สตรีเหล็กของสามก๊ก ๔ ธ.ค.๕๙

สามก๊กฉบับลายคราม


สามก๊กฉบับลายคราม

สตรีเหล็กแห่งง่อก๊ก

เล่าเซี่ยงชุน


        ในนิยายอิงพงศาวดารเรื่องสามก๊ก มีสตรีชาวเมืองในแคว้นกังตั๋งนางหนึ่ง ที่ได้มีชื่อติดอยู่ในอันดับนางเอกคนสำคัญคือ นางซุนฮูหยิน ซึ่งเป็นภรรยาคนสุดท้ายของเล่าปี่ แต่ผู้ที่ควรจะเป็นสตรีเหล็กนั้น ก็คือ นางงอฮูหยิน ภรรยาใหญ่ของบิดา และนางงอก๊กไถ้ มารดาของเธอเอง เพราะทั้งสองมักจะช่วยแก้ปัญหาให้แก่บ้านเมืองอยู่หลายครั้ง ๆ

        นางงอก๊กไถ้ มีพี่น้องสามคน  พี่หัวปีเป็นหญิง น้องสุดท้องเป็นชาย  พี่สาวชื่องอฮูหยิน ได้เป็นภรรยาเอกของซุนเกี๋ยน ผู้ก่อตั้งแคว้นกังตั๋งให้เป็นปึกแผ่น  นางมีบุตรห้าคนคือ ซุนเซ็ก ซุนกวน ซุนเซียง และ ซุนของ  ส่วนนางงอก๊กไถ้ ก็เป็นภรรยารองของซุนเกี๋ยนเช่นกัน มีบุตรหญิงคนเดียวคือนางซุนฮูหยิน แต่น้องชายคนเล็กไม่ปรากฏชื่อ  และไม่มีบทบาทอะไรเลย

        เมื่อซุนเกี๋ยนเสียชีวิตในการรบที่เขาฮีสันแขวงเมืองเกงจิ๋วนั้น ซุนเซ็กมีอายุประมาณสิบห้าปี ได้เป็นเจ้าเมืองกังตั๋งสืบต่อจากบิดา  นางงอฮูหยินก็ช่วยเป็นที่ปรึกษา อยู่เบื้องหลังตลอดมา เป็นเวลากว่าสิบปี  เมืองกังตั๋งก็เข้มแข็งพอกับเมืองฮูโต๋ของโจโฉ  และไม่ยอมอ่อนน้อมต่อโจโฉด้วย

        แต่ก่อนที่ซุนเซ็กจะเคลื่อนพลไปตีเมืองฮูโต๋ของโจโฉ  ก็เกิดเจ็บป่วยเพราะถูกข้าศึกระดับพลทหารเลว ลอบยิงด้วยเกาทัณฑ์  หมอบอกว่าต้องรักษาตัวให้ถึงร้อยวันจึงจะหาย แต่ซุนเซ็กเกิดคิดอิจฉาซินแสอิเกียด แล้วจับตัวมาฆ่าเสีย โดยไม่มีความผิด ตนเองจึงเกิดคลุ้มคลั่ง จนถึงแก่ความตาย เมื่ออายุเพียงยี่สิบหกปี

        เมื่อรู้ตัวว่าไม่รอดแน่ ก็แต่งตั้งให้ซุนกวนซึ่งมีอายุประมาณสิบแปดปี เป็นเจ้าเมืองกังตั๋งต่อไป นางงอฮูหยินจึงต้องทำหน้าที่ฮองไทเฮา คอยให้คำปรึกษาหลังบัลลังก์ต่อไปอีก จนถึงคราวที่นางป่วยหนัก  และคิดว่าคงจะถึงแก่ความตายเป็นแน่  จึงเรียกเตียวเจียวขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายพลเรือน  และจิวยี่แม่ทัพใหญของกังตั๋ง กับซุนกวน เข้ามาสั่งเสียว่า

        “.........บัดนี้ตัวเราป่วยหนัก เห็นจะไม่คงชีวิตอยู่  จะลาท่านทั้งสองแล้ว แม้ว่าเราหาบุญไม่ ท่านจงได้เอ็นดูช่วยอนุเคราะห์สั่งสอนซุนกวนสืบไปโดยความชอบ  อย่าทิ้งเสียเลย..........”

