เกร็ดสามกํก
ขุนพลเมืองใต้
ตอนที่ ๕ ผู้พิชิตขุนพล
เล่าเซี่ยงชุน
เมื่อโจโฉหรือพระเจ้าวุยอ๋องได้แจ้งว่าซุนกวนตีเมืองเกงจิ๋วได้แล้ว ก็ระดมกองทัพทั้งนอกเมืองและในเมืองอ้วนเซีย โจมตีกองทัพของกวนอูที่ล้อมอยู่จนแตกพ่าย และยกกลับมาเมืองเกงจิ๋ว ก็รู้ว่าลิบองได้ยึดไว้เรียบร้อยแล้ว กวนอูจึงมีหนังสือไปต่อว่าลิบองว่าเคยเป็นไมตรีกันมาก่อน เหตุใดจึงทำดังนี้
ลิบองก็ตอบไปว่าตนเองนั้นรักใคร่นับถือกวนอูอยู่ แต่ตนต้องทำตามคำสั่งของผู้ที่อยู่เหนือกว่า และแจ้งว่าครอบครัวของกวนอู และครอบครัวของทหารเมืองเกงจิ๋ว อยู่เป็นสุขสบายดีหาอันตรายมิได้ เมื่อคนถือหนังสือกลับไปแล้ว ก็มีทหารของกวนอูซึ่งเป็นชาวเมืองเกงจิ๋วหนีทัพมาเข้ากับลิบองเป็นอันมาก
ส่วนกวนอูนั้นแม้จะเหลือทหารน้อย ก็ยังพยายามจะเข้าตีเอาเมือง เกงจิ๋วคืน แต่ทหารก็ไม่เต็มใจจะรบ เจียวขิมก็เข้ารบกับกวนอูได้ไม่ทันถึงสามเพลงก็ชักม้าหนี กวนอูไล่ตามไปประมาณสองร้อยเส้นก็เจอฮันต๋งกับจิวท่าย เข้ามาช่วยเจียวขิม กวนอูก็ต้องถอยกลับพอถึงเชิงเขาก็มีธงขาวปักอยู่มีอักษรว่าชาวเมืองเกงจิ๋ว และมีเสียงร้องตะโกนว่า แม้ใครเป็นชาวเมืองเกงจิ๋วให้เร่งขึ้นมาสมัครอยู่ด้วยกัน ทหารของกวนอูก็ระส่ำระสาย ชีเซ่งกับเตงฮองก็พาทหารออกมาดักไว้อีก กวนอูต้องรบกับฝ่าย กังตั๋งถึงห้าต่อหนึ่ง
จนถึงเวลาค่ำทหารส่วนใหญ่ก็หนีมาเข้ากับทหารเมืองกังตั๋ง กวนอูเหลือทหารอยู่เพียงสามร้อยคน รบอยู่จนถึงเที่ยงคืนกวนเป๋งลูกเลี้ยงของกวนอู จึงมาช่วยแก้ไขพากวนอูไปอยู่ที่เมืองเป๊กเสียซึ่งเป็นเมืองเล็กนิดเดียว กวนอูตั้งรับอยู่ในเมืองหลายวัน ทหารที่เหลือก็ล้วนแต่เจ็บป่วยกันเป็นส่วนมาก เสบียงอาหารก็ขาดแคลน ซุนกวนจึงส่งจูกัดกิ๋น น้องชายของขงเบ้งที่เป็นขุนนางอยู่เมืองกังตั๋ง มาเกลี้ยกล่อมให้ยอมแพ้ กวนอูก็ยังยืนยันมั่นคงที่สู้รบจนกว่าจะสิ้นชีวิต
ขณะเมื่อกวนอูตั้งรับที่เมืองเป๊กเสียนั้น ไม่มีกำลังจากเมืองอื่นมาช่วยเหลือ ซุนกวนก็รวบรวมกำลังเข้าตีอย่างหนัก เพื่อให้กวนอูหนีออกจากเมือง แล้วให้จูเหียนคุมทหารคอยดักตีซ้ำเติม แต่ไม่ต้องให้แตกหักเพราะกวนอูมีกำลังมาก จนถึงเขาเจาสันก็ให้พัวเจี้ยงคุมทหารเข้าตีอีก และหาอุบายจับกวนอูให้ได้เพราะคงจะอ่อนกำลังลงแล้ว
