หลวงพระบาง.. อีกหนึ่งเมืองในฝันที่อยากไปมาตั้งนานเเล้ว แต่ยังไปไม่ถึงสักทีเพราะขี้เกียจนั่งรถ มาคราวนี้ฝันเป็นจริงได้ต้องขอบคุณโปรโมชั่นฉลอง 45 ปีบางกอกแอร์เวย์ ทำให้เราเดินทางไป-กลับเพียง 4,805 บาท แต่โปรฯนี้ ติดหน้าฝนและคร่อมวันทำงาน เมื่อชวนเพื่อนไม่มีใครสนใจไป ก็ไม่เป็นไรตัดสินใจจองเลย เดินทาง 12-14 กันยายน 56 3 วัน 2 คืน กำลังดี
ก่อนเดินทางก็ค่อยๆศึกษาหาข้อมูล อาศัยอ่านรีวิวและตั้งกระทู้ถามจากห้องบลูเนี้ยเเหละ ความตั้งใจทริปนี้คือตอนกลางคืนจิบเบียร์ลาวไปดูเต้นบัดสลบ กับตักบาตรในตอนเช้าตามด้วยจิบกาแฟลาว ก่อนเดินทาง 2 วัน ศึกษาวัฒนธรรมประเทศลาวผ่านสะบายดีหลวงพระบาง ดูไปทั้ง 3 ภาคกับพระเอก 3 คน จนแอบเลียนเสียงพูด สำเนียงแบบน้องคำลี่ นางเอกหนังได้ เพลงก็ฟังเพลงลาว วงแซว ว๊าว..ม่วนหลายๆ ชอบวงนี้สุดๆ
เมื่อเดินทางถึงหลวงพระบาง ปรากฎว่าสำเนียงและภาษาพูด ต่างจากในหนังที่ดูเลย ออกจะฟังยากกว่าหน่อย ศัพท์แปลกๆเหมือนคนเวียงจันทน์พูดก็ไม่ได้ยิน ชวนคุยเรื่องดารา-นักร้องลาวเค้าไม่รู้จักกันนะ อ้าว.. เค้ารู้จักแต่ดาราไทย ณเดช ญาญ่างี้ ตอนมาเปิดตัวร้านวุฒิศักดิ์ที่หลวงพระบางคนลาวแห่ไปเต็มเลย สภากาแฟของลาวจะไม่คุยเรื่องการเมืองลาว เพราะพูดไม่ได้ ต้องคุยเรื่องการเมืองไทยแทน อ้อ..เค้าดูประชุมรัฐสภาของไทยด้วย รู้สึกอายจังกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสภาไทยที่ผ่านมา ข่าวพยากรณ์อากาศเค้าก็อาศัยประเมินจากไทยบอกว่าแม่นกว่าพยากรณ์อากาศจากลาว
รีวิวนี้ขอพื้นที่เป็นบันทึกการเดินทางเพื่อเล่าความประทับใจ และเเชร์ข้อมูลที่ได้สัมผัสในการเดินทางไว้เป็นไกค์ไลน์แก่คนที่จะเดินทางไปหลวงพระบางในมุมที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงแล้วกันนะ
วิถีคนลาว: เส้นทางการเดินทางไปน้ำตกตาดกวางสี ระหว่างทางจะพบเห็นเด็กนักเรียนปั่นจักรยานในตอนเที่ยง แอบสงสัยว่าทำไมไปโรงเรียนกันป่านนี้ โรงเรียนที่หลวงพระบางจะพักทานข้าวกลางวันตอนเที่ยง เด็กๆนักเรียนจึงปั่นจักรยานกลับบ้านไปทานข้าวกัน วิถึชีวิตเด็กที่นี่ไม่ได้ปั่นจักรยานถือปิ่นโตไปโรงเรียนเหมือนเด็กต่างจังหวัดแบบบ้านเราหรอก ถ้าสังเกตุจะพบว่าจักรยานของเด็กๆแต่ละคน จะพกมืดพร้ากันด้วย เพราะนักเรียนที่นี่จะต้องช่วยกันดายหญ้าบริเวณข้างทางนั่นเอง ภาพเด็กนักเรียนหญิงผมยาวปั่นจักรยานมือเดียวอีกมือกางร่มก็พบเห็นตลอดทาง สวยงามมาก
