ในส่วนลึก ตรึกห้วง ทรวงหวั่นไหว
ยากที่จักบอกใครให้รู้เห็น
จำต้องเก็บซ่อนใน ใจลำเค็ญ
ให้เกิดเป็นความหม่นท่วมท้นทรวง
แท้จริงแล้ว อยากเผย เฉลยกล่าว
ว่าตัวเรา มีใคร ที่ใจหวง
สลักรอย ตราไว้ ในแดดวง
อยู่ติดบ่วงลำดับ ประทับใจ
ได้แต่ร้อย ลำนำพร่ำอักษร
เป็นบทกลอนตอนหนึ่งซึ่งเหลวไหล
เมื่อกาลนำพาพบสบคนไกล
เป็นเพื่อนใหม่ไมตรี มียื่นมา
ได้พูดจา พาที กวีผ่าน
สายใยสาน นานไป ได้พบหน้า
ต่อแต่นั้น สัมพันธ์ กลับผันพา
ไกลเกินกว่ายอมรับ เพื่อปรับใจ
ถึงวันนี้ ทีใจกลายพลั้งเผลอ
ให้ต้องเจอ สิ่งประดัง ครั้งยิ่งใหญ่
เมื่อต้นกล้ารักวาง กลางทรวงใน
ยากจะถอนทิ้งไปไกลดวงแด
เมื่อดวงใจไขว่เขว คล้ายเหหัก
จึงประจักษ์ได้เห็นเช่นรอยแผล
เมื่อเขาผันดวงใจกลายเปลี่ยนแปร
ไม่เหลียวแลส่วนลึกรู้สึกมี
จากที่เคยเอ่ยมาประสาถ้อย
กลับเลื่อนลอยค่อยเลี่ยงเบนเบี่ยงหนี
ไม่สนใคร หนาวเหน็บ เจ็บฤดี
หรือไม่มีหัวใจจะไตร่ตรอง
หากปรบมือข้างเดียวจะดังไหม
ถ้าไม่เกิดจากใจของใครสอง
คราวแผลลึก ตรึกร้าว ใครเล่าครอง
หรือหญิงต้องรับไว้ เพียงฝ่ายเดียว/…
“สุนันยา”
...หรือเป็นสิ่งหญิงต้องรับ...
ในส่วนลึก ตรึกห้วง ทรวงหวั่นไหว
ยากที่จักบอกใครให้รู้เห็น
จำต้องเก็บซ่อนใน ใจลำเค็ญ
ให้เกิดเป็นความหม่นท่วมท้นทรวง
แท้จริงแล้ว อยากเผย เฉลยกล่าว
ว่าตัวเรา มีใคร ที่ใจหวง
สลักรอย ตราไว้ ในแดดวง
อยู่ติดบ่วงลำดับ ประทับใจ
ได้แต่ร้อย ลำนำพร่ำอักษร
เป็นบทกลอนตอนหนึ่งซึ่งเหลวไหล
เมื่อกาลนำพาพบสบคนไกล
เป็นเพื่อนใหม่ไมตรี มียื่นมา
ได้พูดจา พาที กวีผ่าน
สายใยสาน นานไป ได้พบหน้า
ต่อแต่นั้น สัมพันธ์ กลับผันพา
ไกลเกินกว่ายอมรับ เพื่อปรับใจ
ถึงวันนี้ ทีใจกลายพลั้งเผลอ
ให้ต้องเจอ สิ่งประดัง ครั้งยิ่งใหญ่
เมื่อต้นกล้ารักวาง กลางทรวงใน
ยากจะถอนทิ้งไปไกลดวงแด
เมื่อดวงใจไขว่เขว คล้ายเหหัก
จึงประจักษ์ได้เห็นเช่นรอยแผล
เมื่อเขาผันดวงใจกลายเปลี่ยนแปร
ไม่เหลียวแลส่วนลึกรู้สึกมี
จากที่เคยเอ่ยมาประสาถ้อย
กลับเลื่อนลอยค่อยเลี่ยงเบนเบี่ยงหนี
ไม่สนใคร หนาวเหน็บ เจ็บฤดี
หรือไม่มีหัวใจจะไตร่ตรอง
หากปรบมือข้างเดียวจะดังไหม
ถ้าไม่เกิดจากใจของใครสอง
คราวแผลลึก ตรึกร้าว ใครเล่าครอง
หรือหญิงต้องรับไว้ เพียงฝ่ายเดียว/…
“สุนันยา”