วันธรรมดาผมไม่ได้อยู่บ้าน ได้แต่นั่งอ่านมาม่าเรื่องเครื่องแบบ มธ. เห็นแล้วมันคันมือมากๆ

พวก Liberal แ-ง ก็ย้อนจังเลย ว่าทำไมรามคำแหงไม่แต่งเครื่องแบบ

กลับมาบ้าน เลยขอเอาประวัติและจุดประสงค์ของ ม.รามคำแหง มาแปะละกัน

---------------------------

2. เหตุผลที่ตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหง

มีสาเหตุมาจากปัญหาการขาดแคลนที่เรียนในระดับอุดมศึกษาของประเทศไทย เพราะมหาวิทยาลัยต่างๆ มีสถานที่เรียนจำกัด ไม่สามารถรับผู้ที่จะเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาได้ทั้งหมด จึงมีผู้ที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาแล้วไม่มีโอกาสได้ศึกษาต่อ ดังนั้นรัฐจึงจำเป็นต้องจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหงขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลที่ประสงค์จะเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้เข้ารับการศึกษาอย่างทั่วถึง เพื่อเพิ่มพูนวิทยฐานะแก่ผู้ประกอบอาชีพและขยายโอกาสทางการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพของประชาชนทั่วไป

ที่มา :

http://www.ru.ac.th/university/history.html

------------------------------------

กรุณาอ่านตัวหนาที่ขีดเส้นใต้ไว้ นั่นคือสาเหตุว่าทำไมรามคำแหงไม่บังคับแต่งเครื่องแบบ แม้กระทั่งวันสอบ ( แต่ต้องแต่งกายให้สุภาพ )

จุดประสงค์ของรามคำแหง เป็น "มหา'ลัยเปิด" ไม่ต้องสอบเข้า ไม่ต้องเข้าชั้นเรียน ( มาสอบอย่างเดียว ) เพื่อให้คนที่ต้องทำงานตั้งแต่ยังไม่มีวุฒิ ป.ตรี สามารถเรียนต่อได้ โดยไม่รบกวนเวลาทำงานมากนัก

( ม.ปิดอื่นๆ ที่สอบเข้า มีที่ไหนไ่ม่ต้องเข้าเรียนบ้างไหม? )

เมื่อจุดประสงค์แต่แรก เขาไม่ได้ต้องการรับ นศ. ที่เน้นเรียนอย่างเดียว พ่อแม่ส่งเสียให้ ไม่ต้องไปทำงานหารายได้ส่งตัวเอง แต่เขาต้องการ ช่วยให้คนยากจนที่ต้องทำงานได้เรียนต่อ

เพราะสมัยก่อนใครจบ มศ.3 ( ม.3 ) หรือ มศ.5 - ปวช. ( ม.6 ) นี่คือว่าสูงมากแล้ว โดยมากไม่มีพ่อแม่ชนชั้นรากหญ้าคนไหนส่งให้เรียนมากกว่านี้แล้วครับ ยิ่งสมัยก่อนมีลูกกันมาก พี่ต้องออกจาก ร.ร. มาทำงานส่งน้องเรียน ก็ได้ กศน. กับรามคำแหงนี่แหละ ทำให้คนกลุ่มนี้สามารถจบ ป.ตรีได้ ถึงจะช้ากว่าเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันก็ตาม

ใครเรียนรามฯ จะรู้ดี พอวันสอบ คนที่มาสอบมีตั้งแต่หนุ่มๆ สาวๆ หน้าใสๆ ไปยันลุงๆ ป้าๆ 40 50 แล้วก็ยังมาสอบกัน ( มั่นใจว่าภาพแบบนี้ไม่มีใน ม.ปิดแน่ๆ นอกจากรามฯ แล้ว ที่เป็นลักษณะนี้คงมีแต่ มสธ. เท่านั้น เพราะเกิดมาด้วยจุดประสงค์เดียวกัน )

เมื่อคนทำงานแล้ว การจะต้องแต่งเครื่องแบบมาสอบ บางทีมันสิ้นเปลืองเวลาและไม่สะดวก

( ผมนี่แหละทำประจำ ถ้าสอบรอบเช้า ก็ลางานแค่ตอนเช้า สอบเสร็จกลับไปทำงานได้เลย ไม่ต้องแวะไปเปลี่ยนชุดที่บ้าน )

ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนับสนุนให้แต่งเครื่องแบบ ทุกอย่างมีเหตุของเขาถึงไม่สามารถบังคับให้แต่งเครื่องแบบได้เหมือน ม.อื่นๆ

ปล.ขอบ่นหน่อยนะครับ จากศิษย์เก่ารหัส 47 ( ส่วนใบที่ 2 กำลังคิดอยู่ว่าจะลาออกดีไหม? งานเยอะมาก ลาลำบาก กลัวมีปัญหาครับ )

ปล.2 ฝากกลอนที่อธิการ มธ. แกเหน็บพวก Liberal ซะหน่อย

“ศ.ดร.สมคิด” ร่ายกลอนเตือนใจชาวธรรมศาสตร์ ระบุเสรีภาพถูกนำมาอ้างเพื่อทำตามใจกู การต่อสู้เพื่อสังคมเหลือเป็นเพียงตำนาน นักศึกษาไม่มีสำนึกถึงปัญหาสาธารณะ แข่งกันเกรียนแล้วคิดว่าเป็นสิ่งที่ล้ำหน้า คาดอธิการฯ ต้องการสื่อความหมายถึงกลุ่มนักศึกษาที่คัดค้านการแต่งเครื่องแบบ
       
       วันนี้ (12 ส.ค.) ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์กลอนผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว “Somkit Lertpaithoon” ว่า
       
       “เสรีภาพ ทุกตารางนิ้ว ในแดนธรรม
       ถูกฉกฉวย วาทกรรม นำมาอ้าง
       เสรีภาพ สุดสนุก ทุกตาราง
       คือทุกอย่าง ต้องทำได้ ตามใจ GU ( ใช้ภาษาเกะนะครับ จะได้ผ่าน censor )
       
       ประวัติโดม ต่อสู้ เพื่อผู้อื่น
       ค่อยหายกลืน กับคืนวัน ที่ผันผ่าน
       รักมวลชน ห่วงสังคม อุดมการณ์
       เหลือแต่เพียง ตำนาน เล่าขานมา
       
       ปัญหา สาธารณะ ประเทศไทน
       เลือนหายไป จากสำนึก นักศึกษา
       เน้นที่แปลก แหวกแรง แข่งลีลา
       ใครเกรียนกว่า ถือว่าล้ำ นำสังคม”
       
       ทั้งนี้ คาดกันว่ากลอนดังกล่าว ศ.ดร.สมคิดต้องการสื่อความหมายไปยังกลุ่มนักศึกษาที่รณรงค์คัดค้านเรื่องการแต่งชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ที่มีการจัดทำโปสเตอร์ซึ่งเป็นภาพไม่เหมาะสม จนเกิดเป็นกระแสที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคมออนไลน์

ที่มา : http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000115381