17 กันยายน 2556
กรณีที่เป็นข่าวอยู่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ คงไม่พ้นประเด็นเรื่องของเครื่องแบบนักศึกษานะครับ มันมีหลายอย่างที่ทำให้ผมได้ฉุกคิดและตั้งคำถามกับใครหลายๆคนรอบข้าง กระทู้นี้พาดพิงถึงคุณศาสตราจารย์โยดา (Prof. Yoda) ด้วยความเคารพในบางประเด็นนะครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้นะครับว่าศาสตราจารย์นั้นสังกัดอยู่สำนักไหน ผมได้แต่หวังอยู่ในใจอย่างลึกๆว่าขออย่าให้เป็น "สำนักนั้นธรรมศาสตร์และการเมือง" เพราะผมเกรงว่าความคิดแบบศาสตราจารย์นี้ คงจะขัดกับความตั้งใจของผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัยที่ต้องการให้ "การตั้งสถานศึกษา ตามลักษณะมหาวิทยาลัย ย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์และเป็นปัจจัย ในการแสดงความก้าวหน้าของประเทศ" ซึ่งความคิดแบบนี้ผมเองยังไม่แน่ใจนักว่าจะแสดงถึงความก้าวหน้าของประเทศได้หรือไม่ ถ้าเราไม่ปล่อยให้นักเรียน-นักศึกษาได้ตั้งคำถาม
Liberal ที่มีคุณธรรมอ่ะนะ คือ ใครอยากทำอะไรทำ แต่ต้องไม่พาดพิง ไม่โจมตี ไม่เบียดเบียน ใดใดทั้งนั้น
ให้ Liberal มันส่องประกายด้วยตัวมันเอง ให้คนในสังคม เกิดความเลื่อมใสในแนวคิด และการกระทำของมันเอง
ผมมีความเห็นแย้งกับศาสตราจารย์นิดหนึ่งครับ ผมอาจจะไม่ได้มีความรู้ด้านปรัชญาลัทธิการเมืองอย่างลึกซึ้งนัก ผิดถูกอย่างไรรบกวนชี้แนะด้วยครับ ที่ผมเคยอ่านพบมานะครับ "หลักการเบื้องต้นของแนวความคิดแบบเสรีนิยม เรียกร้องว่า การจำกัดเสรีภาพส่วนบุคคลที่ทุกคนจำเป็นต้องยอมรับเพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมนั้นจะต้องมีอยู่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” (ตามที่คาร์ล ป็อปเปอร์ ได้กล่าไว้) คำถามคือ ขอบเขตของเสรีภาพมีมากน้อยเพียงใด เราจะควบคุมไม่ให้คนใช้เสรีภาพจนเกินขอบเขตได้ด้วยวิธีใด ในกรณีนี้พูดถึงเรื่องเครื่องแบบนะครับ
ในเมื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่ได้มีกฎไว้ชัดเจนนี่ครับว่าต้องแต่งชุดนักศึกษา ดังนั้น การแต่งชุดนักศึกษาจึงไม่ใช่ "อัตลักษณ์" ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การกระทำนี้จึงไม่ได้เป็น
