วันนี้พึ่งกลับบ้านไปดูวีซ่าที่เขาส่งกลับมา ตกใจพอสมควรครับ ขอเล่าประสบการณ์ที่ไปสัมภาษณ์มานะครับ
แนะนำตัวนะครับ ผมเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชน ปี 3 ครับ
เมื่อวันที่ 13 กันยายน ผมได้นัดสถานทูตไว้ 10.30 น (เช้าวันนั้นซวยมากครับฝนตก) ผมออกบ้านมา 7.30 น ออกมารอรถแท็กซี่ในซอยลาดพร้าว 4x รอประมาณครึ่งชม. ไม่มีแท็กซี่เลย จึงตัดสินใจเดินออกจากซอยนั่งวินก็ไม่ได้ครับฝนตกเดี๋ยวเปียกแต่งตัวซะหล่อ ออกมารออยู่ที่ถนนลาดพร้าว คุณพระ!! ไม่มีแท็กซี่ว่างเลย เอาละๆทำไงรีบหยิบไอโฟนออกมาหาวิธีไปสถานทูตเขาบอกไป BTS เพลินจิต ผมเลยตัดสินใจจะไปโดยวิธีนี้ ผมเลยเดินครับ เดินไปMRT ลาดพร้าวT^T ประมาณ 3 ป้ายรถเมย์ (ขึ้นรถเมย์ไม่เป็นไม่รู้สายไหนผ่าน) เหงื่อชุ่มเลยทีเดียวรีบครับ 8.15 น.แล้ว จากนั้นไปต่อ BTS หมอชิต และไปลงเพลินจิต ถึงประมาณ 8.45 น. เอาไงละทีนี่ ดูป้ายบอก สถานทูตอเมริกาประตู 2 พอลงมาแล้วก้อเปิดไอโฟนครับ เขาบอกขึ้นรถเมย์ สายไรผมจำไม่ได้ครับ บางคนก็บอกเดินก้อได้ครับ แต่! ผมยังเหนื่อยอยู่(สามป้ายรถเมย์+วิ่งบนMRT-BTSอีก) เลยเรียกแท็กซี่ จาก BTS เพลินจิต-สถานทูต มิเตอร์ไม่ขึ้นเลยครับ 35 บาท สำหรับคนที่จะเดินไปนะครับลง BTS เพลินจิตประตู 2 พอลงบรรไดปุ๊ปเดินตรงไปและเลี้ยวซ้ายตามฟุตบาตมันจะเข้าถนนวิทยุเลยครับจากนั้นเดินตรงอย่างเดียวครับ พอผมถึงสถานทูตเวลา9.00 น. ก็โทรหาเอเจนซี่เพราะเอกสารผมอยู่ที่เขา โทรไปพี่แกบอกอยู่แถวรัชโยธินรถติดอ่ะน้อง!!! พอเอเจนซี่มาถึงผมก็เอาเอกสารเข้าไปสัมภาษณ์ พิมลายนิ้วมือเสร็จเขาบอกไปรอที่ช่อง 13 (เลขเด็ดอีกละ) ก่อนคิวผมประมาณ 3 คิว โดนปฏิเสธหมด เพราะผมเห็นได้พาสปอร์ตคืน คิดในใจซวยแหละๆ อิเจ๊นี่โหดชัว(หน้าออกจีน หรือฟิลิปินอ่ะครับ) พอผมคิวผม
ผม : สวัสดีครับ
เจ้าหน้าที่ : ไปอเมริกาไปทำไมคะ (คลาสสิคมาก)
ผม : visit my brother (อ่อนอังกฤษมากครับ)
เจ้าหน้าที่ : ไปกี่วันคะ
ผม : 2 week
เจ้าหน้าที่ : พี่คุณทำงานอะไร
ผม : work in supermarket(grammaไม่ไหว)
เจ้าหน้าที่ : พี่คุณมีวีซ่าถาวรไหม
ผม: มีครับ ยื่นเอกสารให้ไป
เจ้าหน้าที่ : ดูเอกสาร ทำหน้างง และก้อคืนมาในช่อง และถามอีกที พี่คุณมีวีซ่าถาวรไหม????
ผม: yes, about green card?
