รอยยิ้มของคนไม่สิ้นหวัง

กระทู้สนทนา
วันนี้ฉันได้พบกับป้านา (ซึ่งฉันพึ่งรู้จักชื่อป้าเขาวันนี้เหมือนกัน) ทั้งๆที่ฉันเป็นลูกค้าป้าแกมาตั้งแต่ฉันนุ่งกระโปรงเอวสูงถือกระเป๋าจาคอป ใส่รองเท้าป็อปทีน ผูกผมสูงปรี๊ดดดด และติดกิ๊บจากร้านของป้า

ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานเท่าไร  ฉันก็ยังซื้อของจากป้านาด้วยความไม่อยากได้ แต่ตั้งใจที่จะหยุดซื้อด้วยความรู้สึกแค่อยากซื้อ จริงๆแล้วของแกจะน่ารักถูกใจฉันแค่ส่วนนึง แต่ทุกครั้งที่ฉันเดินผ่านฉันจะต้องแวะคุยกับป้านาและซื้อสินค้าจากป้านา 1 ชิ้นก้อสบายใจแล้ว

ขอกล่าวถึงสถานที่ขายของป้านาซักนิด ก่อนเข้าเรื่อง เนื่องจาก บางรัก ถือเป็นย่านเศรษฐกิจ พื้นที่นี่ราคาสูงทุกตารางเมตร

อดีต  ร้านของป้านาจะอยู่ฝั่งตรงข้ามซอย รร.แชงการีร่า เยื้องๆแถบเดิมที่ขายอยู่ ณ ปัจจุบัน เป็นพื้นที่ที่พักกระไดของธนาคารแห่งหนึ่ง มีอาณาเขตกว้างพอให้ป้านาปูผ้าวางโชว์ของได้อย่างหนาตา แต่เป็นที่ๆไม่ค่อยมีคนผ่าน ไม่มีร้านค้าอื่นๆเปิดในเวลาที่ป้านามาขาย และถือว่าเป็นมุมอับสายตาค่อยข้างมากเลยทีเดียว และที่สำคัญไม่มีไฟสว่างพอในตอนกลางคืน
ครั้งแรกที่ฉันไปเจอป้านา ด้วยความสงสัยจึงถามว่า "มานั่งขายตรงนี้จะมีคนมาซื้อหรอค่ะ" ป้านายิ้ม แล้วตอบฉันว่า "ก็หนูนี่ไงค่ะลูกค้าป้า" ป้านามองว่า สถานที่ตรงนี้ไม่เกะกะใคร ไม่มีคนมาไล่ที่  พอดีคนผ่านไปผ่านมาบ้าง ยังพอขายได้ โดยไม่เดือดร้อนใคร เพราะอย่าลืมว่าแถวนี้คนจอแจ และไม่ค่อยมีพื้นที่ฟรีๆซะด้วยซินะ !

ปัจจุบัน ร้านของป้านาย้ายมาอยู่หน้าร้านขายเพชร ที่ช่วงกลางคืนร้านจะปิด มีกระไดขั้นเล็กๆอยู่ 2 ขั้น สถานที่นี้ถือเป็นทางผ่าน ใกล้ 7-11 และมีร้านค้าเปิดตามทางตลอดทางเดิน แสงสว่างเพียงพอที่จะทำให้ป้านาโดดเด่นขึ้นมามากเลยทีเดียว เพียงแแต่ว่า ป้านาไม่สามารถวางสินค้าได้มากนัก 2 แถวเล็กๆของกระได ก้อพอวางของได้ อย่างละแบบ ถ้ามีคนสนใจ ป้านาจะเอาของที่ใส่อยู่ในถุงมาให้เลือกเพิ่มเติม ถือว่าเป็นทำเลทองเลยทีเดียว (ถ้าเทียบกับที่เดิมที่ป้านาเคยขายอยู่)

ปัจจุบันฉันย้ายที่อยู่แล้ว แต่ทุกครั้งที่กลับมาที่นี่ ฉันต้องมาเดินดูว่าป้านาขายหรือไม่ และทุกครั้งมักจะเจอเสมอ เหมือนในครั้งนี้

