/X) เปิดเป็นแฟล็กชิฟสโตร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และแบรนด์ ดีเคเอ็นวาย ยีนส์ นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ อีดีซี จากกลุ่มไมเนอร์กรุ๊ป ที่มาเปิดแฟล็กชิฟสโตร์คอนเซปใหม่แห่งแรกในประเทศไทยด้วย โดยนางแคโรไลน์ เมอร์ฟีย์ รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า Absolute Siam รูปแบบใหม่ จะเปิดให้บริการภายในเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมนี้ คาดว่าจะสร้างรายได้ให้สยามเซนเตอร์เพิ่มขึ้น 20-30%
นอกจากนี้ สยามเซ็นเตอร์ ยังได้ตัดสินใจสร้างพื้นที่สำหรับ Pop up shop รวม 20 จุด เพื่อนำแบรนด์ใหม่ๆ ทั้งอินเตอร์แบรนด์และแบรนด์ไทย เปิดเป็น Pop up shop หมุนเวียนต่อเนื่องทุกๆ 6 เดือน เช่นเดียวกับที่เคยทำในพื้นที่ ร้าน แม็กนั่ม คาเฟ่ ซึ่งเป็นหนึ่งใน Pop up shop ซึ่งปัจจุบันได้หมดช่วง 9 เดือน และได้ปิดร้านแล้วตาม ป๊อปอัพคอนเซปต์ ซึ่งพื้นที่ตรงนั้นจะจัดทำ Pop up shop ใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมนี้ เพื่อตอบสนองไลฟสไตล์ของผู้บริโภคคนไทยที่ชื่นชอบประสบการณ์การช้อปปิ้งใหม่ๆ ตลอดเวลา
ส่วนการปรับโฉมใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีลูกค้าชาวไทยและต่างประเทศเข้ามาจับจ่ายในสยามเซ็นเตอร์มากขึ้น เฉลี่ย 100,000-120,000 คนต่อวัน และในช่วงสุดสัปดาห์สูงถึง 150,000-200,00 คนต่อวัน โดยมีสัดส่วนนักช้อปชาวไทยต่อนักช้อปต่างประเทศ 60:40 จากเดิมที่มีสัดส่วน 70:30 โดยปัจจุบัน สยามเซ็นเตอร์ มีพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร มีร้านค้ารวม 250 แบรนด์
ส่วนแนวคิดการปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยบางรายการ ผู้บริหารสยามพิวรรธน์ กล่าวว่า สนับสนุนแนวคิดนี้เต็มที่ โดยเฉพาะการลดภาษีวัตถุดิบที่ใช้ผลิตสินค้าของผู้ประกอบการไทย ที่มีการนำเข้าวัตถุดิบต่างประเทศในราคาสูง ทำให้ราคาจำหน่ายต่อชิ้นสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น หากรัฐบาลลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยประเภทวัตถุดิบ เช่น แป้งทำอาหาร หนัง และผ้า จะช่วยสร้างงาน ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยได้ นอกจากนี้ยังช่วยดึงนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาท่องเที่ยวจับจ่ายในไทยมากขึ้น เพราะปัจจุบัน นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมไปจับจ่ายในประเทศที่มีภาษีสินค้าต่ำ อย่าง สิงคโปร์ และฮ่องกง อีกทั้งคนไทยยังติด 1 ใน 5 นักช้อปปิ้งที่นิยมซื้อสินค้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศเข้ามาในไทย อย่าง ฮ่องกง และปารีส หากนโยบายนี้ทำได้จริงจะช่วยเพิ่มการจับจ่ายในประเทศเพิ่มขึ้น 20-30% หรือมากกว่า 26 ล้านคน
ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับผู้ประกอบการแบรนด์ไทยส่วนใหญ่ไม่กังวลกับนโยบายนี้ เพราะมีความมั่นใจในสินค้าของตัวเอง อีกทั้งเห็นว่าปัจจุบันมีสินค้าแบรนด์เนมหลายแบรนด์ ทั้ง หลุยส์ วิตตอง พราด้า และแบรนด์อื่นๆ เข้ามาเปิดช้อปในไทยนานแล้ว
สยามเซ็นเตอร์ทุ่มงบประมาณ 200 ล้านบาท จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ทั้งจัดนิทรรศการ Idea Avenue : Trend นำเทรนด์แฟชั่นของโลกมาจัดแสดง , จัดโปรโมชั่น My Style , My Soul , My Self และเทศกาลจับจ่ายเพื่อความสุข ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมด้วย
http://news.voicetv.co.th/business/81735.html