        แล้วนางก็สั่งสอนซุนกวนให้นับถือเตียวเจียวและจิวยี่เช่นเดียวกับที่ซุนเซ็กเคยสั่งไว้  และได้ฝากฝังน้องสาวไว้กับซุนกวนด้วยว่า

        “..........อนึ่งนางงอก๊กไถ้น้องเราผู้เป็นแม่น้าของเจ้านั้น ถ้าแม่ตายแล้วก็อย่าได้ละเมินเสียจงตั้งใจอุปถัมภ์บำรุงปฏิบัติรักษาดุจตัวของแม่ อนึ่งน้องหญิงซึ่งร่วมบิดาของเจ้านั้น จงตั้งใจเลี้ยงรักษาไว้ให้โดยปกติด้วย................”

        ซุนกวนก็รับปากและตั้งใจปฏิบัติตามคำที่มารดาสั่งทุกประการ นางงอก๊กไถ่จึงอยู่ในฐานะสูงส่งเท่ากับนางงอฮูหยินเช่นเดียวกัน  เมื่อกองทัพบกทัพเรืออันมหึมาของโจโฉยกมาตั้งที่ฝั่งตรงข้ามของเมืองกังตั๋ง เพื่อพิชิตศึกเมืองใต้นั้น เมื่อ ซุนกวนไม่สามารถจะตกลงใจได้ว่าจะรบหรือยอมอ่อนน้อมดี  ตามเสียงขุนนางที่แตกออกเป็นสองฝ่าย  นางงอก๊กไถ้ก็แนะนำให้ไปตามจิวยี่มาตัดสิน เพราะเป็นการภายนอก จนจิวยี่สามารถเอาชนะโจโฉได้อย่างเด็ดขาด กองทัพข้าศึกต้องแตกพ่ายไปอย่าง         ยับเยิน

        ต่อมาอีกไม่นานนัก ท่านเกียวก๊กโล่ คหบดีผู้ใหญ่ในเมืองกังตั๋ง ก็มาหานางงอก๊กไถ้  แล้วเล่าให้ฟังว่า  เล่าปี่ได้เอาสิ่งของมาเยี่ยมคำนับ แล้วแจ้งว่าจะมาแต่งงานกับน้องสาวของซุนกวน ขณะนี้พักอยู่ที่ตึกรับแขกของซุนกวน จึงมาแสดงความยินดีด้วย  นางงอก๊กไถ้ก็ถามว่าท่านรู้มาจากไหน เกียวก๊กโล่ ก็บอกว่าชาวเมืองเขารู้กันทั่วแล้ว  จะมาปกปิดอยู่ทำไม  นางงอก๊กไถ้ก็บอกว่าตนซึ่งเป็นแม่เจ้าสาวยังไม่รู้เรื่องเลย

        แล้วนางงอก๊กไถ้ก็ให้คนใช้ ไปสืบข่าวดูว่าจะเท็จจริงประการใด คนรับใช้ก็มาบอกว่า

        “ ราษฎรชาวเมืองเล่าลือกันว่า ซุนกวนจะยกน้องสาวให้เล่าปี่ ลิห้อมเป็นผู้ชักนำเดินสื่อสารไปมา ฝ่ายเล่าปี่ให้ซุนเขียนมาสื่อสาร บัดนี้เล่าปี่ก็มาถึงเมืองแล้ว ซุนกวนให้เชิญไปอยู่ ณ ตึกรับแขก “

        นางงอก๊กไถ้จึงให้ไปตามซุนกวนมา แล้วนางก็ร้องไห้บอกว่า

        “ ตัวเจ้านี้มิได้เกิดในอุทรเรา เราก็รักเสมอกับบุตรอันเกิดในอุทร เมื่อพี่เราจะตายนั้นก็ได้สั่งเจ้าไว้ จะกระทำสิ่งใดให้ปรึกษาเราก่อน  แลเจ้าทำการถึงเพียงนี้มิได้บอกเรา “