"การสนองอุดมการณ์ของตนเอง โดยทำลายอัตลักษณ์ของคนอื่น"การกระทำของอั้มจึงไม่ใช่อาชญากรรม ใครอยากจะคิดว่าการที่ตัวเองแต่งชุดนักศึกษามาเรียนเป็นอัตลักษณ์ของฉันก็ไม่เป็นไรครับ คุณมีสิทธิ แต่ถ้าอั้มจะไม่อยากแต่งชุดนักศึกษามาเรียนก็ย่อมมีสิทธิเหมือนกันครับ ณ เวลานี้ผมยังไม่เห็นใครจะออกมากรีดร้องโวยวายจะเป็นจะตายออกมาพูดมา "กรี๊ดดด Eอั้ม Eเลว แกทำสิ่งที่พวกเราสั่งสมความดีงามกันมา" สั่งสมกันเข้าไปเถอะครับ ความคิดที่อยู่ในกะลา ไม่ปล่อยให้คนรู้จักตั้งคำถาม สุดท้ายแล้วคุณก็จะดำเนินชีวิตไปในสายพานของกรอบสังคม เป็นเครื่องจักรที่ปราศจากการตั้งคำถามแม้แต่กับเรื่องที่มันกระทบต่อเสรีภาพของตนเอง เพราะเกรงและกลัวว่าการตั้งคำถามนั้นตัวเองอาจจะกลายเป็นอาชญากรทางความคิด โชคร้ายหน่อยที่สังคมไทยเรามีคนที่พร้อมที่จะยินดีตรวจสอบผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา
หยุดด่าอั้มเถอะครับ ถ้าคุณยังทำพฤติกรรมดังกล่าวนี้
- จิ้มไอโฟน/มืถือระหว่างที่อาจารย์สอน
- แต่งหน้าระหว่างที่อาจารย์สอน
- กินขนมระหว่างที่อาจารย์สอน
- จีบสาว/จีบหนุ่ม กันระหว่างที่อาจารย์สอน
- คุยกันระหว่างที่อาจารย์สอน
- นินทาอาจารย์
ฯลฯ
ถ้าคุณทำพฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นก็หยุดด่าอั้มเถอะครับ อาจารย์ที่ผมรู้จักบางท่านก็ไม่มาคิดเรื่องการแต่งกายของนักศึกษาให้รกสมองรบกวนการสอนกันครับ คุณจะแต่งกายอะไรไม่สำคัญ การเรียนในระดับมหาวิทยาลัยคุณต้องใส่ใจในการเรียนอย่างตั้งใจและคิดต่อยอดในสิ่งที่อาจารย์สอน ตรงไหนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างไม่เห็นด้วยกับอาจารย์ให้เถียง กลับไปค้นคว้ามาเพื่อคอยจับผิดอาจารย์ การเคารพผู้สอนไม่เกี่ยวกับการแต่งกาย แต่เป็นการไม่คุยกันในห้องเรียน การคุยกันยังเป็นการละเมิดสิทธิของนักศึกษาคนอื่นๆ เพราะเป็นการรบกวนการเรียนของทุกคนในห้อง มหาวิทยาลัย(ทุกแห่งหรือเปล่า เวลานี้ผมเองก็ชักจะไม่แน่ใจแล้ว)ไม่ได้ต้องการคนหัวอ่อน ว่านอนสอนง่าย คนเช่นนั้นไม่สามารถจบออกไปเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพในสังคมไทยได้ เราต้องการคนที่กล้าคิด กล้าวิพากษ์ กล้าวิจารณ์ตั้งคำถามกับสิ่งต่างๆ
เด็กๆ สมัยนี้น่ะเหรอ.... ฉลาดน้อย แต่พูดมาก!!!!!!!!!!!!!!!
แถมการพูดมากนั้น ก็ไม่ได้นำพาความดีงาม ความเลื่อมใสใดใด แถมสร้างความเกลียดชังในสังคม ซะงั้น - มันไม่ได้เป็นการพูดมากที่ไม่สร้างสรรค์ อย่างน้อยมันก็ทำให้เกิดการตั้งคำถามกับสังคมว่าต่อไปสังคมควรไปในทิศทางใด บางคนจนอายุเข้าวัยกลางคนแล้วด้วยซ้ำ แต่ไม่เคยตั้งคำถามกับอะไรๆเลยในสังคม การกระทำนี้อาจจะเป็นการฉุดใครสักคนที่เขายังอยู่ในความมืดบอดให้ลุกขึ้นมา