เมื่อซุนกวนยกทหารเข้าตีเมืองนั้น ก็ให้ทหารเรียกชื่อทหารที่เป็นพี่น้องแลมิตรสหายชาวเกงจิ๋วด้วยกันให้ออกมาจากเมือง ก็มีทหารหนีออกมาเป็นจำนวนมาก ทหารที่ประจำเชิงเทินก็ลดน้อยลง กวนอูเห็นว่าจะรักษาเมืองไว้มิได้ จึงให้จิวฉองทหารคนสนิท กับฮองฮูทหารเอกและไพร่พลเพียงร้อยเศษอยู่รักษาเมือง ส่วนตนเองกับกวนเป๋ง เตียวลุย พาทหารประมาณสองร้อยตีฝ่าวงล้อมออกไปทางทิศเหนือ มุ่งไปสู่เมืองเสฉวน
เมื่อเจอกองทหารของจูเหียนก็ตีแหวกผ่านไปได้ประมาณห้าสิบเส้น ก็เจอกับกองทหารของพัวเจี้ยงรุมล้อมเข้ามาอีก กวนอูต้องรบกับจูเหียนที่ผ่านมาก็เหน็ดเหนื่อยแทบจะสิ้นกำลังแล้ว และเตียวลุยก็เสียชีวิตในระหว่างที่รบชุลมุนนั้น กวนอูจึงให้กวนเป๋งระวังหลัง แล้วตนเองพาทหารที่เหลือตายประมาณสิบห้าคน หนีไปทางซอกเขาเจสัน ม้าที่ขี่ติดแร้วที่พัวเจี้ยงวางดักไว้ ก็ตกใจโผนไปเต็มแรงจนตกลงไปในหลุม ตัวกวนอูก็กระแทกกับศิลาก้นหลุม แล้วยังถูกม้าทับลงไปอีก อาวุธก็พลัดหลุดจากมือ ทหารของพัวเจี้ยงก็เอาก้อนศิลาใหญ่ ๆ ทุ่มทิ้งลงไปจนกวนอูลุกไม่ขึ้น ต้องถูกจับมัดมือไพล่หลัง กวนเป๋งจะเข้ามาช่วยบิดาจึงถูกจับมัดไปด้วยกัน
จูเหียนกับพัวเจี้ยงก็คุมตัวสองพ่อลูกมาให้ซุนกวนที่ค่ายใหญ่ ซุนกวนก็พยายามจะเกลี้ยกล่อมให้กวนอูยอมแพ้เป็นครั้งสุดท้าย แต่กวนอูยืนยันที่จะยอมตาย ซุนกวนจึงสั่งให้ประหารชีวิตเสียทั้งสองพ่อลูก แล้วตัดศีรษะไปชูให้ทหารที่รักษาเชิงเทินเมืองเป๊กเสียดู ฮองอูก็เสียใจโดดกำแพงเมืองลงไปตาย ส่วนจิวฉองเอากระบี่เชือดคอตาย ซุนกวนก็ยึดเมืองเป๊กสียได้สำเร็จ
เมื่อได้ชัยชนะแล้วซุนกวนก็ให้รางวัลแก่ทหาร ซึ่งมีความชอบตามสมควร และจัดงานเลี้ยงขึ้น ขณะที่กำลังกินเลี้ยงกันอยู่ ซุนกวนก็สรรเสริญลิบองว่า เดิมคิดว่าจะได้เมืองเกงจิ๋วโดยยาก แต่อาศัยความคิดของลิบองกลับได้ง่ายดายไม่ทันจะพลิกฝ่ามือ ลิบองก็ลุกขึ้นคำนับขอบคุณ แล้วว่าเพราะบุญของซุนกวนจึงได้เมืองเกงจิ๋วโดยง่าย