        ซุนกวนก็ตกใจถามว่าตนทำอะไรผิด หรือ นางก็ว่า

        “ เจ้าคิดอ่านจะเอาบุตรหญิงของเราไปให้เล่าปี่ จนนัดงานกัน พาเล่าปี่มาถึงเมืองแล้ว เหตุใดจึงไม่ปรึกษาเรา “

        ซุนกวนก็สงสัยว่านางรู้มาได้อย่างไร นางก็บอกว่าชาวบ้านเขารู้กันทั่วเมืองแล้ว ท่านเกียวก๊กโล่ก็มาแสดงความยินดี

        ซุนกวนก็บอกว่า ความจริงเรื่องนี้เป็นแผนการ ที่จะล่อเล่าปี่ให้มาติดกับ จะได้จับตัวไว้แลกกับเมืองเกงจิ๋วที่พวกเล่าปี่ยึดไว้ นางงอก๊กไถ้ก็ยิ่งโกรธว่า ทำให้บุตรีของนางเสื่อมเสียชื่อเสียง แล้วก็ด่าไปถึงจิวยี่แม่ทัพใหญ่ซึ่งเป็นต้นคิดว่า ไม่มีปัญญาจะรบเอาเมืองเกงจิ๋วคืนหรือ จึงมาเอาลูกสาวของนางเป็นเครื่องมือ ซุนกวนก็จนแต้มไม่รู้จะเถียงอย่างไร นางงอก๊กไถ้ จึงขอดูตัวเล่าปี่ แล้วก็ชอบใจจึงจัดการแต่งงานให้ทั้งสองได้เป็นสามีภรรยากันตามประเพณี

        ซุนกวนก็กลับไปปรึกษาจิวยี่ว่า เมื่อเหตุการณ์กลายเป็นเช่นนี้ จะทำอย่างไรต่อไป จิวยี่ก็แนะให้ส่งเสริมปรนเปรอให้เล่าปี่หลงใหลในความสุขในเมืองกังตั๋ง จนลืมเรื่องเกงจิ๋วเสียเลย ซุนกวนก็เชื่ออีก แต่แผนนี้ ขงเบ้ง ยอดกุนซือของเล่าปี่คาดล่วงหน้าไว้แล้ว จึงมีหนังสือลับให้ จูล่ง ยอดองครักษ์ที่มากับเล่าปี่ ใช้แผนสามขั้นให้เล่าปี่ หาทางเอาตัวรอดมาจากเมืองกังตั๋งให้ได้

        โดยบอกกับนางซุนฮูหยินให้ร่วมมือด้วย นางจึงพาเล่าปี่ไปหามารดา ขออนุญาต ไปไหว้บรรพบุรุษของสามีที่ริมแม่น้ำ

        นางงอก๊ไถ้ก็เห็นด้วยว่า

        “.....ทั้งนี้เป็นประเพณีผู้รู้จักคุณบิดามารดา อนึ่งตัวเจ้าก็ยังหาได้คำนับบิดามารดาผัวไม่  จะไปก็ตามเถิด...”

        นางซุนฮูหยินก็มีความยินดี คำนับมารดากลับมาที่อยู่ แล้วจัดแจงเงินทอง กับของที่ดีใส่ในรถ เล่าปี่ก็ขึ้นม้าให้นางซุนฮูหยินขึ้นขี่รถ กับข้าหญิงคนใช้ซึ่งสนิท ออกไปจากเมืองจนสมทบกับ จู่ล่งและกองทหารคุ้มกัน

        แม้ซุนกวนจะให้ ตันบู กับ พัวเจี้ยง คุมทหารห้าร้อยนาย  ไล่ติดตาม และจิวยี่ สั่ง ชีเซ่ง และ เตงฮอง คุมทหารสามพันดักอยู่ระหว่างทาง นางซุนฮูหยินก็ออกหน้าป้องกัน และให้จูล่งพาเล่าปี่เดินทางไปจนถึงชายทะเลจึงพบกับขงเบ้ง ที่เอาเรือมารอรับอยู่ และทั้งสองสามีภรรยา ก็เดินทางถึงเมืองเกงจิ๋วโดยปลอดภัย

        ต่อมาเล่าปี่ยกทหารไปตีเมืองเสฉวน ซุนกวนคิดจะไปตีเอาเมืองเกงจิ๋วคืน จึงให้        จิวเสี้ยน ลงเรือไปรับนางซุนฮูหยิน โดยแจ้งว่านางงอก๊กไถ้มารดาป่วยหนัก ให้กลับไปดูใจที่เมืองเกงจิ๋วเและพาอาเต๊าบุตรชายของเล่าปี่มาด้วย  โดยไม่ได้บอกว่าจะใช้เป็นตัวประกันในการตีเมืองเกงจิ๋วให้ได้ นางซุนฮูหยินเชื่อว่าเป็นความจริง จึงพาอาเต๊าซึ่งตนเป็นผู้เลี้ยงดู ลงเรือไปกับจิวเสี้ยน

        แต่จูล่งและเตียวหุยรู้เรื่องทันเวลา จึงยกทหารติดตามไปทั้งทางบก และทางน้ำ  เจียวเสี้ยนขัดขวาง เตียวหุยก็ฆ่าเสีย  นางซุนฮูหยินก็บอกว่ามารดาป่วยหนักตามที่ตนเชื่อ ทั้งสองจึงปล่อยให้

นางซุนฮูหยินกลับไปกังตั๋งแต่ผู้เดียว เมื่อถึงเมืองกังตั๋ง นางจึงรู้ว่าเป็นอุบายของซุนกวน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้องอยู่กับมารดาดังเดิม

        จนกระทั่งเล่าปี่ได้เมืองเสฉวน ซุนกวนก็ให้ลิบองไปตีเมืองเกงจิ๋วและสามารถยึดได้โดยง่ายเพราะ กวนอูผู้เป็นเจ้าเมืองยกทหารไปตีเมืองอ้วนเซีย ซุนกวนกับโจโฉจึงร่วมมือกัน ตีกวนอูต้องถอยไปจนมุมอยู่ที่เมืองเป๊กเสีย และถูกซุนกวนจับตัวไปประหารเสีย

        ต่อมาโจโฉป่วยตาย โจผีเป็นวุยอ๋องแทนบิดา ได้ชิงบัลลังก์พระเจ้าเหี้ยนเต้ ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ของวุยก๊กเอง ชาวเมืองเสฉวนจึงยกเล่าปี่ขึ้นเป็นฮ่องเต้ของจ๊กก๊กบ้าง  เล่าปี่ทราบข่าวว่ากวนอูตายเพราะซุนกวน และเตียวหุยก็ถูลูกน้องทรยศ ฆ่าตายแล้วตัดศีรษะไปให้ซุนกวน  จึงยกกองทัพใหญ่  ไปตีเมืองกังตั๋งแก้แค้นแทนน้องทั้งสอง  แต่ถูกลกซุน แม่ทัพของกังตั๋งตีแตกยับเยินเช่นเดียวกับ จิวยี่ตีทัพโจโฉครั้งงก่อน  

        เล่าปี่ได้จูล่งพาไปอยู่ที่เมืองเป๊กเต้ จนเสียชีวิตด้วยความตรอมใจ ตามกวนอูและเตียวหุย น้องร่วมสาบานเมื่ออายุได้ ๖๓ ปี

        เมื่อนางซุนฮูหยินได้ทราบข่าวสามีสิ้นชีวิต นางได้รำพึงว่า ตนเองเป็นต้นเหตุของความบาดหมางระหว่างจ๊กก๊กของเล่าปี่ กับง่อก๊กของซุนกวน  จนต้องสูญเสียสามีที่รักไป ไม่อาจจะทนมีชีวิตอยู่ได้

        คิดแล้วก็ขึ้นรถ ขับไปริมฝั่งแม่น้ำแต่ผู้เดียว แล้วก็โจนลงแม่น้ำ ตายตามสามีไปอย่างเด็ดเดี่ยว

        ชีวิตรักของนางซุนฮูหยิน และชีวิตในนิยายของสตรีเหล็กแห่งเมืองกังตั๋งทั้งสามนาง  ก็สิ้นสุดลงแต่เพียงนี้.


                                                                        ########
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่