ณ วันนี้เหมือนได้คุยกับป้านานกว่าทุกที (เพราะตั้งแต่ฟ้ายังสว่าง เริ่มโพ้เพ้ สุดท้ายก็เริ่มมืดล่ะ) เลยได้รู้เรื่องน่าสะเทือนใจที่ไม่รู้ว่าถ้าเป็นฉัน จะยังยิ้มได้แบบนี้หรือไม่ แต่ป้านาเล่าได้แบบสดใส เพราะไม่ทำให้ฉันที่ฟังอยู่ต้องรู้สึกหดหู่ ป้านาจะมีคำติดปากเสมอๆว่า "ไม่เป็นไร" คำนี้มักมีรอยยิ้มติดมาเสมอ

ป่นาบอกกับฉันว่า ป้าพึ่งกลับมาขายของวันนี้เอง เราก็เลยถามด้วยความเป็นห่วง เพราะก็ดูเหมือนป้าจะโทรมๆไป เลยถามว่า "ไม่สบายหรอค่ะ" ป้าบอกว่า "ป้าไม่เป็นไร พอดีเมื่อสองอาทิตย์ก่อนที่บ้านไฟไหม้" เราตกใจเลยถ้าถึงเหตุการณ์ ป้าบอกว่า "ไหม้แบบไม่เหลืออะไรเลย" เพราะป้าออกไปซื้อของไม่มีคนอยู่ที่บ้าน   ป้านาเล่าให้ฟังหลายเรื่อง แต่ละเรื่องฉันมองเห็นความสุขเล็กๆซ่อนอยู่ในทุกเรื่องราว อย่างเช่น ป้านาบอกว่าเสียดายเสื้อผ้าสวยๆที่มีคนให้มา น้ำเสียงของป้านาที่พูดถึงเสื้อผ้าเหล่านั้น ทำให้ฉันปลื้มใจแทนเจ้าของเก่ามากๆเลย

จากที่ฉันนั่งฟังมาความรู้สึกที่ฉันรับรู้ ฉันว่าป้าแกเข้มแข็งและโมงโลกในแง่ดีมากๆ เป็นฉันถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ ไม่รู้จะยืนขึ้นไหว และเร็วแบบนี้หรือไม่ ตอนนี้ป้าแกอายุ 70 แล้ว แต่ป้านายังออกมาขายของเหมือนเดิม เพียงแต่ลดวันมาขายน้อยลง (จะได้อยู่บ้านเผื่อถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ป้าจะได้เตรียมตัวบ้าง) ของที่ขายดูบางตามากๆ ที่เห็นอยู่ประมาณไม่ถึง 20 ชิ้น เหตุเพราะเริ่มหิ้วไม่ไหวแล้ว
แต่ดูเหมือนป้านาเป็นคนใส่ใจความรู้สึกของคนมากๆ  เพราะที่ป้ายังมานั่งขายอยู่นี้ ใจหนึ่งก็เฝ้ารอว่าคนที่เพียงเอ่ยปากว่าอยากได้แบบนั้นแบบนี้ ถ้ามีจะกลับมาซื้อ ทั้งๆที่ป้านาก็ไม่รู้หรอกว่าจะกลับซื้อหรือไม่ แต่ทุกครั้งที่ป้าไปซื้อของเพิ่ม ป้าจะมีของชิ้นนั้นกลับมารอคอยคนที่ถามหา
ฉันรู้สึกประทับใจนะ ถ้าฉันเป็นคนนั้นที่วนกลับมาเจอของที่ฉันอยากได้

ว่าแล้วทำไมฉันถึงชอบซื้อของจากป้า ^__^

บางครั้งเราก็มัวแต่มองความสุขของคนอื่น จนกลายมาเป็นเรื่องทุกข์ของตัวเอง

ครั้งนี้ทำให้ฉันได้รู้ว่า สุขอยู่ที่เรา อยู่ที่ความคิดของเราจริงๆ

ขอบคุณเรื่องราวของป้านาในวันนี้ ที่ทำให้ฉันรู้ว่า จริงๆแล้วฉันเป็นคนคิดลบมากๆคนหนึ่ง ที่พยายามคิดให้โลกสวย ถึงจะอยู่อย่างมีความสุข มันเหนื่อยนะที่จะเปลี่ยนโลก แค่หันมาเปลี่ยนความคิดของตัวเองจะเห็นว่าจริงๆความสุขอยู่รอบๆตัวเราเสมอ

เพื่อนๆอย่าลืมยิ้มแบบป้านานะค่ะ    ยิ้มเยอะๆจะทำให้เราชนะกับทุกอย่าง ยิ้มๆๆ ^__^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่