การให้คีโมสำหรับโรคมะเร็งอันตรายแค่ไหนครับ

กระทู้คำถาม
ผมอยากทราบข้อมูลเรื่องการให้คีโมจากคนที่เคยได้รับหรือคนใกล้ชิดที่พอทราบว่ามีผลกระทบต่อระบบในร่างกายอย่างไรบ้าง  เพราะภรรยาผมเป็นมะเร็งเต้านมกำลังจะผ่าตัดวันเสาร์นี้  ห่วงเรื่องคีโมว่าดีหรือไม่ดีอย่างไรครับ (นักร้องลูกทุ่งสายัณห์ยังไม่ยอมรับการรักษาด้วยคีโมยิ่งทำให้กังวลมาก)
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ผมเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย เริ่มรักษาก็ฉายแสงแล้วก็ผ่าตัด แล้วก็มาให้คีโมอีกหกอาทิตย์ ตอนให้คีโมก็มีอาการแพ้บ้าง เช่นอาเจียน ผมร่วง ท้องเสีย ทานอาหารไม่ค้อยได้ พอผ่านไปหนึ่งปี ไปเจอว่ามะเร็งได้ลามไปที่ตับแล้ว หมอต้องตัดตับออกบางสวน หลังผ่าตัดได้หนึ่งเดือนก็ต้องให้คีโมอีก
หกอาทิตย์ หลังจากให้คีโม ร้างกายเราจะไม่ค้อยมีแรง กินไม่ค้อยได้ อยากจะนอนอย่างเดียว พอเริ่มกินได้เราต้องกินให้ได้มากๆหน่อย ถ้าไม่อย่างนั้นจะรู้สึกไม่มีแรง ไม่อยากทำอะไรเลย พอผมรู้สึกว่าผมพอจะเดินได้มีแรงพอ กินได้ ผมก็เริ่มออกกำลังกาย โดยการขี่จักรยาน ตอนแรกก็ขี่ใกล้ๆบ้าน
พอขี่ไปๆ ก็ขี่ได้ไกลมากขึ้น ตอนนี้ผมสามารถขี่ได้ไกล 50 ถึง 60 กิโลเลยทีเดียว ต้องอยู่ที่กำลังใจ และตัวคนป่วยเองด้วยครับ ว่าจะสู้ได้มากแค่ไหน
อย่ากินของหมักดองนะครับ อย่างอื่นกินไปเลยครับ คุณหมอไม่เคยห้ามเลยครับ ช่วงให้คีโมอย่ากินผักสดนะครับ เพราะจะทำเม็ดเลือดขาวต่ำ จะทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น พอให้คีโมเสร็จแล้ว ค้อยกลับมากินได้ครับ ขอให้สู้ๆนะครับ ตอนนี้ผมอยู่มาได้สามปีแล้วครับ ผมยังขี่จักรยานอยู่เสมอครับ แล้วก็ไปหาหมอทุกครั้งที่หมอนัดครับ
ความคิดเห็นที่ 8
จากประสบการณ์ที่เคยได้รับการคีโมและการฉายแสงนะคะ (เี่ราเป็นมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลือง)
ได้รับการคีโมทั้งหมด 8 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 3 สัปดาห์ ผลกระทบทางด้านร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกันคะ บางคนอาจจะเริ่มมีอาการตั้งแต่ครั้งแรกหรือครั้งถัดไป อยู่ที่ตัวยาและขนาดของยาที่ได้รับ อาการแรกทางกายภาพที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุด คือ จะมีการอาการคลื่นไส้อาเจียนระหว่างหรือทันทีที่คีโมเสร็จ จากนั้นร่างกายจะอ่อนแรงต้องการนอนหลับพักผ่อนอย่างเดียวเท่านั้น ช่วง 2 -3 วันแรกจากการคีโม จะไม่มีความรู้สึกอยากทานอาหารใด (ในบางคนจะเกิดแผลในปากทำให้ทานอาหารไ้ด้ลำบากมาก) ต่อมาจากนั้นผมก็จะค่อยๆ ร่วง บางคนร่วงจนหมดศีรษะ (เราก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่ครั้งแรก) บางคนก็ร่วงแบบเหลือไว้บ้าง  อาการต่าง ๆ เหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเองคะ เมื่อยาหมดฤทธิ์ แต่มีข้อแนะนำที่อาจจะมีประโยชน์และสามารถทำตามได้ดังนี้คะ
1. หลังการคีโมพยายามดื่มน้ำให้มาก ๆ ในแต่ละวัน เพราะยาคีโมจะถูกขับออกมาทางน้ำปัสสาวะ สังเกตได้จากน้ำปัสสาวะจะเป็นสีเหมือนยาคีโม ถ้าเข้าที่แล้วน้ำปัสสาวะจะกลับมาเป็นสีปกติคะ
2. ต้องสร้างกำลังใจให้ตัวเองคะ (คนรอบข้างสามารถช่วยได้) อย่าเครียดและอย่าคิดว่าเราป่วยจนไม่อยากทำอะไร
3. พยายามพักผ่อน ออกกำลังกายให้พอเหมาะกับสภาพร่างกาย คือ อย่าเอาแต่นอนพัก หรือโหมออกกำลังกายมากเกินไป
4. ทานอาหารที่ชอบ (แต่ต้องไม่กระตุ้นมะเร็ง เช่น พวกอาหารหมักดอง อาหารที่ปรุงไม่สุก ชา กาแฟ เครื่องดิ่มแอลกอฮอล์ บุหรี่) เพราะบางครั้งการที่เราไม่สบายทานอะไรไม่ค่อยได้แล้วยังถูกห้ามทานนู้นทานนี่ ก็อาจทำให้จิตตกและอาการจะทรุดได้ (ของเราถ้าของที่ชอบและอยากทานนั้นถ้ารู้ว่าอาจจะไม่ดีต่อการรักษา ก็ขอทานสัก 1 คำก็ยังดี เช่น ลูกชิ้นปิ้ง  )
5. อย่าขังตัวเองอยู่แต่ที่บ้านหรืออยู่คนเดียวเพราะจะทำให้ฟุ้งซ่านจิตตก  ทำตัวให้เหมือนปกติ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวเราคะแค่ให้รู้ว่ากายป่วยแต่ใจไม่ได้ป่วย
...เป็นกำลังใจให้นะคะ ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกคะ เพราะแพทย์ที่รักษาเราเค้าต้องเลือกทางรักษาที่ดีที่สุดให้คนไข้อยู่แล้วคะ... หากรับการรักษาที่ถูกต้องก็สามารถหายได้ (ตอนนี้ของเราหลังจากคีโมรักษามาแล้ว 5 ปี ตอนนี้ก็ไม่มีอาการใดๆ แล้วคะ เพียงแค้ต้องไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งนะคะ เพื่อติดตามอาการ เท่านั้นเองคะ ) สู้ สู้ นะคะ
ความคิดเห็นที่ 9
คุณแม่เป็นมะเร็งเต้านมระยะแรกค่ะ เจอแล้วก็นัดผ่าตัดเลยค่ะ
ให้คีโมทั้งหมด 8 ครั้ง ครั้งสุดท้ายจะให้เดือนนี้ค่ะ มีนัดฉายแสงเดือนพฤศจิกายน
ยาสี่ครั้งแรกเหมือนกันแต่จะต่างกับสี่ครั้งหลังนะคะ
ภรรยาของคุณ จขกท จะให้ยาชนิดไหนขึ้นกับมะเร็งจากก้อนที่ตัดไปตรวจค่ะ
อย่าเพิ่งกังวลไปนะคะ ถ้าโชคดีอาจจะแค่ทานฮอร์โมนหรือไม่ก็ฉายแสงด้วย