ซุนกวนก็ย้ำว่าจิวยี่ทำสงครามชนะโจโฉที่ตำบลเซ็กเพ็ก ก็ไม่ได้เมืองเกงจิ๋ว และแพ้ความคิดขงเบ้งจนต้องตายไป ต่อมาโลซกก็ยอมให้เล่าปี่ขอยืมเมืองเกงจิ๋วไว้ก่อน จึงไม่ได้คืน บัดนี้อาศัยความคิดลิบองจึงได้เมืองเกงจิ๋วโดยง่าย ความคิดของลิบองจึงเหนือกว่าจิวยี่และโลซก ว่าแล้วซุนกวนก็รินสุราใส่จอก ยื่นสองมือคำนับลิบอง
แต่ลิบองรับแล้วกลับทิ้งจอกลงบนพื้น แล้วชี้หน้าซุนกวนตวาดว่า
“ อ้ายเด็กน้อยตาแดง รู้จักกูหรือไม่ “
แล้วลิบองก็ขึ้นไปผลักซุนกวนลงจากที่นั่งและขึ้นนั่งแทน เหลือกตากลอกไปมา พร้อมกับตวาดว่า
“ เมื่อโจรโพกผ้าเหลืองไล่ย่ำยีราษฎรได้ความเดือดร้อน กูพี่น้องสามคนไล่ปราบปรามโจร จึงราบคาบมาประมาณสามสิบปีแล้ว บัดนี้กูแพ้ในกลศึกของ กูถึงแก่ความตาย กูเป็นคนไม่ได้กินเนื้อ กูตายแล้วจะหักคอไปให้จงได้ ไม่รู้จักกูหรือ กูชื่อว่ากวนอู “
ทุกคนในที่นั้นจึงรู้ว่าอสุรกายกวนอูเข้าสิงร่างลิบอง ซุนกวนนั้นตกใจก้มลงกราบอยู่ กับพื้น เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นลิบองคอพับลงมีโลหิตไหลออกทางปากจมูก และถึงแก่ความตายแล้ว ซุนกวนและขุนนางทั้งปวงก็ตกใจ จึงเอาศพลิบองไปฝังไว้ตามธรรมเนียม
ต่อมาอีกสามปีชาวเมืองเสฉวนยกเล่าปี่ขึ้นเป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นจ๊กก๊ก พระเจ้าเล่าปี่ก็ยกกองทัพใหญ่มาตีเมืองกังตั๋งแก้แค้นแทนกวนอู ซุนกวนพยายามต่อสู้แต่ก็พ่ายแพ้ไปโดยลำดับ
ครั้งหนึ่งพัวเจี้ยงเป็นแม่ทัพบก สามารถล่อฮองตงทหารเอกผู้ชราของพระเจ้าเล่าปี่ให้ทหารล้อมยิงด้วยเกาทัณฑ์ถึงแก่ความตาย แต่ฮันต๋งกับจิวท่ายเป็นปลัดทัพ ก็แตกหนี กวนหินบุตรของกวนอู และเตียวเปาบุตรของ เตียวหุย ไปคนละทาง
กำเหลงซึ่งเป็นแม่ทัพเรือก็ถูกตีแตกต้องขึ้นม้าหนีไปทางบก จนถูกทหารข้าศึกยิงด้วยเกาทัณฑ์ ถึงแก่ความตายที่ตำบลอูตี๋
ส่วนพัวเจี้ยงนั้นหนีไปจนค่ำ ก็จะเข้าไปอาศัยบ้านหลังหนึ่ง บังเอิญเป็นบ้านที่กวนหินหลงป่าเข้าไปอาศัยอยู่ก่อนแล้ว กวนหินจึงชักกระบี่วิ่งออกไปจะฟันพัวเจี้ยง พอเห็นหน้ากวนหิน พัวเจี้ยงก็กลับตัวจะวิ่งหนี กลับเห็นอสุรกายกวนอูขวางอยู่ หลบไม่ทันล้มลง กวนหินก็ฟันพัวเจี้ยงตาย แล้วก็ยึดง้าวของบิดาที่พัวเจี้ยงถือคืนไปได้
