ชีสมีรา ทานได้ไหม

กระทู้คำถาม
ได้ชีสมอสซาเรล่า ก้อนประมาณครึ่งกิโล เคลือบแวกซ์มาทั้งก้อน ทานไปได้ประมาณ 1/4
แล้วเก็บไว้ในตู้เย็นประมาณ เดือนครึ่ง ปรากฎว่ามีราขึ้นที่ก้อนชีส
จึงใช้มีดปาดส่วนที่ขึ้นราทิ้งไปแล้วเหลือประมาณ 1/2 ก้อน เอาเก็บใส่ตู้เย็นชั้นธรรมดา มา 4-5 วันแล้ว
ยังดูปกติอยู่ ไม่มีราขึ้นมาอีก
ไม่ทราบว่ายังทานได้ไหมคะ (เสียดายค่ะ ยังไม่อยากทิ้ง) ใครพอมีความรู้บ้าง
ขอบคุณล่วงหน้ากับทุกคำตอบ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ผมคงตอบช้าไป 1 ปี 555 แต่อยากจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องซีเรียด เผื่อมีคนเข้ามาอ่านครับ
รา เป็นสิ่งมีชีวิตกลุ่มนึงไม่ใช่พืชและสัตว์ กลุ่มนี้มี รา ยีสต์ และ เห็ด
     ก็เหมือนกับเห็ด บางชนิดมีพิษต่อคน รา เป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงยากมาก เพราะสปอร์ของมันมีอยู่ในอากาศ เเทบจะไม่มีอาหารซักมื้อที่เรากินแล้วไม่มีรา
     ถึงเราไม่กิน เราก็จะหายใจเอามันเข้าไปในปอด ในอากาศที่เราหาย 1 ลิตร เรารับ 60,000 สปอร์รา ใน1ลูกบาศก์เมตรของอากาศมี 1พันล้านสปอร์
     เรารับเข้าร่ายกาย 3 ทางเรยนะคะ หายใจ กิน และทางผิวหนัง
     ผลกระทบจากสปอร์ราต่อเราคือ โรคภูมิแพ้  ปวดหัว ความเมื่อยล้า ระบบทางเดินจมูก การไอ จาม ปอดบวม หอบหืด และมีผลมากขึ้นกับ เด็ก คนแก่ ผู้ป่วย และ คนอ่อนแอ
     รา วัยเจริญพันธุ์จะขับถ่ายสารพิษ หรือที่เรียกว่า ไมโครท๊อกซิน ตัวนี้แหล่ะ จะมีผลตรงต่อเราถ้ามีปริมาณมากพอ และมีหลายชนิดส่งผลต่างๆ
     เรียกโดยรวมว่าโรค SBS( sick building syndrome) การกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันแบบเรื้อรัง 25%ของประชากรราทำให้เราเป็นโรคอักเสบเรื้อรัง
     สายพันธุ์มีมาก เช่น อัลฟ่าท๊อกซิน อันนี้มะเร็ง บางตัวมีผลต่อระบบประสาท บางครั้งถึงเสียชีวิตเลย บ้างมีผลต่อระบบการทำงานระดับเซลล์ ผนังเซลล์ ความสามารถการดูดซึม
     เรารู้จักเชื้อรามากพอๆกับอวกาศแล้วนะ นั่นแปลว่าที่เรายังไม่รู้มีอีกมากครับ
ต่อจากนี้ตั้งใจฟังให้ดีนะครับ
1. เกือบทั้งหมดมันเจริญเติบโตได้ดีที่ อุณหภูมิ 15-26 องศา
    ร่างกายเรา 37 แฮ่ๆ ปลอดภัย
    แต่ บางชนิด เช่น เพนนิซิเลี่ยม(ตัวนี้ไม่สร้างสารพิษ) เจริญเติบโตได้ดีที่ อุณหภูมิ 1 องศา (มันชอบตู้เยน)
    บางชนิด  เจริญเติบโตได้ดีที่ อุณหภูมิ 37.5 องศา (เวรละ อีนี่ชอบตอนเราป่วย)
2. จงทำให้ชีวิตเสี่ยงน้อยที่สุด
     คือมันชอบ ความชื้น สารอินทรีย์(อาหารคนทุกชนิด กระดาษ ไม้ เสื้อผ้า) และ อุณหภูมิที่ไม่เยนจัด ร้อนจัด
     อาหารแช่ช่องแข็งนานๆ มันตาย
     อาหารโดนความร้อนเกิน 60 องศา มันตาย
     สรุป ถ้ามันตายแล้วกินได้ เย้ กินไปเลย แต่ แต่ แต่ แต่ ถึงมันจะตายสารพิษต่างๆ ยังอยู่ ยังอยู่ ยังอยู่นะครับ
     สรุปของสรุป ห้ามกินโดยเด็ดขาด ไอ้ที่กินเข้าไปแล้วก็ปล่อยให้เปนหน้าที่ของตับนะครับ ตับจัดการหมด
          แต่  แต่  อย่าเยอะไป ความอดทนของคนเรามันมีขีดไม่เท่ากัน
     หลี่กอย่างไร
         1. ความชื้น ห้องน้ำ แห้งบ้างไรบ้าง ห้องนอน อย่าฉี่รดที่นอน
         2. ให้โดนแดดบ้าง โดนแดดมันก็ตาย(ส่วนใหญ่) ตายยันสปอร์
         3. สารอินทรีย์ ให้น้อยๆหน่อย ในห้องน้ำ เช่น คราปสบู่ เอาออกไป   ห้องนอน เช่น ใช้ใยส้งเคราะห์ แทนนุ่น
             เศษอาหาร อันนี้ซีเรียด ตกหล่นให้รีบเก็บกวาด อย่าให้มันเจริญเติบโตได้เชียว อันไหนที่หลงๆมองไม่เห็นเรายังมีผู้ช่วยตัวน้อย
             มาช่วยเก็บกวาดให้ 555 (มด แมลงสาบ ปิดทองหลังพระ มาช่วยนะเนี่ยะ เสือกรังเกียดกู )
         4. ถ้าเห็นราขึ้นตรงไหน รีบกำจัด เช็ดด้วยLกฮ เอาให้แห้ง แล้วนั่งเฝ้าเรย 3 วัน อย่าให้ขึ้นอีก ถ้าขึ้นเสื้อผ้ารีบทิ้งหรือเอาไปต้ม
         5. ให้อากาศถ่ายเทตลอด ไอ้พวกที่อยู่ก็จะไม่ทันได้ปักหลักทำรัง
         
  3. ข้อคิด เชื้อรา กับสารพิษที่มันขับถ่ายออกมา ต้องแยกคิด ถ้ามันมีน้อยรีบทำให้ตายก่อน สารพิษจะน้อย ตับเราพอรับไหว
     ถ้ามันมีน้อยแต่ไม่ตาย เข้าไปเติบโตในร่างกายเราผลิตสารพิษตามสบาย(บางชนิด) อันนี้น่ากลัวสุดๆ
          
    ** อย่าไปกลัวมาก โอกาสน้อยมากที่เราจะรับอีตัวที่ทนความร้อนสูง(เกิน 37 องศา)และสร้างสารพิษที่รุนแรง
         แต่ก็นะ อันนี้มันเป็นเรื่องของเวรกรรม ใครจะรู้
ปล. เป็นห่วงนะครับ คนที่กินราโดยไม่ทราบชนิดน่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่