เจ้าหน้าที่ : um (ผมก็ยื่นอันเดิมละให้เขา) เขาก็ no no
ผม: This is my brother green card
เจ้าหน้าที่: ทำหน้างงอีก OH! I am sorry sorry ok (คือแกนึกว่ามันเป็นพาสปอร์ตพี่ผม)
เจ้าหน้าที่: พี่คุณได้วีซ่ามาอย่างไรคะ
ผม : married
เจ้าหน้าที่ : ถามกลับมาว่าพี่สะใภ้เป็นคนอเมริกันหรอ
ผม: no , she is thai people
เจ้าหน้าที่ : (ทำหน้างงอย่างแรง) และถามซ้ำอีกครั้งว่า พี่คุณได้วีซ่ามายังไง
ผม : (เอาละเหมือนจะแห้วแกทำหน้างงมาก) ผมบอกว่า married อีกที
เจ้าหน้าที่ : ทำหน้างง และถามว่า she has green card too?
ผม : yes yes she has green card (โอ๊ยกว่าจะรอด)
เจ้าหน้าที่ : คุณเคยได้วีซ่าแล้ว ครั้งที่แล้วทำไมคุณไม่ไป
ผม : I had a midterm exam
เจ้าหน้าที่ : ok have fun
ผม : ยิ้มมมมมมมมมม thank you
อ้าววว แล้วสเตตเม้นละ ทำไมเขาไม่ดู ไม่ถาม ไม่อะไรเลย ผมเป็นนักศึกษานะทำไมเขาไม่ดูละ สปอนเซอร์ก้อไม่ถาม ออกมาแบบงงๆ เขียนซองจดหมายถึงตัวเอง และวันนี้มาเปิดดูวีซ่า ผมได้วีซ่าท่องเที่ยว 10 ปี เฉย ได้มาได้ไง งง เป็นนักศึกษา
(ผมขอเล่าย้อนกลับไปนิดหนึ่งนะครับ ปลายปีที่แล้ว ผมได้ขอวีซ่าไปงานรับปริญญาพี่ ซึ่งพ่อกับแม่ขอที่เชียงใหม่ ผมทะเบียนบ้านอยู่กรุงเทพจึงมาขอที่กรุงเทพคนเดียว ตอนสัมภาษณ์ครั้งนั้นมีเอกสารจากมหาลัยของพี่เขียนมาเชิญ เอกสารรับรองเป็นนักศึกษาและสมุดเงินฝากแม่ เงิน 3xx,xxxx บอกว่าไปกับพ่อแม่เขาก้อให้วีซ่ามา 3 เดือน ซึ่งพอถึงเวลาผมไม่ได้ไปเพราะติดสอบกลางภาค และวีซ่าก็หมดอายุ)
ครั้งนี้เอกสารที่ผมใช้ในการสัมภาษณ์นะครับ
เอกสารยืนยันว่าเป็นนักศึกษา ทรานสคริป(เผื่อไว้) เอกสารรับรองราชการพ่อแม่(เป็นครู) สมุดบัญชีเงินฝาก(ไม่ได้ใช้ครั้งนี้)
ซึ่งผมลองศึกษาหลายๆกระทู้นะครับที่เขาบอกว่าไม่อยากให้บอกว่ามีคนรู้จักอยู่ที่นั้นผมว่าไม่จริงนะ พี่ผมเรียน 7 ปี จากนั้นแต่งงานอยู่ที่นั้นต่อคือเป็นโรบินฮู๊ดว่างั้น และพี่ผมเคยโดนยึดพาสปอตประมาณ 5 ปี ได้ เป็นคนเถื่อนอยู่ 5 ปี เพราะตอนนั้นโฮสโดนข้อหาปลอมใบสั่งยาแพทย์ พี่ผมขับรถไปส่งซวยเลยโดนด้วย แต่ก็จ้างทนายสู้มาจนชนะได้ใช้เวลาหลายปี คือที่เล่ามานี้อยากให้หลายๆคนเห็นว่า ขนาดพี่จริงๆผมมีประวัติขนาดนี้ เขายังให้วีซ่าผมเลย จึงไม่อยากให้โกหกว่าไม่รู้จักใครอยากให้บอกตามตรง สรุปก็วันนี้ เดินไปยิ้มไปดีใจครับได้วีซ่า 10 ปี ตอนแรกคิดว่าน่าจะได้ 3 เดือนเหมือนครั้งที่แล้ว ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ ^^