สุดท้ายซุนกวนก็เรียกลกซุนจากเมืองเกงจิ๋ว มาตั้งให้เป็นแม่ทัพของเมืองกังตั๋ง เข้าสู้รบกับพระเจ้าเล่าปี่จนแตกพ่ายทั้งทัพบกทัพเรือ เช่นเดียวกับที่โจโฉเคยแพ้จิวยี่มาแล้ว แต่ขณะที่ลกซุนคุมทหารไล่ตามพระเจ้าเล่าปี่ไปนั้น จูล่งทหารเสือของพระเจ้าเล่าปี่รู้ข่าวก็ยกทหารมาช่วย และฆ่า จูเหียนตายไปอีกคนหนึ่ง แล้วพาพระเจ้าเล่าปี่ไปอยู่ที่เมืองเป๊กเต้ จนสิ้นพระชนม์ด้วยความตรอมใจในปีนั้นเอง
เมื่อพระเจ้าเล่าปี่สิ้นพระชนม์แล้ว พระเจ้าเล่าเสี้ยนได้เป็นฮ่องเต้ของแคว้นจ๊กก๊กสืบต่อไป ก็มีสัมพันธไมตรีกับเมืองกังตั๋ง เลิกผูกอาฆาตแก้แค้นกันลงไปได้ จนกระทั่งซุนกวนตั้งตนเป็นฮ่องเต้ของแคว้นกังตั๋ง ตั้งแต่ พ.ศ.๗๗๒ ไปจนสิ้นพระชนม์ใน พ.ศ.๗๙๕ สงครามระหว่างสองก๊กนี้จึงสงบลงโดยสิ้นเชิง
เรื่องราวเกี่ยวกับขุนพลของฝ่ายใต้ แห่งแคว้นกังตั๋ง จึงยุติลงแต่เพียงนี้.
###########
วางเมื่อ ๑๙ ก.ย.๕๖ เวลา ๐๙.๕๓
เกร็ดสามก๊ก ๑๙ ก.ย.๕๖
ขุนพลเมืองใต้
ตอนที่ ๕ ผู้พิชิตขุนพล
เล่าเซี่ยงชุน
เมื่อโจโฉหรือพระเจ้าวุยอ๋องได้แจ้งว่าซุนกวนตีเมืองเกงจิ๋วได้แล้ว ก็ระดมกองทัพทั้งนอกเมืองและในเมืองอ้วนเซีย โจมตีกองทัพของกวนอูที่ล้อมอยู่จนแตกพ่าย และยกกลับมาเมืองเกงจิ๋ว ก็รู้ว่าลิบองได้ยึดไว้เรียบร้อยแล้ว กวนอูจึงมีหนังสือไปต่อว่าลิบองว่าเคยเป็นไมตรีกันมาก่อน เหตุใดจึงทำดังนี้
ลิบองก็ตอบไปว่าตนเองนั้นรักใคร่นับถือกวนอูอยู่ แต่ตนต้องทำตามคำสั่งของผู้ที่อยู่เหนือกว่า และแจ้งว่าครอบครัวของกวนอู และครอบครัวของทหารเมืองเกงจิ๋ว อยู่เป็นสุขสบายดีหาอันตรายมิได้ เมื่อคนถือหนังสือกลับไปแล้ว ก็มีทหารของกวนอูซึ่งเป็นชาวเมืองเกงจิ๋วหนีทัพมาเข้ากับลิบองเป็นอันมาก
ส่วนกวนอูนั้นแม้จะเหลือทหารน้อย ก็ยังพยายามจะเข้าตีเอาเมือง เกงจิ๋วคืน แต่ทหารก็ไม่เต็มใจจะรบ เจียวขิมก็เข้ารบกับกวนอูได้ไม่ทันถึงสามเพลงก็ชักม้าหนี กวนอูไล่ตามไปประมาณสองร้อยเส้นก็เจอฮันต๋งกับจิวท่าย เข้ามาช่วยเจียวขิม กวนอูก็ต้องถอยกลับพอถึงเชิงเขาก็มีธงขาวปักอยู่มีอักษรว่าชาวเมืองเกงจิ๋ว และมีเสียงร้องตะโกนว่า แม้ใครเป็นชาวเมืองเกงจิ๋วให้เร่งขึ้นมาสมัครอยู่ด้วยกัน ทหารของกวนอูก็ระส่ำระสาย ชีเซ่งกับเตงฮองก็พาทหารออกมาดักไว้อีก กวนอูต้องรบกับฝ่าย กังตั๋งถึงห้าต่อหนึ่ง
จนถึงเวลาค่ำทหารส่วนใหญ่ก็หนีมาเข้ากับทหารเมืองกังตั๋ง กวนอูเหลือทหารอยู่เพียงสามร้อยคน รบอยู่จนถึงเที่ยงคืนกวนเป๋งลูกเลี้ยงของกวนอู จึงมาช่วยแก้ไขพากวนอูไปอยู่ที่เมืองเป๊กเสียซึ่งเป็นเมืองเล็กนิดเดียว กวนอูตั้งรับอยู่ในเมืองหลายวัน ทหารที่เหลือก็ล้วนแต่เจ็บป่วยกันเป็นส่วนมาก เสบียงอาหารก็ขาดแคลน ซุนกวนจึงส่งจูกัดกิ๋น น้องชายของขงเบ้งที่เป็นขุนนางอยู่เมืองกังตั๋ง มาเกลี้ยกล่อมให้ยอมแพ้ กวนอูก็ยังยืนยันมั่นคงที่สู้รบจนกว่าจะสิ้นชีวิต
ขณะเมื่อกวนอูตั้งรับที่เมืองเป๊กเสียนั้น ไม่มีกำลังจากเมืองอื่นมาช่วยเหลือ ซุนกวนก็รวบรวมกำลังเข้าตีอย่างหนัก เพื่อให้กวนอูหนีออกจากเมือง แล้วให้จูเหียนคุมทหารคอยดักตีซ้ำเติม แต่ไม่ต้องให้แตกหักเพราะกวนอูมีกำลังมาก จนถึงเขาเจาสันก็ให้พัวเจี้ยงคุมทหารเข้าตีอีก และหาอุบายจับกวนอูให้ได้เพราะคงจะอ่อนกำลังลงแล้ว
เมื่อซุนกวนยกทหารเข้าตีเมืองนั้น ก็ให้ทหารเรียกชื่อทหารที่เป็นพี่น้องแลมิตรสหายชาวเกงจิ๋วด้วยกันให้ออกมาจากเมือง ก็มีทหารหนีออกมาเป็นจำนวนมาก ทหารที่ประจำเชิงเทินก็ลดน้อยลง กวนอูเห็นว่าจะรักษาเมืองไว้มิได้ จึงให้จิวฉองทหารคนสนิท กับฮองฮูทหารเอกและไพร่พลเพียงร้อยเศษอยู่รักษาเมือง ส่วนตนเองกับกวนเป๋ง เตียวลุย พาทหารประมาณสองร้อยตีฝ่าวงล้อมออกไปทางทิศเหนือ มุ่งไปสู่เมืองเสฉวน
เมื่อเจอกองทหารของจูเหียนก็ตีแหวกผ่านไปได้ประมาณห้าสิบเส้น ก็เจอกับกองทหารของพัวเจี้ยงรุมล้อมเข้ามาอีก กวนอูต้องรบกับจูเหียนที่ผ่านมาก็เหน็ดเหนื่อยแทบจะสิ้นกำลังแล้ว และเตียวลุยก็เสียชีวิตในระหว่างที่รบชุลมุนนั้น กวนอูจึงให้กวนเป๋งระวังหลัง แล้วตนเองพาทหารที่เหลือตายประมาณสิบห้าคน หนีไปทางซอกเขาเจสัน ม้าที่ขี่ติดแร้วที่พัวเจี้ยงวางดักไว้ ก็ตกใจโผนไปเต็มแรงจนตกลงไปในหลุม ตัวกวนอูก็กระแทกกับศิลาก้นหลุม แล้วยังถูกม้าทับลงไปอีก อาวุธก็พลัดหลุดจากมือ ทหารของพัวเจี้ยงก็เอาก้อนศิลาใหญ่ ๆ ทุ่มทิ้งลงไปจนกวนอูลุกไม่ขึ้น ต้องถูกจับมัดมือไพล่หลัง กวนเป๋งจะเข้ามาช่วยบิดาจึงถูกจับมัดไปด้วยกัน
จูเหียนกับพัวเจี้ยงก็คุมตัวสองพ่อลูกมาให้ซุนกวนที่ค่ายใหญ่ ซุนกวนก็พยายามจะเกลี้ยกล่อมให้กวนอูยอมแพ้เป็นครั้งสุดท้าย แต่กวนอูยืนยันที่จะยอมตาย ซุนกวนจึงสั่งให้ประหารชีวิตเสียทั้งสองพ่อลูก แล้วตัดศีรษะไปชูให้ทหารที่รักษาเชิงเทินเมืองเป๊กเสียดู ฮองอูก็เสียใจโดดกำแพงเมืองลงไปตาย ส่วนจิวฉองเอากระบี่เชือดคอตาย ซุนกวนก็ยึดเมืองเป๊กสียได้สำเร็จ
เมื่อได้ชัยชนะแล้วซุนกวนก็ให้รางวัลแก่ทหาร ซึ่งมีความชอบตามสมควร และจัดงานเลี้ยงขึ้น ขณะที่กำลังกินเลี้ยงกันอยู่ ซุนกวนก็สรรเสริญลิบองว่า เดิมคิดว่าจะได้เมืองเกงจิ๋วโดยยาก แต่อาศัยความคิดของลิบองกลับได้ง่ายดายไม่ทันจะพลิกฝ่ามือ ลิบองก็ลุกขึ้นคำนับขอบคุณ แล้วว่าเพราะบุญของซุนกวนจึงได้เมืองเกงจิ๋วโดยง่าย ซุนกวนก็ย้ำว่าจิวยี่ทำสงครามชนะโจโฉที่ตำบลเซ็กเพ็ก ก็ไม่ได้เมืองเกงจิ๋ว และแพ้ความคิดขงเบ้งจนต้องตายไป ต่อมาโลซกก็ยอมให้เล่าปี่ขอยืมเมืองเกงจิ๋วไว้ก่อน จึงไม่ได้คืน บัดนี้อาศัยความคิดลิบองจึงได้เมืองเกงจิ๋วโดยง่าย ความคิดของลิบองจึงเหนือกว่าจิวยี่และโลซก ว่าแล้วซุนกวนก็รินสุราใส่จอก ยื่นสองมือคำนับลิบอง
แต่ลิบองรับแล้วกลับทิ้งจอกลงบนพื้น แล้วชี้หน้าซุนกวนตวาดว่า
“ อ้ายเด็กน้อยตาแดง รู้จักกูหรือไม่ “
แล้วลิบองก็ขึ้นไปผลักซุนกวนลงจากที่นั่งและขึ้นนั่งแทน เหลือกตากลอกไปมา พร้อมกับตวาดว่า
“ เมื่อโจรโพกผ้าเหลืองไล่ย่ำยีราษฎรได้ความเดือดร้อน กูพี่น้องสามคนไล่ปราบปรามโจร จึงราบคาบมาประมาณสามสิบปีแล้ว บัดนี้กูแพ้ในกลศึกของ กูถึงแก่ความตาย กูเป็นคนไม่ได้กินเนื้อ กูตายแล้วจะหักคอไปให้จงได้ ไม่รู้จักกูหรือ กูชื่อว่ากวนอู “
ทุกคนในที่นั้นจึงรู้ว่าอสุรกายกวนอูเข้าสิงร่างลิบอง ซุนกวนนั้นตกใจก้มลงกราบอยู่ กับพื้น เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นลิบองคอพับลงมีโลหิตไหลออกทางปากจมูก และถึงแก่ความตายแล้ว ซุนกวนและขุนนางทั้งปวงก็ตกใจ จึงเอาศพลิบองไปฝังไว้ตามธรรมเนียม