การตักบาตรในตอนเช้า เช้าเเรกที่หลวงพระบางออกไปตอน 6.30 น. ปรากฎว่าเค้าตักบาตรกันเสร็จหมดแล้ว ถามคนแถวนั้นบอกว่าพระจะเดินบิณฑบาตรตอน 5.30 น. วันที่สองกลัวพลาดตื่นตั้งแต่ตีห้า นุ่งผ้าซิ่นคาดเข็มขัดรอเลย ไปถึง 5.30 น. บรรยากาศยังมืดเเละเงียบมาก คนเริ่มทะยอยมากันตอนเกือบๆ 6.00 น. เพราะพระมาเวลาประมาณนั้น ชุดอาหารสำหรับตักบาตร ราคา 100 บาท ประกอบด้วย ข้าวเหนียวหนึ่งกระติบ ถาดผลไม้เเละขนมหนึ่งถาด เสื่อรองนั่งหนึ่งผืน และสไบหนึ่งผืน เราไปคนเดียวมีเเถมบริการถ่ายรูปให้ด้วย อิอิ ดีจริง ถนนตรงบริเวณสี่เเยกไปรษณีย์หลวงพระบางส่วนใหญ่เป็นมุมสำหรับนักท่องเที่ยวตักบาตร ถ่ายรูป ภาพสวยบรรยากาศดี แต่ถ้าอยากสัมผัสวิถีชีวิตคนหลวงพระบางจริงๆต้องไปที่บริเวณหน้าตลาดเช้า ตักบาตรเสร็จ พระท่านจะให้พร ชาวบ้านก็กรวดน้ำลงพื้นแบบนี้เลย สาธุ..
ว่าด้วยเรื่องสวยๆงาม: เดินตลาดเช้าที่หลวงพระบาง มาสะดุดกับแม่ค้าสาวเเช่มือแช่เท้า หน้าแผงขายผัก เหมือนกำลังจะทำเล็บ แอบงงเพราะดูไม่ถูกที่ไม่ถูกเวลาเท่าไหร่ เดินไปอีกหน่อย ใช่จริงๆด้วย เค้ามีบริการทำเล็บกันแบบเดลิเวอรี่ถึงแผงขายผักกับแบบนี้เลย oh my god .. แต่ที่สุดยอดกับการสัมผัสเองกะตัว ต้องยกให้เรื่องนี้ การนวดลาว สองวันกับการเที่ยวน้ำตกที่ลาว ต่อด้วยการไปวัดพูสี ด้วยความเมี่อยล้าขาสุดๆ ก่อนจะเดินถนนคนเดินต่อ แวะลองนวดลาวดูสักหน่อย ช่วงนี้ที่หลวงพระบาง ฝนตกทุกเย็น เท้าเราก็เฉอะแฉะตามสภาพ ถึงร้านนวดร้านนี้ บอกเลยนวดลาว 1 ชั่วโมง พนักงานนวดพาขึ้นไปนวดตัวชั้นสอง เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวบนเตียง โดยมีผ้ากั้น แล้วให้นอนรอ เราก็งงเค้าจะล้างเท้าให้เรายังไง ปรากฎว่ามาถึงจับฝ่าเท้านวดมันทั้งอย่างนั้นอ่ะ อุ้ย! อะไรกันนี่ ไม่เป็นไรมือเค้านี่ ถ้าเค้าไม่รังเกียจก็ไม่เป็นไร นวด..นวด..