กระทู้ขอชี้แจง :: เมื่ออาหารแพงแต่ "ไม่สามารถทำกินเองได้" มีอยู่จริง

สวัสดีค่ะ เราเป็นเจ้าของกระทู้
"อาหารแพง" เรื่องจริง หรือคิดไปเอง (?) เองค่ะ
http://ppantip.com/topic/30976287

สืบเนื่องจากได้มีล็อคอินบางท่าน หลังไมค์มาเรา บางท่านก็มาให้กำลังใจ เราก็ซาบซึ้งในน้ำใจ
แต่บางท่านหลังไมค์มาหา พร้อมต่อว่าเรา ซึ่งเราเองก็งงๆ ว่าได้อ่านเนื้อหาที่เราพิมพ์ไปบ้างหรือไม่

เพื่อเป็นการไม่ให้ติดใจ และเคลียร์ตัวเอง เราขอชี้แจงดังนี้นะคะ

ออกตัวก่อนว่าเราเป็นนิสิต ชั้นปีที่๒ อาศัยอยู่ "หอพักนอกมหาวิทยาลัย"
ทำให้เรื่องการประกอบอาหารไม่เป็นปัญหาสำหรับเราเท่าใดนัก
เนื่องจากเรามีตู้เย็น ไมโครเวฟ หม้อหุงข้าวพร้อม

จะหนักก็ตรงภาระค่าเช่าหอเดือนละกว่าครึ่งหมื่น รวมไปถึงค่าน้ำ ค่าไฟ
และค่าวัตถุดิบทำอาหาร (ล่าสุดเราไปซื้อไข่มา เบอร์๔ ๒๐ฟอง ๘๐ บาทค่ะ)

บางคนตำหนิเราว่าเรื่องข้าวของแพง ทำไมเราไม่ปรับตัว
เราบอกได้เลยว่า เราปรับค่ะ ปรับพอสมควร

ตอนนี้เราเริ่มปลูกผักทานเอง เราแวะไปซื้อของที่ซุปเปอร์ช่วงโปรบ่อยขึ้น
เราเอาข้าวกล่องไปทานเอง เลือกซื้อผัก ซื้อเนื้อตามตลาดนัดซึ่งของถูกกว่า
(แต่ตอนนี้ราคาตลาดนัดก็ราคาสูงขึ้น และต้องเสียค่าวินมอร์เตอร์ไซต์ไปกลับ)
น้ำดื่มก็กดฟรีที่หอ ไม่เคยซื้อ พกขวดน้ำติดตัวตลอด และไม่ได้ติดขนมหวาน(เท่าไหร่)

นี่คือสิ่งที่เราทำ

แต่ที่เรามาตั้งกระทู้ เราพูดโดย "ภาพรวม" ไม่ใช่เรียกร้องเพียงแค่ตัวเราคนเดียว
อย่างเพื่อนๆ เราที่อยู่ "หอใน" เขาไม่มีโอกาสทำอาหารกินเองนะคะ

เราได้อธิบายทางหลังไมค์ตอบกลับบางท่านไป เราโดนด่าว่าข้ออ้าง
ไม่มีหอพักที่ไหนห้ามหรอก อย่างน้อยก็หม้อหุงข้าวก็ต้องเอาเข้าได้

เรากล้ายืนยัน นอนยันเลยค่ะ ว่าหอใน "ไม่อนุญาต" ให้ประกอบอาหาร
ห้ามนำหม้อไฟฟ้า ไมโครเวฟ ตู้เย็น แม้กระทั่งหม้อหุงข้าว เข้าหอค่ะ


และตอนนี้ร้านค้าแถวม.เราก็เริ่มปรับขึ้นราคากันแล้ว
บางร้านที่ไม่ปรับ ก็ลดปริมาณลง ไม่มากก็น้อย ซึ่งมันไม่อิ่ม

ถามว่าการไม่อิ่มมันอยู่ได้ไหม ขอตอบว่า ได้ค่ะ อยู่ได้
แต่อย่าลืมว่าเป็นนักเรียน นักศึกษา สารอาหารสำคัญ
คงไม่มีใครอยากท้องร้อง ทนหิวระหว่างเรียน
หรือต้องมานั่งซดมาม่าตลอดทั้งเดือน