คุณแม่เราเป็นคนผอมอยู่แล้วนะคะ เรากับน้องกังวลมาก ๆ ว่าจะกินลงไหม
น้ำหนักแม่จะลดไหม แม่จะหมดแรงไหม แต่เลิกกังวลแล้วค่ะคิดอย่างเดียวแม่ต้องหาย
ตั้งแต่ผ่าตัดจนถึงนัดดูแผลประมาณสามถึงสี่อาทิตย์ก่อนที่จะให้คีโมได้
ให้บำรุงเลยค่ะ บ้านเราให้แม่ทานไข่วันละ 2-4 ฟอง แล้วก็ทานได้ทุกอย่างนะคะไม่ต้องงด
คุณหมอที่รักษาแม่เราที่ศิริราชทุกท่านบอกตรงกันว่า พวกเราเชื่อว่าอาหารไม่เกี่ยวข้องที่ทำให้เป็นมะเร็ง
คุณแม่เราทานทุกอย่างค่ะ ชอบทานขนมด้วย ด้วยเฉพาะพวกเบเกอรี่
แม่เราต้องมีของว่างทั้งมื้อบ่ายและดึกค่ะ
แต่แม่เราไม่อ้วนนะคะ ไม่มีไขมันสูง ไม่มีโรคแทรกซ้อนอย่างอื่น หมอเลยบอกว่าให้ยาง่ายค่ะ
ง่ายกว่าคนที่มีโรคแทรกซ้อนอย่างอื่น อ่อ ยาตัวที่แม่เราให้มีผลต่อหัวใจนะคะ
คุณหมอเลยให้ไปเช็คหัวใจก่อนให้ยา คาดว่าภรรยาคุณ จขกท หลังผ่าตัด
หมออาจจะนัดแสกนช่องท้อง กระดูก หัวใจ ดูค่าตับและเลือดเหมือนของคุณแม่เรา

ยารอบ 1-4 ถ้ายาชนิดเดียวกับของคุณแม่เรานะคะ พยาบาลจะแนะนำให้อมน้ำแข็ง
ตอนที่ให้ยาค่ะ เพื่อลดอาการเป็นแผลในปาก แล้วก็รู้สึกสบายดี
เพราะมันจะร้อนไปทั้งตัวค่ะ แล้วก็ตอนที่ยาเริ่มเดินจะรู้สึกจักกะจี้ที่ก้นและอวัยวะเพศค่ะ
ไม่ต้องกังวลนะคะ ก่อนให้ยาจะมีพี่พยาบาลมาบรีฟก่อนคร่าวถึงความรู้สึกก่อนหลังให้ยาและการดูแลตัวเองค่ะ
อาทิตย์แรกเบื่ออาหารค่ะ ไม่อยากทาน ทานได้น้อยเราก็ไม่บังคับให้แม่ทาน
อาศัยทานน้อย ๆ แต่ทานบ่อย ๆ แทน จิบน้ำหวานไม่ให้น้ำตาลต่ำ อะไรที่แม่อยากทานเราจัดให้หมดค่ะ
เนื่องจากทานได้น้อยอาทิตย์แรกที่ให้จะค่อนข้างเพลีย อาทิตย์ที่สองจะเริ่มดีขึ้นทานได้เยอะขึ้น
อาทิตย์แรกเรากับแม่และน้อง ๆ ยังไปช่วยแม่เดินเลือกวิกอยู่เลยค่ะ ได้ทรงที่แม่ชอบและมั่นใจ ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่