นวด จบคอร์สหนึ่งชั่วโมงที่นวดหัว ห๊า! ใช้มือที่เจ้านวดเท้าเนี้ยนะ เอาน่า.. ตั้งใจมาเรียนรู้ งานนี้เลยไม่บ่น สรุปมือที่ใช้นวดเท้าบัดนี้ได้มานวดหัวแล้ววนๆอยู่บนหน้าผากเราเเล้ว อืม! อย่างน้อยก็คือความสกปรกจากเท้าเราเน๊าะ อย่าคิดต่อเลยว่าก่อนหน้านั้น ทำมาเเล้วกี่คน กลับจากนวดสิวขึ้นหน้าผากเลย เฮ้อ..เซ็ง ค่านวดลาวร้านนี้ 40,000 กีบ เป็นร้านเดียวที่ดักตรงพระธาตุภูสีและถนนคนเดินมั้ง ถ้าใครสนใจนวดลาวแนะนำตรงแถวริมน้ำโขงดีกว่า ปั่นจักรยานไปเจอแถวนั้นมีหลายร้าน ราคาถูกกว่า ประมาณ 30,000 กีบ สรุปได้รู้ว่านวดลาวก็คล้ายๆนวดไทยแต่เบากว่า ไม่มีท่าเยอะท่ายากเหมือนนวดไทยนั่นเอง
กาแฟสองสไตร์: ไฮไลท์ของหลวงพระบาง คือร้านกาแฟสองร้านนี้ ร้านแรกกาแฟลาวโบราณ "ประชานิยม" ไม่ลองไม่ได้ ราคาหลักพันกีบ อีกร้านเป็นร้านกาแฟสมัยใหม่ "joma bakery cafe" ราคาหลักหมื่นกีบ เสียดายวันที่ไปไม่ได้ดื่มกาแฟ เพราะหลวงพระบางไฟดับ เลยได้จิบชาแทน
อาหารชามโต: อาหารที่ลาวถือว่าแพงมาก ถ้าเทียบกับไทย แต่มาถึงหลวงพระบางทั้งที ต้องลองชิมอาหารชามโต 3 อย่างนี้ คือ เฝอ - ข้าวเปียก - ข้าวแรมฟืน แต่เราไม่ได้กินข้าวเเรมฟืนเนื่องจาก ร้านอร่อยแถวๆวัดเชียงทอง ขายเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ไปคราวหน้าค่อยแก้ตัวใหม่ เฝอและข้าวเปียกหน้าตาคล้ายกัน แต่เค้าบอกว่าทำจากเส้นคนละเเบบ เเละน้ำซุปข้าวเปียกจะมีผักบุ้งด้วย น้ำซุปอร่อยไม่ต้องปรุง ชามใหญ่เกิ้น หญิงไทยตัวเล็กไม่เคยจะกินหมด ส่วนอีกชามคือบะหมี่เกี๊ยวเป็ด ร้านนี้เป็นร้านอร่อยสำหรับนักท่องราตรี คนขายเปรี้ยวมาก คนเสริฟหญิงล้วน รสชาติแซบมั๊ก..มาก ราคา 20,000 กีบ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบคแพค จะนิยมร้านนี้ในตรอกตลาด เป็นข้าวแกงบุพเฟ่ ไม่รู้จานเท่าไหร่ แต่ผ่านทีไรคนแน่นซอยเลย
ตระเวนราตรี: อย่างที่บอกตอนแรก หนึ่งความตั้งใจที่จะมาหลวงพระบางคือมาดูเค้าเต้นบัดสลบ แต่เดิมตั้งใจจะไปดาวฟ้า แต่ตั้งกระทู้ถามในห้องบลู ทำให้รู้จักอีกหนึ่งแห่งคือราตรีเมืองซัว ตัดสินใจไปมันทั้งสองที่เลย นัดพี่ไกค์มารับตอนสองทุ่มครึ่ง เป้าหมายที่เเรกคือราตรีเมืองซัว ไปถึงตอน 