ที่สำคัญคือ พวกเรายังขอเงินคุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครองใช้
ข้าวของขึ้นราคา (ซึ่งไม่ใช่เฉพาะอาหารหรอกนะคะ เอาจริงๆ)
มันอาจไม่กระทบพวกเราโดยตรง แต่มันกระทบไปถึงคนส่งเสียเลี้ยงดู
แค่ค่าเช่าหอ ค่าน้ำ ค่าไฟก็มากพออยู่แล้ว ยังมาเจอค่าอาหารที่เพิ่มขึ้นอีก

+++ ที่เราพิมพ์ ตอนนี้เราเป็นเพียงแค่นิสิต ที่ขอเงินใช้ แต่ยังได้รับผลกระทบ +++

เราเลยคิดว่า แล้วคนที่เขาต้องทำงาน หาเช้า กินค่ำ เป็นลูกจ้าง พนักงานล่ะ
เขาจะลำบากขนาดไหน ยิ่งป.ตรี เพิ่งจบ เงินเดือนน้อยๆ ยิ่งแย่

ไม่ใช่เราเอามาพูดลอยๆ หรือเราคิดแทนเขานะคะ แต่เพราะเราได้ไปเห็น ได้สัมผัส

ขอยกตัวอย่างเป็น คุณลุงยามประตู ม. ลุงแกเช่าหออยู่คนเดียว ที่หอแกน้ำไฟเข้าถึงค่ะ
แต่ภายในหอมีเพียงพัดลม โทรทัศน์เล็กๆ ไม่มีตู้เย็น ไมโครเวฟ หม้อหุงข้าวอะไรทั้งนั้น
เวลาทานข้าว ก็อาศัยร้านตามสั่งนี่แหละค่ะเป็นที่พึ่ง ซึ่งเวลากลางวันแกไม่มีเวลาพักนะคะ
แกใช้วิธีซื้อข้าวเช้า กลางวันพร้อมกัน เราเคยคุยกับแก แกบอกว่าตอนนี้อาหารแพงขึ้นจริงๆ
ร้านที่แกเคยซื้อประจำก็ปรับขึ้นราคา แต่ก็ต้องยอม เพราะมันสะดวก และเช้าๆ มีไม่กี่ร้านที่เปิด

นี่คือตัวอย่างค่ะ เงินเดือนลุงยามเองก็ไม่มาก ต้องมาทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด
คุณๆ ว่าลุงแกจะมีเวลาไป "ตระเวน" หาร้านอาหารถูกๆ เพื่อมาซื้อทานไหมคะ

นี่ขนาดค่าครองชีพในต่างจัวหวัดนะคะ ยังแพงเลย
แล้วคนที่เพิ่งจบป.ตรี มีงานทำที่กรุงเทพฯ เช่าหออยู่ล่ะ

เราเข้าใจ ในสิ่งที่บางคนจะสื่อ เรายอมรับว่าอาหารถูกมันมีอยู่จริง
แต่มันไม่ใช่ทุกคน ที่มีโอกาสได้เข้าถึงร้านอาหารถูกๆ ที่ว่านั่นนะคะ

และคนที่บอกว่าน้ำไฟเข้าถึง ก็ต้องทำกับข้าวได้ นี่แหละค่ะความเป็นจริง
ชีวิตจริงๆ มันไม่ได้ง่ายเหมือนกับการนั่งนึกภาพว่าวันนี้เราจะไปกินร้านไหนที่มันถูกๆ
แต่ปัจจัยมันมากกว่านั้น เวลาทำงาน เวลาเดินทาง เงินเดือน ข้อกำกัดของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน

คุณอาจคิดว่าชีวิตคุณยังอยู่ได้แบบสบายๆ เพราะตัวคุณเองไม่เดือดร้อน
คุณสามารถเข้าถึงร้านอาหารถูกได้ คุณมีเวลาทำอาหารทานเอง
แต่อย่าลืม ว่าคนอีกหลายๆ คนมันไม่เป็นเช่นนั้นนะคะ

อย่าเอาชีวิตของคุณ มาตัดสินว่าทุกคนสามารถดำรงชีวิตแบบเดียวกันได้

ที่เรามาตั้งกระทู้ "ไม่ได้" ต้องการจะโจมตีใคร กล่าวหาฝ่ายใดทั้งสิ้น
เราตั้งกระทู้ในฐานะที่เราเป็นประชาชน พลเมืองคนหนึ่งที่มีสิทธิแสดงความคิดเห็น

ในเมื่อสิ่งที่เราเจอ มันเป็นแบบนี้ เราก็เล่าออกมาในรูปแบบที่เจอก็เท่านั้น

หรือสุดท้าย... เราต้องยอมให้คุณภาพชีวิตแย่ลง โดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย (?)