แต่เด็กบางคนสมัยนี้ คือจะเก่ง กันแล้ว????? โดยที่แทบจะไม่ได้เรียนรู้ อะไรจากสถานศึกษากันเลย
บางคนอยู่แค่มอสี่ บางคนอยู่ปีสอง ก็ตั้งหน้าตั้งหน้าโจมตี เสียดสี ระบบของสังคมหมู่มากกันใหญ่
พ่อแม่ส่งให้มาเรียนรู้เพิ่มพูนทักษะกันนะ แต่นี่เอาแต่อวดเก่งก่อนรู้ เพื่อ????? นี่แหละครับคือความกล้าที่จะท้าทายกับระบบการศึกษา อย่าพูดว่าพวกเขาไม่ได้เรียนรู้ เขารู้จักที่จะหาความรู้ภายนอกห้องเรียนมาคิดต่อ ก็ในเมื่อการสอนในห้องเรียนมันคงไม่พอเสียแล้ว และเพราะเกรงว่าตนเองจะถูกสอนให้กลายเป็นคนไม่รู้จักคิดไปมากกว่านี้โดยที่ระบบการศึกษามักจะยัดเยียดระบบ/ระเบียบ/แบบแผน/ความคิดด้านเดียวให้กับเด็ก เพราะนั่นคือสิ่งที่ผู้ปกครองกระทำแล้วมั่นใจได้ว่าผู้ที่อยู่ใต้การปกครองของตนจะกลายเป็นพลเมืองที่เชื่องๆควบคุมได้ง่าย จะมีประโยชน์อะไรครับ ถ้าเรายังบอกกับตัวเองว่าเรารักษาเครื่องแบบอันดีงามไว้เพื่อบ่งบอกถึงคุณธรรมอันดีงามของเรา ในขณะที่ประเทศไทยมีสถิติการท้องในวัยเรียนที่สูงกว่าประเทศที่ยกเลิกเครื่องแบบไปหลายสิบปีแล้ว
พวกคุณกล้าพูดกล้าคิด แต่ เป้าหมายและเนื้อหา ไม่บรรลุผลใดใด ไม่ขับเคลื่อนใดใดต่อสังคม...........
แถมสังคมก็หมั่นไส้ ในความอวดฉลาดก่อนที่จะเรียนรู้ของพวกคุณ การไม่ตั้งคำถามใดๆเลย อาจนำมาซึ่งการพิการทางความคิด อั้มหรือเนติวิทย์ถือได้ว่ามีความคิดก้าวหน้ากว่าใครหลายๆคน อย่างน้อยพวกเขาก็ยังกล้าที่จะตั้งคำถามถึงสถานะและบทบาทของสถาบันกษัตริย์ในสังคมไทย ซึ่งเป็นประเด็นที่ไม่อยากให้พูดถึงในกระทู้นี้ เพราะอยู่นอกประเด็นเรื่องเครื่องแบบ ผมเชื่อว่าการตั้งคำถามนั้นช่วยให้คนฉลาดขึ้นได้ เพราะเมื่อเราคิดได้คิดเป็น เราจะมีความกระหายที่จะแสวงหาความรู้ไปเรื่อยๆ - ผมยอมรับว่าถ้าผมมีลุกอย่างอั้มผมดีใจมาก และจะคอยดูแลเขาอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ เพราะเขาได้กลายเป็นผู้ที่กล้าท้าทายกับสิ่งที่ผมไม่เคยที่จะตั้งคำถามในวัยเรียนมัธยมแม้แต่น้อย
จริงอยู่สังคมจะมีคนที่ฉลาดกว่าพวกอั้ม
แต่ผมก็มั่นใจว่า คนที่ฉลาดกว่าอั้ม มีความก้าวหน้าทางหน้าที่การงานทางสังคมหลายๆคน ก็ยังไม่รู้จักที่จะตั้งคำถามในบางเรื่องที่จำกัดเสรีภาพของตนเอง
จริงอยู่ที่ผู้ใหญ่ในสังคมจะมีคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลกว่าอั้ม
แต่ผมก็มั่นใจว่า อั้มก็จะโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลเช่นกัน
จริงอยู่ที่สังคมจะมีคนที่ Liberal กว่าพวกอั้ม
แต่ผมก็มั่นใจว่า อั้มจะใช้ชีวิตอยู่ในสังคม Liberal ที่มีพวก Conservative อยู่รายล้อมได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
คุณศาสตราจารย์โยดาบอกกับอั้มว่า
ตั้งแง่ดูถูก คนเห็นต่างนั้นว่า ดักดาน กะลาครอบ... ผมคิดว่าการกระทำของอั้มคงไม่ได้เป็นการดูถูก อาจจะเป็นการตบหน้าผู้ใหญ่บางคนเสียด้วยซ้ำว่าช่วงเวลาวัยเด็กแห่งการเรียนรู้ของเราทำไมเราถึงไม่ทำแบบนี้บ้าง ยังไม่สายที่จะคิดนะครับ
ไม่เคยคิดรับฟังความเห็นผู้อื่น... ผมไม่คิดว่าอั้มจะเป็นคนที่ไม่ฟังความคิดเห็นของคนอื่น ศาสตราจารย์อยากดีเบตกับอั้มหรือเปล่าครับ ผมว่าถ้ามีพื้นที่อั้มก็คงยินดี ก็ในเมื่ออั้มแสดงตัวออกมาขนาดนี้แล้ว คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักที่เธอจะโต้แย้งกับคนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างจากเธอ
ปิดกั้นและบิดเบือน "เจตจำนงอันเสรี" ของคนหมู่มาก... เจตจำนงอันเสรีของคนหมู่มากคืออะไรครับ คือการได้ใส่ชุดนักศึกษาน่ะเหรอครับ ผมชักจะไม่แน่ใจว่ามันใช่ อาจจะมีคนเงียบๆและไม่กล้าที่จะแสดงตัวว่า "ฉันไม่อยากใส่ชุดนักศึกษาเลยว่ะ"
ตีตราเหยียดคนที่เห็นต่าง ด้วยวาทกรรมทางเพศและประเวณี... ในประเด็นนี้ ผมถือว่าคุณคือคนที่เหก็นต่างกับอั้ม คุณบอกว่าอั้ม"ตีตราเหยียดคนที่เห็นต่าง ด้วยวาทกรรมทางเพศ..." ซึ่งจากลักษณะที่คุณเขียนมาทั้งหมดคุณเองก็ใช้การ "ตีตราเหยียดคนที่เห็นต่าง ด้วยวาทกรรมทางเพศ" เช่นกัน โดยการใช้คำว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้"กะเทย" ซึ่งทั้งที่คุณอาจจะเลี่ยงไปใช้คำอื่นก็ได้ ผมไม่รู้ว่าคำนี้มีปัญหากับกลุ่มคนเหล่านี้หรือไม่ แต่คิดว่าคงมีปัญหา ในหมู่คน/ประเทศที่มีความก้าวหน้าทางการศึกษาและความคิดแล้วประเด็นเรื่องเพศทางเลือกได้รับการยอมรับมาหลายสิบปีแล้ว การเขียนข้อความของศาสตราจารย์เป็นการจงใจใช้วาทกรรมเหยียดเพศ โดยใช้การเน้นย้ำเพศสภาพที่อั้มเป็นในกระทู้ เข้าทำนองว่าคนอื่นแต่ตนเองก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน
สุดท้ายหลายๆคนก็เป็นแค่ "นักเผด็จการทางความคิด" ที่ดูถูกคนที่คิดต่างเรื่องในเครื่องแบบว่าเป็น "พวกที่อยู่นอกคอกของคนหมู่มากในสังคม" ผมเองก็ยินดีที่จะออกไปอยู่นอกคอก ไม่ต้องเดินตามการนำของจ่าฝูงอย่างหมอบๆเชื่องๆ หวังว่าการเดินทางวันหนึ่งของผมจะเจอคนที่ออกจากคอกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเองบ้าง อย่างน้อยผมก็ยังมีเพื่อน !
หวังว่ากระทู้นี้คงไม่โดน
"กระทู้นี้ถูกลบโดยระบบอัตโนมัติทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาบรรยากาศการสนทนา ของเพื่อนสมาชิกโดยรวมค่ะ"
ฝากไว้ใครใครหลายๆคนได้ลองคิดดูครับ แต่ยอมรับครับว่าคนเราคิดต่างกันได้
จาก อดีตเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่เคยกล้าที่จะตั้งคำถามกับอะไรเลยในวัยมัธยม
จดหมายถึง Prof.Yoda และผู้ที่คอยตรวจสอบศีลธรรมของผู้อื่น กรณีเรื่องเครื่องแบบนักศึกษาครับ
กรณีที่เป็นข่าวอยู่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ คงไม่พ้นประเด็นเรื่องของเครื่องแบบนักศึกษานะครับ มันมีหลายอย่างที่ทำให้ผมได้ฉุกคิดและตั้งคำถามกับใครหลายๆคนรอบข้าง กระทู้นี้พาดพิงถึงคุณศาสตราจารย์โยดา (Prof. Yoda) ด้วยความเคารพในบางประเด็นนะครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้นะครับว่าศาสตราจารย์นั้นสังกัดอยู่สำนักไหน ผมได้แต่หวังอยู่ในใจอย่างลึกๆว่าขออย่าให้เป็น "สำนักนั้นธรรมศาสตร์และการเมือง" เพราะผมเกรงว่าความคิดแบบศาสตราจารย์นี้ คงจะขัดกับความตั้งใจของผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัยที่ต้องการให้ "การตั้งสถานศึกษา ตามลักษณะมหาวิทยาลัย ย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์และเป็นปัจจัย ในการแสดงความก้าวหน้าของประเทศ" ซึ่งความคิดแบบนี้ผมเองยังไม่แน่ใจนักว่าจะแสดงถึงความก้าวหน้าของประเทศได้หรือไม่ ถ้าเราไม่ปล่อยให้นักเรียน-นักศึกษาได้ตั้งคำถาม
Liberal ที่มีคุณธรรมอ่ะนะ คือ ใครอยากทำอะไรทำ แต่ต้องไม่พาดพิง ไม่โจมตี ไม่เบียดเบียน ใดใดทั้งนั้น
ให้ Liberal มันส่องประกายด้วยตัวมันเอง ให้คนในสังคม เกิดความเลื่อมใสในแนวคิด และการกระทำของมันเอง
ผมมีความเห็นแย้งกับศาสตราจารย์นิดหนึ่งครับ ผมอาจจะไม่ได้มีความรู้ด้านปรัชญาลัทธิการเมืองอย่างลึกซึ้งนัก ผิดถูกอย่างไรรบกวนชี้แนะด้วยครับ ที่ผมเคยอ่านพบมานะครับ "หลักการเบื้องต้นของแนวความคิดแบบเสรีนิยม เรียกร้องว่า การจำกัดเสรีภาพส่วนบุคคลที่ทุกคนจำเป็นต้องยอมรับเพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมนั้นจะต้องมีอยู่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” (ตามที่คาร์ล ป็อปเปอร์ ได้กล่าไว้) คำถามคือ ขอบเขตของเสรีภาพมีมากน้อยเพียงใด เราจะควบคุมไม่ให้คนใช้เสรีภาพจนเกินขอบเขตได้ด้วยวิธีใด ในกรณีนี้พูดถึงเรื่องเครื่องแบบนะครับ
ในเมื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่ได้มีกฎไว้ชัดเจนนี่ครับว่าต้องแต่งชุดนักศึกษา ดังนั้น การแต่งชุดนักศึกษาจึงไม่ใช่ "อัตลักษณ์" ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การกระทำนี้จึงไม่ได้เป็น "การสนองอุดมการณ์ของตนเอง โดยทำลายอัตลักษณ์ของคนอื่น"การกระทำของอั้มจึงไม่ใช่อาชญากรรม ใครอยากจะคิดว่าการที่ตัวเองแต่งชุดนักศึกษามาเรียนเป็นอัตลักษณ์ของฉันก็ไม่เป็นไรครับ คุณมีสิทธิ แต่ถ้าอั้มจะไม่อยากแต่งชุดนักศึกษามาเรียนก็ย่อมมีสิทธิเหมือนกันครับ ณ เวลานี้ผมยังไม่เห็นใครจะออกมากรีดร้องโวยวายจะเป็นจะตายออกมาพูดมา "กรี๊ดดด Eอั้ม Eเลว แกทำสิ่งที่พวกเราสั่งสมความดีงามกันมา" สั่งสมกันเข้าไปเถอะครับ ความคิดที่อยู่ในกะลา ไม่ปล่อยให้คนรู้จักตั้งคำถาม สุดท้ายแล้วคุณก็จะดำเนินชีวิตไปในสายพานของกรอบสังคม เป็นเครื่องจักรที่ปราศจากการตั้งคำถามแม้แต่กับเรื่องที่มันกระทบต่อเสรีภาพของตนเอง เพราะเกรงและกลัวว่าการตั้งคำถามนั้นตัวเองอาจจะกลายเป็นอาชญากรทางความคิด โชคร้ายหน่อยที่สังคมไทยเรามีคนที่พร้อมที่จะยินดีตรวจสอบผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา
หยุดด่าอั้มเถอะครับ ถ้าคุณยังทำพฤติกรรมดังกล่าวนี้
- จิ้มไอโฟน/มืถือระหว่างที่อาจารย์สอน
- แต่งหน้าระหว่างที่อาจารย์สอน
- กินขนมระหว่างที่อาจารย์สอน
- จีบสาว/จีบหนุ่ม กันระหว่างที่อาจารย์สอน
- คุยกันระหว่างที่อาจารย์สอน
- นินทาอาจารย์
ฯลฯ
ถ้าคุณทำพฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นก็หยุดด่าอั้มเถอะครับ อาจารย์ที่ผมรู้จักบางท่านก็ไม่มาคิดเรื่องการแต่งกายของนักศึกษาให้รกสมองรบกวนการสอนกันครับ คุณจะแต่งกายอะไรไม่สำคัญ การเรียนในระดับมหาวิทยาลัยคุณต้องใส่ใจในการเรียนอย่างตั้งใจและคิดต่อยอดในสิ่งที่อาจารย์สอน ตรงไหนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างไม่เห็นด้วยกับอาจารย์ให้เถียง กลับไปค้นคว้ามาเพื่อคอยจับผิดอาจารย์ การเคารพผู้สอนไม่เกี่ยวกับการแต่งกาย แต่เป็นการไม่คุยกันในห้องเรียน การคุยกันยังเป็นการละเมิดสิทธิของนักศึกษาคนอื่นๆ เพราะเป็นการรบกวนการเรียนของทุกคนในห้อง มหาวิทยาลัย(ทุกแห่งหรือเปล่า เวลานี้ผมเองก็ชักจะไม่แน่ใจแล้ว)ไม่ได้ต้องการคนหัวอ่อน ว่านอนสอนง่าย คนเช่นนั้นไม่สามารถจบออกไปเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพในสังคมไทยได้ เราต้องการคนที่กล้าคิด กล้าวิพากษ์ กล้าวิจารณ์ตั้งคำถามกับสิ่งต่างๆ
เด็กๆ สมัยนี้น่ะเหรอ.... ฉลาดน้อย แต่พูดมาก!!!!!!!!!!!!!!!
แถมการพูดมากนั้น ก็ไม่ได้นำพาความดีงาม ความเลื่อมใสใดใด แถมสร้างความเกลียดชังในสังคม ซะงั้น - มันไม่ได้เป็นการพูดมากที่ไม่สร้างสรรค์ อย่างน้อยมันก็ทำให้เกิดการตั้งคำถามกับสังคมว่าต่อไปสังคมควรไปในทิศทางใด บางคนจนอายุเข้าวัยกลางคนแล้วด้วยซ้ำ แต่ไม่เคยตั้งคำถามกับอะไรๆเลยในสังคม การกระทำนี้อาจจะเป็นการฉุดใครสักคนที่เขายังอยู่ในความมืดบอดให้ลุกขึ้นมา
แต่เด็กบางคนสมัยนี้ คือจะเก่ง กันแล้ว????? โดยที่แทบจะไม่ได้เรียนรู้ อะไรจากสถานศึกษากันเลย
บางคนอยู่แค่มอสี่ บางคนอยู่ปีสอง ก็ตั้งหน้าตั้งหน้าโจมตี เสียดสี ระบบของสังคมหมู่มากกันใหญ่
พ่อแม่ส่งให้มาเรียนรู้เพิ่มพูนทักษะกันนะ แต่นี่เอาแต่อวดเก่งก่อนรู้ เพื่อ????? นี่แหละครับคือความกล้าที่จะท้าทายกับระบบการศึกษา อย่าพูดว่าพวกเขาไม่ได้เรียนรู้ เขารู้จักที่จะหาความรู้ภายนอกห้องเรียนมาคิดต่อ ก็ในเมื่อการสอนในห้องเรียนมันคงไม่พอเสียแล้ว และเพราะเกรงว่าตนเองจะถูกสอนให้กลายเป็นคนไม่รู้จักคิดไปมากกว่านี้โดยที่ระบบการศึกษามักจะยัดเยียดระบบ/ระเบียบ/แบบแผน/ความคิดด้านเดียวให้กับเด็ก เพราะนั่นคือสิ่งที่ผู้ปกครองกระทำแล้วมั่นใจได้ว่าผู้ที่อยู่ใต้การปกครองของตนจะกลายเป็นพลเมืองที่เชื่องๆควบคุมได้ง่าย จะมีประโยชน์อะไรครับ ถ้าเรายังบอกกับตัวเองว่าเรารักษาเครื่องแบบอันดีงามไว้เพื่อบ่งบอกถึงคุณธรรมอันดีงามของเรา ในขณะที่ประเทศไทยมีสถิติการท้องในวัยเรียนที่สูงกว่าประเทศที่ยกเลิกเครื่องแบบไปหลายสิบปีแล้ว
พวกคุณกล้าพูดกล้าคิด แต่ เป้าหมายและเนื้อหา ไม่บรรลุผลใดใด ไม่ขับเคลื่อนใดใดต่อสังคม...........
แถมสังคมก็หมั่นไส้ ในความอวดฉลาดก่อนที่จะเรียนรู้ของพวกคุณ การไม่ตั้งคำถามใดๆเลย อาจนำมาซึ่งการพิการทางความคิด อั้มหรือเนติวิทย์ถือได้ว่ามีความคิดก้าวหน้ากว่าใครหลายๆคน อย่างน้อยพวกเขาก็ยังกล้าที่จะตั้งคำถามถึงสถานะและบทบาทของสถาบันกษัตริย์ในสังคมไทย ซึ่งเป็นประเด็นที่ไม่อยากให้พูดถึงในกระทู้นี้ เพราะอยู่นอกประเด็นเรื่องเครื่องแบบ ผมเชื่อว่าการตั้งคำถามนั้นช่วยให้คนฉลาดขึ้นได้ เพราะเมื่อเราคิดได้คิดเป็น เราจะมีความกระหายที่จะแสวงหาความรู้ไปเรื่อยๆ - ผมยอมรับว่าถ้าผมมีลุกอย่างอั้มผมดีใจมาก และจะคอยดูแลเขาอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ เพราะเขาได้กลายเป็นผู้ที่กล้าท้าทายกับสิ่งที่ผมไม่เคยที่จะตั้งคำถามในวัยเรียนมัธยมแม้แต่น้อย
จริงอยู่สังคมจะมีคนที่ฉลาดกว่าพวกอั้ม
แต่ผมก็มั่นใจว่า คนที่ฉลาดกว่าอั้ม มีความก้าวหน้าทางหน้าที่การงานทางสังคมหลายๆคน ก็ยังไม่รู้จักที่จะตั้งคำถามในบางเรื่องที่จำกัดเสรีภาพของตนเอง
จริงอยู่ที่ผู้ใหญ่ในสังคมจะมีคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลกว่าอั้ม
แต่ผมก็มั่นใจว่า อั้มก็จะโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลเช่นกัน
จริงอยู่ที่สังคมจะมีคนที่ Liberal กว่าพวกอั้ม
แต่ผมก็มั่นใจว่า อั้มจะใช้ชีวิตอยู่ในสังคม Liberal ที่มีพวก Conservative อยู่รายล้อมได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
คุณศาสตราจารย์โยดาบอกกับอั้มว่า
ตั้งแง่ดูถูก คนเห็นต่างนั้นว่า ดักดาน กะลาครอบ... ผมคิดว่าการกระทำของอั้มคงไม่ได้เป็นการดูถูก อาจจะเป็นการตบหน้าผู้ใหญ่บางคนเสียด้วยซ้ำว่าช่วงเวลาวัยเด็กแห่งการเรียนรู้ของเราทำไมเราถึงไม่ทำแบบนี้บ้าง ยังไม่สายที่จะคิดนะครับ
ไม่เคยคิดรับฟังความเห็นผู้อื่น... ผมไม่คิดว่าอั้มจะเป็นคนที่ไม่ฟังความคิดเห็นของคนอื่น ศาสตราจารย์อยากดีเบตกับอั้มหรือเปล่าครับ ผมว่าถ้ามีพื้นที่อั้มก็คงยินดี ก็ในเมื่ออั้มแสดงตัวออกมาขนาดนี้แล้ว คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักที่เธอจะโต้แย้งกับคนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างจากเธอ
ปิดกั้นและบิดเบือน "เจตจำนงอันเสรี" ของคนหมู่มาก... เจตจำนงอันเสรีของคนหมู่มากคืออะไรครับ คือการได้ใส่ชุดนักศึกษาน่ะเหรอครับ ผมชักจะไม่แน่ใจว่ามันใช่ อาจจะมีคนเงียบๆและไม่กล้าที่จะแสดงตัวว่า "ฉันไม่อยากใส่ชุดนักศึกษาเลยว่ะ"
ตีตราเหยียดคนที่เห็นต่าง ด้วยวาทกรรมทางเพศและประเวณี... ในประเด็นนี้ ผมถือว่าคุณคือคนที่เหก็นต่างกับอั้ม คุณบอกว่าอั้ม"ตีตราเหยียดคนที่เห็นต่าง ด้วยวาทกรรมทางเพศ..." ซึ่งจากลักษณะที่คุณเขียนมาทั้งหมดคุณเองก็ใช้การ "ตีตราเหยียดคนที่เห็นต่าง ด้วยวาทกรรมทางเพศ" เช่นกัน โดยการใช้คำว่า [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ซึ่งทั้งที่คุณอาจจะเลี่ยงไปใช้คำอื่นก็ได้ ผมไม่รู้ว่าคำนี้มีปัญหากับกลุ่มคนเหล่านี้หรือไม่ แต่คิดว่าคงมีปัญหา ในหมู่คน/ประเทศที่มีความก้าวหน้าทางการศึกษาและความคิดแล้วประเด็นเรื่องเพศทางเลือกได้รับการยอมรับมาหลายสิบปีแล้ว การเขียนข้อความของศาสตราจารย์เป็นการจงใจใช้วาทกรรมเหยียดเพศ โดยใช้การเน้นย้ำเพศสภาพที่อั้มเป็นในกระทู้ เข้าทำนองว่าคนอื่นแต่ตนเองก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน
สุดท้ายหลายๆคนก็เป็นแค่ "นักเผด็จการทางความคิด" ที่ดูถูกคนที่คิดต่างเรื่องในเครื่องแบบว่าเป็น "พวกที่อยู่นอกคอกของคนหมู่มากในสังคม" ผมเองก็ยินดีที่จะออกไปอยู่นอกคอก ไม่ต้องเดินตามการนำของจ่าฝูงอย่างหมอบๆเชื่องๆ หวังว่าการเดินทางวันหนึ่งของผมจะเจอคนที่ออกจากคอกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเองบ้าง อย่างน้อยผมก็ยังมีเพื่อน !
หวังว่ากระทู้นี้คงไม่โดน "กระทู้นี้ถูกลบโดยระบบอัตโนมัติทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาบรรยากาศการสนทนา ของเพื่อนสมาชิกโดยรวมค่ะ"
ฝากไว้ใครใครหลายๆคนได้ลองคิดดูครับ แต่ยอมรับครับว่าคนเราคิดต่างกันได้
จาก อดีตเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่เคยกล้าที่จะตั้งคำถามกับอะไรเลยในวัยมัธยม