20.45 น. เด็กหน้าร้านบอกยังไม่มีคน แต่ร้านเปิดเเล้ว เข้าไปเจอเด็กเสริฟนอนรอลูกค้าเต็มเลย ผีจะหลอกไหมเนี้ยไปโต๊ะเเรก สั่งเบียร์ลาวมากิน ขวดละ 20,000 กีบ ประมาณ 21.15 น. เริ่มมีคนทะยอยมา วงดนตรีเล่นตอน 21.30 น. เล่นทั้งเพลงฝรั่ง เพลงลาว เพลงไทย คนก็ออกไปเต้นกัน เห็นชาวฝรั่งเศสเต้นบัดสลบเป็น เลยออกไปบ้าง ก้าวขาไม่ถูกจังหวะเต้นไม่เป็นเลยกลับไปนั่งดูดีกว่า ได้โอกาสจังหวะรำวงธรรมดา เลยโชว์สเต็ปสาวไทยรำวงไปหนึ่งเพลง เย่..เย่.. บรรยากาศเเบบนี้ทำให้คิดถึงเพื่อนขึ้นมาเลย ถ้าเพื่อนมาด้วยคงสนุกเต็มที่ วงดนตรีเล่นประมาณหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็เปิดเพลง เด็กเสริฟทะยอยเช็คบิล เราจึงไปต่อที่ดาวฟ้า บรรยากาศที่ดาวฟ้าคือเธค มีวัยรุ่นเต็มเลย เริ่มเห็นการแต่งตัวเที่ยวกลางคืนของวัยรุ่นที่นี่ ต่างจากราตรีเมืองซัว เจอกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสจากราตรีเมืองซัวมาต่อที่นี่ด้วย กะสั่งเบียร์ลาวมากินต่อ แต่หมด พี่ไกค์เลยสั่ง hineken แบบกระป๋องแทน กระป๋องละ 25,000 กีบ นั่งบนบาร์ชมบรรยากาศไป แกงค์ฝรั่งเศสกลุ่มเดิมถือครองพื้นที่มากที่สุด ดูจะสนุกมาก เพลงที่นี่มีทั้งเพลงไทย เพลงสากล แต่เพลงที่คนร้องตามได้ดังที่สุดก็เพลงไทยเพลงนี้ ... ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากหัวใจ
[CR] Unseen หลวงพระบาง: ลุยเดี่ยวไม่เดียวดาย
ก่อนเดินทางก็ค่อยๆศึกษาหาข้อมูล อาศัยอ่านรีวิวและตั้งกระทู้ถามจากห้องบลูเนี้ยเเหละ ความตั้งใจทริปนี้คือตอนกลางคืนจิบเบียร์ลาวไปดูเต้นบัดสลบ กับตักบาตรในตอนเช้าตามด้วยจิบกาแฟลาว ก่อนเดินทาง 2 วัน ศึกษาวัฒนธรรมประเทศลาวผ่านสะบายดีหลวงพระบาง ดูไปทั้ง 3 ภาคกับพระเอก 3 คน จนแอบเลียนเสียงพูด สำเนียงแบบน้องคำลี่ นางเอกหนังได้ เพลงก็ฟังเพลงลาว วงแซว ว๊าว..ม่วนหลายๆ ชอบวงนี้สุดๆ