ปล. ขออภัยล่วงหน้านะคะ ถ้าเนื้อหาข้อความเราไม่ตรงใจใคร
และขอบพระคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้ชี้แจงนี้ค่ะ

******************************************************************************
******************************************************************************
ฝากอ่านข้อความเพิ่มเติมที่ความคิดเห็นที่ 126 ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
******************************************************************************
******************************************************************************

ไม่ได้แก้ข้อความข้างบนนะคะ แต่ขอเพิ่มเติมข้อความซักนิด

เราไม่มีไอโฟน ไอพอด ไอแพด โน๊ต ซัมซุงอะไรทั้งนั้น ใช้มือถือราคาสามพันกว่า
สตาร์บั๊คไม่เคยกิน ชาเขียวไม่ซื้อ สเวนเซ่นไม่ได้เข้า น้ำขวดก็กรอกเอาฟรีฟรี
หนังเรื่องล่าสุดที่ดูก็ราวๆ สองสามเดือนที่แล้ว ใช้โปรในราคาไม่ถึงแปดสิบ
ขนมอยากกินทำเอง ไม่ติดหรู ไม่เคยใช้แบรนด์เนม มอ'ไซต์ รถยนต์ไม่มี
ไปเรียนเท้าเดิน ไกลหน่อยนั่งวิน แอร์ไม่เคยเปิด ใช้พัดลมอย่างเดียว
จะมีก็แต่สมัครฟิตเนสเดือนละหนึ่งพัน กับฟันที่ยังดัดไม่เสร็จ
(เผื่อบางคนจะพยายามแถหรือหาเรื่องมาเหน็บเราให้ได้)

เราไม่ได้รอคนมาช่วย เราไม่ได้มาบ่นลอยๆ
เรามาแสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์ปัจจุบัน

ทุกคนก็พยายายามเอาตัวรอดด้วยกันทั้งนั้นแหละค่ะ อะไรที่ทำได้ก็ทำไป
แต่ช่วยกรุณาคิดด้วยว่า แล้วคนที่สามารถดูแลแก้ไขได้ "ลงมือ" ทำอะไรหรือยัง
ไม่ใช่โบ้ยให้ประชาชนหาทางประหยัดรัดเข็มขัดกันเอาเอง โดยไม่จัดการอะไรเลย

คนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าใคร จะฝ่ายไหนก็ตามมันยากมากเหรอคะ
กับการ "ยอมรับ" ความจริงว่าของมันแพง ค่าครองชีพมันไม่สัมพันธ์กับรายได้
การแก้ปัญหาจะเริ่มต้น และเกิดขึ้นได้ อย่างแรกคือต้องยอมรับว่ามันมีปัญหาก่อน
ถ้ายังมัวหลับหูหลับตาเชื่อว่าคิดไปเอง ชาตินี้ปัญหาแบบนี้ก็คงไม่ได้รับการแก้ไขสักที

สุดท้ายคือไม่ใช่สลิ่ม ลอดช่อง เฉาก๊วย ควายแดงทั้งนั้นแหละ
ตามบัตรประชาชนระบุว่าสัญชาติไทย ไม่มีคำสร้อยต่อท้าย
ประเทศไทยไม่มีคนอยู่แค่สองกลุ่ม โปรดเข้าใจด้วย

หวังว่าคุณสมบัติเราคงเพียงพอ ที่จะออกมาพูด(พิมพ์) นะคะ

อ้อ! อีกนิด... นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อธิบายให้คนที่ไม่เข้าใจฟังมัน... ง่าย กว่าอธิบายให้คนที่ "ไม่เปิดใจ" ฟังเยอะเลย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่