ต่อมาอีกสามปีชาวเมืองเสฉวนยกเล่าปี่ขึ้นเป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นจ๊กก๊ก พระเจ้าเล่าปี่ก็ยกกองทัพใหญ่มาตีเมืองกังตั๋งแก้แค้นแทนกวนอู ซุนกวนพยายามต่อสู้แต่ก็พ่ายแพ้ไปโดยลำดับ
ครั้งหนึ่งพัวเจี้ยงเป็นแม่ทัพบก สามารถล่อฮองตงทหารเอกผู้ชราของพระเจ้าเล่าปี่ให้ทหารล้อมยิงด้วยเกาทัณฑ์ถึงแก่ความตาย แต่ฮันต๋งกับจิวท่ายเป็นปลัดทัพ ก็แตกหนี กวนหินบุตรของกวนอู และเตียวเปาบุตรของ เตียวหุย ไปคนละทาง
กำเหลงซึ่งเป็นแม่ทัพเรือก็ถูกตีแตกต้องขึ้นม้าหนีไปทางบก จนถูกทหารข้าศึกยิงด้วยเกาทัณฑ์ ถึงแก่ความตายที่ตำบลอูตี๋
ส่วนพัวเจี้ยงนั้นหนีไปจนค่ำ ก็จะเข้าไปอาศัยบ้านหลังหนึ่ง บังเอิญเป็นบ้านที่กวนหินหลงป่าเข้าไปอาศัยอยู่ก่อนแล้ว กวนหินจึงชักกระบี่วิ่งออกไปจะฟันพัวเจี้ยง พอเห็นหน้ากวนหิน พัวเจี้ยงก็กลับตัวจะวิ่งหนี กลับเห็นอสุรกายกวนอูขวางอยู่ หลบไม่ทันล้มลง กวนหินก็ฟันพัวเจี้ยงตาย แล้วก็ยึดง้าวของบิดาที่พัวเจี้ยงถือคืนไปได้
สุดท้ายซุนกวนก็เรียกลกซุนจากเมืองเกงจิ๋ว มาตั้งให้เป็นแม่ทัพของเมืองกังตั๋ง เข้าสู้รบกับพระเจ้าเล่าปี่จนแตกพ่ายทั้งทัพบกทัพเรือ เช่นเดียวกับที่โจโฉเคยแพ้จิวยี่มาแล้ว แต่ขณะที่ลกซุนคุมทหารไล่ตามพระเจ้าเล่าปี่ไปนั้น จูล่งทหารเสือของพระเจ้าเล่าปี่รู้ข่าวก็ยกทหารมาช่วย และฆ่า จูเหียนตายไปอีกคนหนึ่ง แล้วพาพระเจ้าเล่าปี่ไปอยู่ที่เมืองเป๊กเต้ จนสิ้นพระชนม์ด้วยความตรอมใจในปีนั้นเอง
เมื่อพระเจ้าเล่าปี่สิ้นพระชนม์แล้ว พระเจ้าเล่าเสี้ยนได้เป็นฮ่องเต้ของแคว้นจ๊กก๊กสืบต่อไป ก็มีสัมพันธไมตรีกับเมืองกังตั๋ง เลิกผูกอาฆาตแก้แค้นกันลงไปได้ จนกระทั่งซุนกวนตั้งตนเป็นฮ่องเต้ของแคว้นกังตั๋ง ตั้งแต่ พ.ศ.๗๗๒ ไปจนสิ้นพระชนม์ใน พ.ศ.๗๙๕ สงครามระหว่างสองก๊กนี้จึงสงบลงโดยสิ้นเชิง
เรื่องราวเกี่ยวกับขุนพลของฝ่ายใต้ แห่งแคว้นกังตั๋ง จึงยุติลงแต่เพียงนี้.
###########
วางเมื่อ ๑๙ ก.ย.๕๖ เวลา ๐๙.๕๓