เมื่อเดินทางถึงหลวงพระบาง ปรากฎว่าสำเนียงและภาษาพูด ต่างจากในหนังที่ดูเลย ออกจะฟังยากกว่าหน่อย ศัพท์แปลกๆเหมือนคนเวียงจันทน์พูดก็ไม่ได้ยิน ชวนคุยเรื่องดารา-นักร้องลาวเค้าไม่รู้จักกันนะ อ้าว.. เค้ารู้จักแต่ดาราไทย ณเดช ญาญ่างี้ ตอนมาเปิดตัวร้านวุฒิศักดิ์ที่หลวงพระบางคนลาวแห่ไปเต็มเลย สภากาแฟของลาวจะไม่คุยเรื่องการเมืองลาว เพราะพูดไม่ได้ ต้องคุยเรื่องการเมืองไทยแทน อ้อ..เค้าดูประชุมรัฐสภาของไทยด้วย รู้สึกอายจังกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสภาไทยที่ผ่านมา ข่าวพยากรณ์อากาศเค้าก็อาศัยประเมินจากไทยบอกว่าแม่นกว่าพยากรณ์อากาศจากลาว
รีวิวนี้ขอพื้นที่เป็นบันทึกการเดินทางเพื่อเล่าความประทับใจ และเเชร์ข้อมูลที่ได้สัมผัสในการเดินทางไว้เป็นไกค์ไลน์แก่คนที่จะเดินทางไปหลวงพระบางในมุมที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงแล้วกันนะ
วิถีคนลาว: เส้นทางการเดินทางไปน้ำตกตาดกวางสี ระหว่างทางจะพบเห็นเด็กนักเรียนปั่นจักรยานในตอนเที่ยง แอบสงสัยว่าทำไมไปโรงเรียนกันป่านนี้ โรงเรียนที่หลวงพระบางจะพักทานข้าวกลางวันตอนเที่ยง เด็กๆนักเรียนจึงปั่นจักรยานกลับบ้านไปทานข้าวกัน วิถึชีวิตเด็กที่นี่ไม่ได้ปั่นจักรยานถือปิ่นโตไปโรงเรียนเหมือนเด็กต่างจังหวัดแบบบ้านเราหรอก ถ้าสังเกตุจะพบว่าจักรยานของเด็กๆแต่ละคน จะพกมืดพร้ากันด้วย เพราะนักเรียนที่นี่จะต้องช่วยกันดายหญ้าบริเวณข้างทางนั่นเอง ภาพเด็กนักเรียนหญิงผมยาวปั่นจักรยานมือเดียวอีกมือกางร่มก็พบเห็นตลอดทาง สวยงามมาก
การตักบาตรในตอนเช้า เช้าเเรกที่หลวงพระบางออกไปตอน 6.30 น. ปรากฎว่าเค้าตักบาตรกันเสร็จหมดแล้ว ถามคนแถวนั้นบอกว่าพระจะเดินบิณฑบาตรตอน 5.30 น. วันที่สองกลัวพลาดตื่นตั้งแต่ตีห้า นุ่งผ้าซิ่นคาดเข็มขัดรอเลย ไปถึง 5.30 น. บรรยากาศยังมืดเเละเงียบมาก คนเริ่มทะยอยมากันตอนเกือบๆ 6.00 น. เพราะพระมาเวลาประมาณนั้น ชุดอาหารสำหรับตักบาตร ราคา 100 บาท ประกอบด้วย ข้าวเหนียวหนึ่งกระติบ ถาดผลไม้เเละขนมหนึ่งถาด เสื่อรองนั่งหนึ่งผืน และสไบหนึ่งผืน เราไปคนเดียวมีเเถมบริการถ่ายรูปให้ด้วย อิอิ ดีจริง ถนนตรงบริเวณสี่เเยกไปรษณีย์หลวงพระบางส่วนใหญ่เป็นมุมสำหรับนักท่องเที่ยวตักบาตร ถ่ายรูป ภาพสวยบรรยากาศดี แต่ถ้าอยากสัมผัสวิถีชีวิตคนหลวงพระบางจริงๆต้องไปที่บริเวณหน้าตลาดเช้า ตักบาตรเสร็จ พระท่านจะให้พร ชาวบ้านก็กรวดน้ำลงพื้นแบบนี้เลย สาธุ..