เมื่อนักศึกษาขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา :3
แนะนำตัวนะครับ ผมเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชน ปี 3 ครับ
เมื่อวันที่ 13 กันยายน ผมได้นัดสถานทูตไว้ 10.30 น (เช้าวันนั้นซวยมากครับฝนตก) ผมออกบ้านมา 7.30 น ออกมารอรถแท็กซี่ในซอยลาดพร้าว 4x รอประมาณครึ่งชม. ไม่มีแท็กซี่เลย จึงตัดสินใจเดินออกจากซอยนั่งวินก็ไม่ได้ครับฝนตกเดี๋ยวเปียกแต่งตัวซะหล่อ ออกมารออยู่ที่ถนนลาดพร้าว คุณพระ!! ไม่มีแท็กซี่ว่างเลย เอาละๆทำไงรีบหยิบไอโฟนออกมาหาวิธีไปสถานทูตเขาบอกไป BTS เพลินจิต ผมเลยตัดสินใจจะไปโดยวิธีนี้ ผมเลยเดินครับ เดินไปMRT ลาดพร้าวT^T ประมาณ 3 ป้ายรถเมย์ (ขึ้นรถเมย์ไม่เป็นไม่รู้สายไหนผ่าน) เหงื่อชุ่มเลยทีเดียวรีบครับ 8.15 น.แล้ว จากนั้นไปต่อ BTS หมอชิต และไปลงเพลินจิต ถึงประมาณ 8.45 น. เอาไงละทีนี่ ดูป้ายบอก สถานทูตอเมริกาประตู 2 พอลงมาแล้วก้อเปิดไอโฟนครับ เขาบอกขึ้นรถเมย์ สายไรผมจำไม่ได้ครับ บางคนก็บอกเดินก้อได้ครับ แต่! ผมยังเหนื่อยอยู่(สามป้ายรถเมย์+วิ่งบนMRT-BTSอีก) เลยเรียกแท็กซี่ จาก BTS เพลินจิต-สถานทูต มิเตอร์ไม่ขึ้นเลยครับ 35 บาท สำหรับคนที่จะเดินไปนะครับลง BTS เพลินจิตประตู 2 พอลงบรรไดปุ๊ปเดินตรงไปและเลี้ยวซ้ายตามฟุตบาตมันจะเข้าถนนวิทยุเลยครับจากนั้นเดินตรงอย่างเดียวครับ พอผมถึงสถานทูตเวลา9.00 น. ก็โทรหาเอเจนซี่เพราะเอกสารผมอยู่ที่เขา โทรไปพี่แกบอกอยู่แถวรัชโยธินรถติดอ่ะน้อง!!! พอเอเจนซี่มาถึงผมก็เอาเอกสารเข้าไปสัมภาษณ์ พิมลายนิ้วมือเสร็จเขาบอกไปรอที่ช่อง 13 (เลขเด็ดอีกละ) ก่อนคิวผมประมาณ 3 คิว โดนปฏิเสธหมด เพราะผมเห็นได้พาสปอร์ตคืน คิดในใจซวยแหละๆ อิเจ๊นี่โหดชัว(หน้าออกจีน หรือฟิลิปินอ่ะครับ) พอผมคิวผม
ผม : สวัสดีครับ
เจ้าหน้าที่ : ไปอเมริกาไปทำไมคะ (คลาสสิคมาก)
ผม : visit my brother (อ่อนอังกฤษมากครับ)
เจ้าหน้าที่ : ไปกี่วันคะ
ผม : 2 week
เจ้าหน้าที่ : พี่คุณทำงานอะไร
ผม : work in supermarket(grammaไม่ไหว)
เจ้าหน้าที่ : พี่คุณมีวีซ่าถาวรไหม
ผม: มีครับ ยื่นเอกสารให้ไป
เจ้าหน้าที่ : ดูเอกสาร ทำหน้างง และก้อคืนมาในช่อง และถามอีกที พี่คุณมีวีซ่าถาวรไหม????
ผม: yes, about green card?
เจ้าหน้าที่ : um (ผมก็ยื่นอันเดิมละให้เขา) เขาก็ no no
ผม: This is my brother green card
เจ้าหน้าที่: ทำหน้างงอีก OH! I am sorry sorry ok (คือแกนึกว่ามันเป็นพาสปอร์ตพี่ผม)
เจ้าหน้าที่: พี่คุณได้วีซ่ามาอย่างไรคะ
ผม : married
เจ้าหน้าที่ : ถามกลับมาว่าพี่สะใภ้เป็นคนอเมริกันหรอ
ผม: no , she is thai people
เจ้าหน้าที่ : (ทำหน้างงอย่างแรง) และถามซ้ำอีกครั้งว่า พี่คุณได้วีซ่ามายังไง
ผม : (เอาละเหมือนจะแห้วแกทำหน้างงมาก) ผมบอกว่า married อีกที
เจ้าหน้าที่ : ทำหน้างง และถามว่า she has green card too?
ผม : yes yes she has green card (โอ๊ยกว่าจะรอด)
เจ้าหน้าที่ : คุณเคยได้วีซ่าแล้ว ครั้งที่แล้วทำไมคุณไม่ไป
ผม : I had a midterm exam
เจ้าหน้าที่ : ok have fun
ผม : ยิ้มมมมมมมมมม thank you
อ้าววว แล้วสเตตเม้นละ ทำไมเขาไม่ดู ไม่ถาม ไม่อะไรเลย ผมเป็นนักศึกษานะทำไมเขาไม่ดูละ สปอนเซอร์ก้อไม่ถาม ออกมาแบบงงๆ เขียนซองจดหมายถึงตัวเอง และวันนี้มาเปิดดูวีซ่า ผมได้วีซ่าท่องเที่ยว 10 ปี เฉย ได้มาได้ไง งง เป็นนักศึกษา
(ผมขอเล่าย้อนกลับไปนิดหนึ่งนะครับ ปลายปีที่แล้ว ผมได้ขอวีซ่าไปงานรับปริญญาพี่ ซึ่งพ่อกับแม่ขอที่เชียงใหม่ ผมทะเบียนบ้านอยู่กรุงเทพจึงมาขอที่กรุงเทพคนเดียว ตอนสัมภาษณ์ครั้งนั้นมีเอกสารจากมหาลัยของพี่เขียนมาเชิญ เอกสารรับรองเป็นนักศึกษาและสมุดเงินฝากแม่ เงิน 3xx,xxxx บอกว่าไปกับพ่อแม่เขาก้อให้วีซ่ามา 3 เดือน ซึ่งพอถึงเวลาผมไม่ได้ไปเพราะติดสอบกลางภาค และวีซ่าก็หมดอายุ)
ครั้งนี้เอกสารที่ผมใช้ในการสัมภาษณ์นะครับ
เอกสารยืนยันว่าเป็นนักศึกษา ทรานสคริป(เผื่อไว้) เอกสารรับรองราชการพ่อแม่(เป็นครู) สมุดบัญชีเงินฝาก(ไม่ได้ใช้ครั้งนี้)
ซึ่งผมลองศึกษาหลายๆกระทู้นะครับที่เขาบอกว่าไม่อยากให้บอกว่ามีคนรู้จักอยู่ที่นั้นผมว่าไม่จริงนะ พี่ผมเรียน 7 ปี จากนั้นแต่งงานอยู่ที่นั้นต่อคือเป็นโรบินฮู๊ดว่างั้น และพี่ผมเคยโดนยึดพาสปอตประมาณ 5 ปี ได้ เป็นคนเถื่อนอยู่ 5 ปี เพราะตอนนั้นโฮสโดนข้อหาปลอมใบสั่งยาแพทย์ พี่ผมขับรถไปส่งซวยเลยโดนด้วย แต่ก็จ้างทนายสู้มาจนชนะได้ใช้เวลาหลายปี คือที่เล่ามานี้อยากให้หลายๆคนเห็นว่า ขนาดพี่จริงๆผมมีประวัติขนาดนี้ เขายังให้วีซ่าผมเลย จึงไม่อยากให้โกหกว่าไม่รู้จักใครอยากให้บอกตามตรง สรุปก็วันนี้ เดินไปยิ้มไปดีใจครับได้วีซ่า 10 ปี ตอนแรกคิดว่าน่าจะได้ 3 เดือนเหมือนครั้งที่แล้ว ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ ^^