ว่าด้วยเรื่องสวยๆงาม: เดินตลาดเช้าที่หลวงพระบาง มาสะดุดกับแม่ค้าสาวเเช่มือแช่เท้า หน้าแผงขายผัก เหมือนกำลังจะทำเล็บ แอบงงเพราะดูไม่ถูกที่ไม่ถูกเวลาเท่าไหร่ เดินไปอีกหน่อย ใช่จริงๆด้วย เค้ามีบริการทำเล็บกันแบบเดลิเวอรี่ถึงแผงขายผักกับแบบนี้เลย oh my god .. แต่ที่สุดยอดกับการสัมผัสเองกะตัว ต้องยกให้เรื่องนี้ การนวดลาว สองวันกับการเที่ยวน้ำตกที่ลาว ต่อด้วยการไปวัดพูสี ด้วยความเมี่อยล้าขาสุดๆ ก่อนจะเดินถนนคนเดินต่อ แวะลองนวดลาวดูสักหน่อย ช่วงนี้ที่หลวงพระบาง ฝนตกทุกเย็น เท้าเราก็เฉอะแฉะตามสภาพ ถึงร้านนวดร้านนี้ บอกเลยนวดลาว 1 ชั่วโมง พนักงานนวดพาขึ้นไปนวดตัวชั้นสอง เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวบนเตียง โดยมีผ้ากั้น แล้วให้นอนรอ เราก็งงเค้าจะล้างเท้าให้เรายังไง ปรากฎว่ามาถึงจับฝ่าเท้านวดมันทั้งอย่างนั้นอ่ะ อุ้ย! อะไรกันนี่ ไม่เป็นไรมือเค้านี่ ถ้าเค้าไม่รังเกียจก็ไม่เป็นไร นวด..นวด..นวด จบคอร์สหนึ่งชั่วโมงที่นวดหัว ห๊า! ใช้มือที่เจ้านวดเท้าเนี้ยนะ เอาน่า.. ตั้งใจมาเรียนรู้ งานนี้เลยไม่บ่น สรุปมือที่ใช้นวดเท้าบัดนี้ได้มานวดหัวแล้ววนๆอยู่บนหน้าผากเราเเล้ว อืม! อย่างน้อยก็คือความสกปรกจากเท้าเราเน๊าะ อย่าคิดต่อเลยว่าก่อนหน้านั้น ทำมาเเล้วกี่คน กลับจากนวดสิวขึ้นหน้าผากเลย เฮ้อ..เซ็ง ค่านวดลาวร้านนี้ 40,000 กีบ เป็นร้านเดียวที่ดักตรงพระธาตุภูสีและถนนคนเดินมั้ง ถ้าใครสนใจนวดลาวแนะนำตรงแถวริมน้ำโขงดีกว่า ปั่นจักรยานไปเจอแถวนั้นมีหลายร้าน ราคาถูกกว่า ประมาณ 30,000 กีบ สรุปได้รู้ว่านวดลาวก็คล้ายๆนวดไทยแต่เบากว่า ไม่มีท่าเยอะท่ายากเหมือนนวดไทยนั่นเอง
กาแฟสองสไตร์: ไฮไลท์ของหลวงพระบาง คือร้านกาแฟสองร้านนี้ ร้านแรกกาแฟลาวโบราณ "ประชานิยม" ไม่ลองไม่ได้ ราคาหลักพันกีบ อีกร้านเป็นร้านกาแฟสมัยใหม่ "joma bakery cafe" ราคาหลักหมื่นกีบ เสียดายวันที่ไปไม่ได้ดื่มกาแฟ เพราะหลวงพระบางไฟดับ เลยได้จิบชาแทน
อาหารชามโต: อาหารที่ลาวถือว่าแพงมาก ถ้าเทียบกับไทย แต่มาถึงหลวงพระบางทั้งที ต้องลองชิมอาหารชามโต 3 อย่างนี้ คือ เฝอ - ข้าวเปียก - ข้าวแรมฟืน แต่เราไม่ได้กินข้าวเเรมฟืนเนื่องจาก ร้านอร่อยแถวๆวัดเชียงทอง ขายเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ไปคราวหน้าค่อยแก้ตัวใหม่ เฝอและข้าวเปียกหน้าตาคล้ายกัน แต่เค้าบอกว่าทำจากเส้นคนละเเบบ เเละน้ำซุปข้าวเปียกจะมีผักบุ้งด้วย น้ำซุปอร่อยไม่ต้องปรุง ชามใหญ่เกิ้น หญิงไทยตัวเล็กไม่เคยจะกินหมด ส่วนอีกชามคือบะหมี่เกี๊ยวเป็ด ร้านนี้เป็นร้านอร่อยสำหรับนักท่องราตรี คนขายเปรี้ยวมาก คนเสริฟหญิงล้วน รสชาติแซบมั๊ก..มาก ราคา 20,000 กีบ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบคแพค จะนิยมร้านนี้ในตรอกตลาด เป็นข้าวแกงบุพเฟ่ ไม่รู้จานเท่าไหร่ แต่ผ่านทีไรคนแน่นซอยเลย
ตระเวนราตรี: อย่างที่บอกตอนแรก หนึ่งความตั้งใจที่จะมาหลวงพระบางคือมาดูเค้าเต้นบัดสลบ แต่เดิมตั้งใจจะไปดาวฟ้า แต่ตั้งกระทู้ถามในห้องบลู ทำให้รู้จักอีกหนึ่งแห่งคือราตรีเมืองซัว ตัดสินใจไปมันทั้งสองที่เลย นัดพี่ไกค์มารับตอนสองทุ่มครึ่ง เป้าหมายที่เเรกคือราตรีเมืองซัว ไปถึงตอน 20.45 น. เด็กหน้าร้านบอกยังไม่มีคน แต่ร้านเปิดเเล้ว เข้าไปเจอเด็กเสริฟนอนรอลูกค้าเต็มเลย ผีจะหลอกไหมเนี้ยไปโต๊ะเเรก สั่งเบียร์ลาวมากิน ขวดละ 20,000 กีบ ประมาณ 21.15 น. เริ่มมีคนทะยอยมา วงดนตรีเล่นตอน 21.30 น. เล่นทั้งเพลงฝรั่ง เพลงลาว เพลงไทย คนก็ออกไปเต้นกัน เห็นชาวฝรั่งเศสเต้นบัดสลบเป็น เลยออกไปบ้าง ก้าวขาไม่ถูกจังหวะเต้นไม่เป็นเลยกลับไปนั่งดูดีกว่า ได้โอกาสจังหวะรำวงธรรมดา เลยโชว์สเต็ปสาวไทยรำวงไปหนึ่งเพลง เย่..เย่.. บรรยากาศเเบบนี้ทำให้คิดถึงเพื่อนขึ้นมาเลย ถ้าเพื่อนมาด้วยคงสนุกเต็มที่ วงดนตรีเล่นประมาณหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็เปิดเพลง เด็กเสริฟทะยอยเช็คบิล เราจึงไปต่อที่ดาวฟ้า บรรยากาศที่ดาวฟ้าคือเธค มีวัยรุ่นเต็มเลย เริ่มเห็นการแต่งตัวเที่ยวกลางคืนของวัยรุ่นที่นี่ ต่างจากราตรีเมืองซัว เจอกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสจากราตรีเมืองซัวมาต่อที่นี่ด้วย กะสั่งเบียร์ลาวมากินต่อ แต่หมด พี่ไกค์เลยสั่ง hineken แบบกระป๋องแทน กระป๋องละ 25,000 กีบ นั่งบนบาร์ชมบรรยากาศไป แกงค์ฝรั่งเศสกลุ่มเดิมถือครองพื้นที่มากที่สุด ดูจะสนุกมาก เพลงที่นี่มีทั้งเพลงไทย เพลงสากล แต่เพลงที่คนร้องตามได้ดังที่สุดก็เพลงไทยเพลงนี้ ... ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากหัวใจ