เทศน์เนื่องในโอกาสที่
คณะโต๊ะอีหม่ามของศาสนาอิสลาม มาสนทนากับหลวงตา
ณ กุฏิหลวงตา สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ เวลา ๑๑.๐๐ น.
ตีเข้าหาธรรมแล้วศาสนาใดก็เป็นธรรม
(มีพี่น้องชาวมุสลิมจะมาขอโอวาทจากหลวงปู่ครับ) โอวาทอย่างไร (ให้หลวงปู่ช่วยอบรมสั่งสอนครับ) ทางนู้นไม่มีโอวาทกันเหรอ ถึงจะมาขอโอวาทจากนี้ แล้วเรื่องราวมีอย่างไรต่ออย่างไร ก็ว่ากันไปตามเรื่องตามราวไป จะปรารภเรื่องอย่างไรต่ออย่างไรก็ว่ามาซิ
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : ปัจจุบันนี้ ตามที่หลวงตาได้กล่าวไว้ว่า โลกมันร้อนเป็นฟืนเป็นไฟก็เพราะคนนอกศาสนานั่นเอง สำหรับประเทศไทยด้วยพระบารมีปกเกล้าคนไทยไม่ว่าศาสนาใดต่างก็ยึดมั่นในศาสนา ปัจจุบันเหตุที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเป็นพวกนอกศาสนา หรือพวกวัตถุนิยมเข้ามา แต่คนไทยยังรักสามัคคีกันไม่ว่าศาสนาใด ก็มาเยี่ยมเยียนเพื่อผนึกกำลังรักษาศาสนาไว้ในแผ่นดินนี้ให้ยืนยาวทุกศาสนา รักษาความสงบและทรัพยากรของโลกให้ยืนยาวเป็นเศรษฐกิจพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัวครับ
หลวงตา : ที่ว่าโลกวัตถุนิยมมันมาก เมื่อวัตถุมันมากมันทำคนให้เป็นอะไร
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : โลกมันก็จะร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ
หลวงตา : โลกมันร้อนเป็นฟืนเป็นไฟนั่นน่ะมันร้อนไปจากไหนล่ะ ต้นเหตุ
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : ต้นเหตุมาจากไม่ถือศาสนา ไปถือวัตถุนิยมแล้วก็ฟุ้งเฟ้อกัน เอาทรัพยาการมาใช้กันไม่มีบันยะบันยัง
ผู้กำกับ : วัตถุนิยมมันลุกเข้ามา
หลวงตา : วัตถุนิยมมันคืออะไรบ้างละ
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : อเมริกาครับ
หลวงตา : ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นวัตถุนิยมเหรอ แล้วประเทศเรานิยมอะไร
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : นิยมศาสนาภายใต้พระเจ้าอยู่หัวครับ
หลวงตา : แล้วศาสนาสอนว่าอย่างไรละ
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : สอนให้ประหยัดมัธยัสถ์ ให้พอเพียง ให้มัชฌิมาปฏิปทา
หลวงตา : ก็ถูกแล้ว ที่พูดนี่ถูก คือพวกเรามันตื่นวัตถุนิยม อะไรมาก็ดีหมดๆ ถูกต้องแล้วนะ คืออะไรมาไม่พินิจพิจารณาเสียก่อนว่าสมควรไม่สมควรแล้วรับไว้หมด คือเวลารับเอาไว้มันก็มาเป็นภัยต่อบ้านเมืองของเรา ที่ใจของเรามันไปนิยมวัตถุนิยมมากกว่านิยมอรรถธรรมที่อยู่ในใจ ให้อยู่ในความพอเพียง เพียงพอ ธรรมท่านว่าอย่างนั้นนะ อย่าดิ้นอย่าดีด หาอะไรๆมานี้ไม่พอๆ มันดิ้นดีดตลอด นั่นละคือการสร้างกองทุกข์ขึ้นมา ให้ว่ากันไปวรรคเป็นตอนไปจะเป็นที่เข้าใจ ว่าศาสนาทุกศาสนานั้นว่าอย่างไร ให้มนุษย์รักกันใช่ไหม แล้วมนุษย์อยู่กับศาสนาแล้วทำไมมนุษย์ถึงต้องสอนให้รักกัน มนุษย์เกลียดกันชังกันโกรธกันหรืออย่างไร มันก็มีข้ออย่างนี้ที่ให้ถาม
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : เขายุแย่ครับ ให้แตกแยกกันระหว่างศาสนา เพื่อประโยชน์ของเขา แต่ของเราไม่แตก
ผู้กำกับ : สหรัฐอเมริกามายุแย่ทางเอเชียให้ทุกศาสนาของเอเซียแตกกัน เขาจะแทรกแซงเข้ามา
หลวงตา : แล้วเขาเป็นศาสนาอะไรละที่เขาแทรกเข้ามานั้น ตัวเขาเองเขานิยมนับถือว่าเขาเป็นศาสนาอะไร
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : เขานับถือวัตถุวิทยาศาสตร์ครับ แม้แต่ศาสนาเองเขาก็พยายามค้นคิดใหม่ สร้างพระพุทธศาสนาแบบใหม่ ศาสนาอิสลามแบบใหม่ เขากำลังทำอย่างนี้ เขาเป็นพวกวิทยาศาสตร์หาเหตุหาผลในทางวิทยาศาสตร์ แต่มันเป็นไม่ได้ พระบรมศาสดาทุกศาสนาได้สอนสิ่งที่ถูกต้องไว้แล้ว เรายึดตามนี้ครับ ดึงคนให้เข้าศาสนาให้มากที่สุด มันก็จะรักษาศาสนาไว้
หลวงตา : ดึงคนมาเข้าศาสนา ศาสนาเราก็อยู่ในความเพียงพอ พอเพียง นี่ก็ถูกต้องแล้วนี่ ถ้าเราอยู่ในความพอเพียง เพียงพอท่านเรียกว่าสันโดษ หลักพุทธศาสนา สันโดษคือความยินดีตามที่เป็นที่มี ที่จำเป็นที่ควรใช้สอยอยู่กินอาศัยซึ่งสิ่งเหล่านั้น อาศัยเขานำเข้ามาใช้เฉพาะที่เห็นว่าจำเป็น ที่ไม่จำเป็นเราก็ไม่ฟุ้งเฟ้อออกไป นี่อันหนึ่งนะ อย่างพุทธศาสนานี่ยังมีสอนเข้าไปอีกให้มีความมักน้อย
ให้มีความมักน้อยนี้คืออย่างไร พระพุทธเจ้าสอนให้มีผัวเดียวเมียเดียว ถ้าใครเมียมากกว่านั้นแสดงว่าเอารัดเอาเปรียบผู้หญิง อันนี้ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า คำสอนของพระพุทธเจ้าอัปปิจฉตา ให้มีผัวเดียวเมียเดียว พึ่งเป็นพึ่งตาย อาศัยซึ่งกันและกัน ฝากเป็นฝากตายซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน นี้เป็นบ่อแห่งความสุขของครอบครัวแต่ละครับครัวที่มีศาสนานับถือพุทธศาสนา ปฏิบัติตามศาสนา ผู้หญิงก็จะนอนตามหลับบ้าง เดี๋ยวนี้มีแต่ผู้ชายตามันมีสักกี่ตามันมองหาตั้งแต่ผู้หญิงเอามาเป็นเมียๆเสียหมด มันลุกลาม อันนี้มีในศาสนาใดศาสนานั้นก็สอนผิด ถ้าสอนให้ถูกต้องก็ต้องเห็นใจเขาเห็นใจเรา ผู้หญิงก็มีหัวใจ ผู้ชายก็มีหัวใจ เมื่อต่างคนต่างยอมรับกันเรียบร้อยแล้วก็เป็นอันเดียวกัน ซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน พึ่งเป็นพึ่งตาย ไปใกล้ไปไกลไปที่ไหนนั่นคือของเขาๆ ทั่วโลกเป็นของเขา นี้คือของเราเมียเรา เรายินดีเฉพาะนี้เท่านั้น นี่สร้างความสุขให้แก่กันและกัน สมกันว่ารักกันพึ่งเป็นพึ่งตายซึ่งกันและกัน พุทธศาสนาท่านสอนว่าอย่างนี้ พวกเราว่าอย่างไร ช่วยพิจารณาอย่างไรๆข้อนี้ มันปีนเกลียวกับศาสนาในข้อนี้หรือไม่
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : ไม่ปีนครับ มีเหตุผลอย่างอื่นอีก
หลวงตา : สอนอย่างไร เหตุผลว่าอย่างไร เราอยากฟังเหตุผลที่ว่ามีเมียมากๆ นั่นน่ะ ว่ามาเราอยากจะตามฟังอันนี้ให้ดีวันนี้น่ะ มันเป็นอย่างไรผู้ชายมันเก่ง มันเป็นเทวบุตรเทวดา อินทร์ พรหม มาจากไหน มันเห็นผู้หญิงเป็นหมาไปหรือ มันจึงเอาผู้หญิงมาเป็นเมียตั้งกี่คนก็ได้ มันคนเดียวนี้มันวิเศษวิโสมาจากไหน ถ้าพูดถึงเรื่องก็เดียว ผู้หญิงก็มีเดียวเท่านั้น มันไม่ได้มากกว่านั้น มันเก่งกว่าเขามากจากไหน เก่งกว่าด้วยความโลภของมัน นี่ไม่เพียงพอ ไม่พอเพียง ระวังนะ เอาว่ากันไป หาเหตุหาผลหาอรรถหาธรรมต้องหาอย่างนี้ซิ หาความสัตย์ความจริงความสม่ำเสมอต่อกันจึงถูก เข้าใจหรือที่พูดนี่ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วทั้งหญิงทั้งชายผัวเมียครอบครัวใดก็ตามเย็นตามๆกันหมด เวลานี้ผู้ชายเราผิดตรงนี้ละ ไปเอารัดเอาเปรียบผู้หญิง
เรามีกี่เมียละถึงตอบว่าเข้าใจ (หลายคนเหมือนกันครับ) นั่นซี นี่เอารัดเอาเปรียบผู้หญิง จะมาเอาพอเพียงอย่างไร มันไม่พอเพียง เอารัดเอาเปรียบเขา ถ้าเป็นผู้หญิงรุมตีคนนี้ให้แหลกหมด คนนี้เอารัดเอาเปรียบผู้หญิงมาก ฟาดให้แหลก (เขาให้ผมไปช่วยเขา) ส่วนเราไปช่วยเหยียบหัวใจเขานั่นไม่คิดบ้างเหรอ ไปช่วยเขาไปเหยียบหัวใจเขามันช่วยอย่างไรอย่างนั้นน่ะ (เห็นใจเหมือนกันครับ) แน่ะ เห็นใจต้องเลิกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนั้น อัปปิจฉตาความมักน้อย ถ้าพูดตามคำสอนมักน้อยคือให้มีผัวเดียวเมียเดียวเป็นสุข นี้ละธรรมพระพุทธเจ้าโดยแท้ อย่ามากกว่านั้นทำลายจิตใจซึ่งกันและกันไม่ถูกต้อง มนุษย์ผู้หญิงผู้ชายมีคุณค่าราคาเท่ากัน มีน้ำใจรักกันเต็มหัวใจด้วยกัน แล้วฝากเป็นฝากตายต่อกันได้ ไม่ต้องสร้างความทุกข์ให้กัน ถ้าการไปทำอย่างนี้สร้างความทุกข์ให้ผู้หญิงมากมายก่ายกอง เข้าใจเหรอ
หรือเรายังว่าสร้างวิมารให้ผู้หญิงอยู่เหรอ ถ้าว่าสร้างวิมารให้ผู้หญิงเหล่านี้ ผู้หญิงเหล่านี้ยอมรับไหม เอามายืนยันกัน ถ้าไม่ยอมรับรุมตีคนนี้ให้แหลก มันก็มีเท่านั้น จะว่าอย่างไร ผู้หญิงทั้งหมดเขาไม่ได้ยอมรับนี่นะ เรามีคนเดียวโอ่อ่าๆ คนเดียวนี่ ถูกเขาขนาบแล้วนะนี่นะ อยู่ในเมืองไทยไม่ได้นะ (ผมโดนขนาบอยู่แล้ว เข็ดแล้ว) เราเข็ดหรือยัง (เข็ด) แล้วเดี๋ยวนี้มีกี่เมีย จะลดลงกี่เมีย ถ้าว่าเข็ดต้องแสดงผลออกมาซิ (ไม่มีสักคนดีกว่าครับ) ไม่มีสักคนก็มีแต่นักบวชท่านไม่มี ท่านไม่ยุ่ง
เอาว่ากันไปเรื่องอื่นซิ อันนี้ก็พูดพอหอมปากหอมคอกันไป เรื่องอื่นก็ต่อกันซิ พูดกันไปเป็นพักๆ ไป แล้วการพูดนี้อย่าถือโกรธถือกิเลสเอาเข้ามาเหยียบย่ำธรรมนะ ต้องเอาความถูกต้อง เอาธรรมเข้ากางกันไปพูด ใครก็มีกิเลสทุกคนมีผิดมีพลาดด้วยกันทุกคนไม่ว่าศาสนาใด ผิดพลาดตรงไหนไม่ใช่ธรรม ให้ตีเจ้าของเข้าหาธรรม แล้วศาสนาใดก็เป็นธรรมด้วยกัน นี่เรียกว่าถูกต้อง เข้าใจเหรอ
ชาวมุสลิมที่มา : ที่เรามานี้ก็เพราะว่าเป็นคำสั่งพระเจ้า
หลวงตา : พระเจ้าว่าอย่างไร
ชาวมุสลิมที่มา : พระเจ้าสร้างมนุษย์มาเป็นเผ่าพันธุ์ต่างๆ เพื่อให้มนุษย์เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน จุดประสงค์ก็อัลเลาะห์คือว่ามาสร้างความรักระหว่างพี่น้อง เป้าหมายของเขาในคัมภีร์อัลกุรอ่านได้บัญญัติเรียบร้อยว่า ถ้าหากต้องการให้โลกนี้ประสบกับความสันติสุข อิสลามได้สอนแนวทางก็คือว่า ใครก็ตามที่คิดในทางของพระเจ้า (ภาษาทางศาสนาอิสลาม......) แปลว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะห์และมูฮัมหมัดเป็นศาสนทูต
ผู้กำกับ : อ่านตามที่เขาพิมพ์มาให้นะครับ “เราทุกคนมาจากบรรพบุรุษคนเดียวกัน คือท่านอาดัมและอีวา อัลเลาะห์ทรงสร้างอาดัมมาจากดิน พระองค์ให้เกียรติแก่ลูกหลานของอาดัมด้วยการประทานสติปัญญา วิชาความรู้ ปัจจัยยังชีพที่ดี และทรงให้มนุษย์ดีเด่นอย่างมีเกียรติ เหนือกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล ดังนั้นผู้มีเกียรติทุกท่าน จงอย่าเคารพสักการะสิ่งอื่นใด นอกจากอัลเลาะห์องค์เดียวเท่านั้น และจงมานับถือศาสนาอิสลามกันเถิด”
หลวงตา : เอาละนี่เป็นเรื่องของศาสนานั้นนะ ทีนี้เราแยกออกมา ลูกของใครใครก็รักลูก พ่อแม่ของใครใครก็รักพ่อแม่ของตัวเองๆ ทีนี้ศาสนาใดก็รักศาสนาของตัวเอง อันนี้ไม่เอามาขัดแย้งกัน ถ้าขัดแย้งผิด คนนี้เขามีพ่อมีแม่เขานับถือพ่อแม่ของเขา ทั่วโลกเขามีพ่อมีแม่ ลูกมีพ่อมีแม่ ต่างคนต่างรักต่างสงวน กัน นี้ยกให้เป็นสิทธิแต่ละคนๆ ระหว่างพ่อแม่กับลูกของเขา ให้เขารักกันเต็มสัดเต็มส่วนของเขา ไม่ไปขัดไปแย้งเขา แต่เวลาพ่อแม่หรือลูกแต่ละคนๆออกมาเกี่ยวข้องกันนี้ให้ปฏิบัติถูกต้องตามหลักธรรมด้วยกัน ถ้าถูกต้องตามหลักธรรมลูกใดของพ่อแม่ใดก็ถูกต้องไปตามๆกัน นี่มารัก มาสามัคคีกัน สมัครสมานกันตรงที่ต่างคนต่างปฏิบัติให้ถูกต้องต่อกันตามหลักธรรม เข้าใจเหรอ ถ้าผิดจากนี้แล้วใครจะเป็นพ่อใดแม่ใดก็ตามคนนั้นๆ ก็เป็นผู้ผิดจากการทำผิดของตัว เข้าใจเหรอที่พูดนี่ เข้าใจแล้วนะ
โต๊ะอีหม่าม : ไปที่อุดรก็ไม่เจอ ว่าไปโรงพยาบาล วันนี้ก็มารออยู่นี่มาพบที่นี่ พบก็จะบอกกับหลวงตา มีคำที่ดี จำเอาไว้เถอะว่า ท่านจะพบกับความสำเร็จ ไม่ใช่สำเร็จบนโลกนี้อย่างเดียวนะ โลกหน้าก็สำเร็จ ผมจะบอกว่า โลกนี้มันจะอวสานแล้ว แต่มนุษย์ยังมัวเมาในโลกนี้อยู่ ดูได้เลยว่าถ้าฝนจะตกจะมีสัญญาณบอกเครื่องหมายบอกว่าลมมาเมฆมา เหมือนเราจะเจ็บไข้ได้ป่วยเราก็มีอาการก่อนจะเป็นไข้ โลกนี้จะพังก็เช่นเดียวกัน บอกมาไม่รู้กี่พันปีแล้วว่า หนึ่ง ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ตอนนี้เราเห็นแล้วเกือบทุกวัน สอง มนุษย์บนโลกจะมีแต่ความวุ่นวาย สาม ลูกหลานไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อแม่ สี่ มนุษย์ส่วนมากมัวเมาในความชั่ว ห้า .... ข้อที่หก การโกหกเป็นบาป คนเดี๋ยวนี้เป็นบาปเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเกิดขึ้นหกข้อสัญญาณโลกจะพัง
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : ทางเขามีทำนายถึงวันโลกสลาย เวลานี้ก็ใกล้อย่างว่า ศีลธรรมไม่มีกัน แต่ของพุทธก็มีอยู่ในพระไตรปิฎก ถึงมิคสัญญีไฟล้างโลกมีอยู่ (พุทธทำนายครับ)
สุดยอด!!! พี่น้องชาวมุสลิมมาขอโอวาทจาก หลวงตาพระมหาบัวครับท่าน
คณะโต๊ะอีหม่ามของศาสนาอิสลาม มาสนทนากับหลวงตา
ณ กุฏิหลวงตา สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ เวลา ๑๑.๐๐ น.
ตีเข้าหาธรรมแล้วศาสนาใดก็เป็นธรรม
(มีพี่น้องชาวมุสลิมจะมาขอโอวาทจากหลวงปู่ครับ) โอวาทอย่างไร (ให้หลวงปู่ช่วยอบรมสั่งสอนครับ) ทางนู้นไม่มีโอวาทกันเหรอ ถึงจะมาขอโอวาทจากนี้ แล้วเรื่องราวมีอย่างไรต่ออย่างไร ก็ว่ากันไปตามเรื่องตามราวไป จะปรารภเรื่องอย่างไรต่ออย่างไรก็ว่ามาซิ
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : ปัจจุบันนี้ ตามที่หลวงตาได้กล่าวไว้ว่า โลกมันร้อนเป็นฟืนเป็นไฟก็เพราะคนนอกศาสนานั่นเอง สำหรับประเทศไทยด้วยพระบารมีปกเกล้าคนไทยไม่ว่าศาสนาใดต่างก็ยึดมั่นในศาสนา ปัจจุบันเหตุที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเป็นพวกนอกศาสนา หรือพวกวัตถุนิยมเข้ามา แต่คนไทยยังรักสามัคคีกันไม่ว่าศาสนาใด ก็มาเยี่ยมเยียนเพื่อผนึกกำลังรักษาศาสนาไว้ในแผ่นดินนี้ให้ยืนยาวทุกศาสนา รักษาความสงบและทรัพยากรของโลกให้ยืนยาวเป็นเศรษฐกิจพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัวครับ
หลวงตา : ที่ว่าโลกวัตถุนิยมมันมาก เมื่อวัตถุมันมากมันทำคนให้เป็นอะไร
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : โลกมันก็จะร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ
หลวงตา : โลกมันร้อนเป็นฟืนเป็นไฟนั่นน่ะมันร้อนไปจากไหนล่ะ ต้นเหตุ
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : ต้นเหตุมาจากไม่ถือศาสนา ไปถือวัตถุนิยมแล้วก็ฟุ้งเฟ้อกัน เอาทรัพยาการมาใช้กันไม่มีบันยะบันยัง
ผู้กำกับ : วัตถุนิยมมันลุกเข้ามา
หลวงตา : วัตถุนิยมมันคืออะไรบ้างละ
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : อเมริกาครับ
หลวงตา : ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นวัตถุนิยมเหรอ แล้วประเทศเรานิยมอะไร
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : นิยมศาสนาภายใต้พระเจ้าอยู่หัวครับ
หลวงตา : แล้วศาสนาสอนว่าอย่างไรละ
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : สอนให้ประหยัดมัธยัสถ์ ให้พอเพียง ให้มัชฌิมาปฏิปทา
หลวงตา : ก็ถูกแล้ว ที่พูดนี่ถูก คือพวกเรามันตื่นวัตถุนิยม อะไรมาก็ดีหมดๆ ถูกต้องแล้วนะ คืออะไรมาไม่พินิจพิจารณาเสียก่อนว่าสมควรไม่สมควรแล้วรับไว้หมด คือเวลารับเอาไว้มันก็มาเป็นภัยต่อบ้านเมืองของเรา ที่ใจของเรามันไปนิยมวัตถุนิยมมากกว่านิยมอรรถธรรมที่อยู่ในใจ ให้อยู่ในความพอเพียง เพียงพอ ธรรมท่านว่าอย่างนั้นนะ อย่าดิ้นอย่าดีด หาอะไรๆมานี้ไม่พอๆ มันดิ้นดีดตลอด นั่นละคือการสร้างกองทุกข์ขึ้นมา ให้ว่ากันไปวรรคเป็นตอนไปจะเป็นที่เข้าใจ ว่าศาสนาทุกศาสนานั้นว่าอย่างไร ให้มนุษย์รักกันใช่ไหม แล้วมนุษย์อยู่กับศาสนาแล้วทำไมมนุษย์ถึงต้องสอนให้รักกัน มนุษย์เกลียดกันชังกันโกรธกันหรืออย่างไร มันก็มีข้ออย่างนี้ที่ให้ถาม
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : เขายุแย่ครับ ให้แตกแยกกันระหว่างศาสนา เพื่อประโยชน์ของเขา แต่ของเราไม่แตก
ผู้กำกับ : สหรัฐอเมริกามายุแย่ทางเอเชียให้ทุกศาสนาของเอเซียแตกกัน เขาจะแทรกแซงเข้ามา
หลวงตา : แล้วเขาเป็นศาสนาอะไรละที่เขาแทรกเข้ามานั้น ตัวเขาเองเขานิยมนับถือว่าเขาเป็นศาสนาอะไร
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : เขานับถือวัตถุวิทยาศาสตร์ครับ แม้แต่ศาสนาเองเขาก็พยายามค้นคิดใหม่ สร้างพระพุทธศาสนาแบบใหม่ ศาสนาอิสลามแบบใหม่ เขากำลังทำอย่างนี้ เขาเป็นพวกวิทยาศาสตร์หาเหตุหาผลในทางวิทยาศาสตร์ แต่มันเป็นไม่ได้ พระบรมศาสดาทุกศาสนาได้สอนสิ่งที่ถูกต้องไว้แล้ว เรายึดตามนี้ครับ ดึงคนให้เข้าศาสนาให้มากที่สุด มันก็จะรักษาศาสนาไว้
หลวงตา : ดึงคนมาเข้าศาสนา ศาสนาเราก็อยู่ในความเพียงพอ พอเพียง นี่ก็ถูกต้องแล้วนี่ ถ้าเราอยู่ในความพอเพียง เพียงพอท่านเรียกว่าสันโดษ หลักพุทธศาสนา สันโดษคือความยินดีตามที่เป็นที่มี ที่จำเป็นที่ควรใช้สอยอยู่กินอาศัยซึ่งสิ่งเหล่านั้น อาศัยเขานำเข้ามาใช้เฉพาะที่เห็นว่าจำเป็น ที่ไม่จำเป็นเราก็ไม่ฟุ้งเฟ้อออกไป นี่อันหนึ่งนะ อย่างพุทธศาสนานี่ยังมีสอนเข้าไปอีกให้มีความมักน้อย
ให้มีความมักน้อยนี้คืออย่างไร พระพุทธเจ้าสอนให้มีผัวเดียวเมียเดียว ถ้าใครเมียมากกว่านั้นแสดงว่าเอารัดเอาเปรียบผู้หญิง อันนี้ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า คำสอนของพระพุทธเจ้าอัปปิจฉตา ให้มีผัวเดียวเมียเดียว พึ่งเป็นพึ่งตาย อาศัยซึ่งกันและกัน ฝากเป็นฝากตายซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน นี้เป็นบ่อแห่งความสุขของครอบครัวแต่ละครับครัวที่มีศาสนานับถือพุทธศาสนา ปฏิบัติตามศาสนา ผู้หญิงก็จะนอนตามหลับบ้าง เดี๋ยวนี้มีแต่ผู้ชายตามันมีสักกี่ตามันมองหาตั้งแต่ผู้หญิงเอามาเป็นเมียๆเสียหมด มันลุกลาม อันนี้มีในศาสนาใดศาสนานั้นก็สอนผิด ถ้าสอนให้ถูกต้องก็ต้องเห็นใจเขาเห็นใจเรา ผู้หญิงก็มีหัวใจ ผู้ชายก็มีหัวใจ เมื่อต่างคนต่างยอมรับกันเรียบร้อยแล้วก็เป็นอันเดียวกัน ซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน พึ่งเป็นพึ่งตาย ไปใกล้ไปไกลไปที่ไหนนั่นคือของเขาๆ ทั่วโลกเป็นของเขา นี้คือของเราเมียเรา เรายินดีเฉพาะนี้เท่านั้น นี่สร้างความสุขให้แก่กันและกัน สมกันว่ารักกันพึ่งเป็นพึ่งตายซึ่งกันและกัน พุทธศาสนาท่านสอนว่าอย่างนี้ พวกเราว่าอย่างไร ช่วยพิจารณาอย่างไรๆข้อนี้ มันปีนเกลียวกับศาสนาในข้อนี้หรือไม่
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : ไม่ปีนครับ มีเหตุผลอย่างอื่นอีก
หลวงตา : สอนอย่างไร เหตุผลว่าอย่างไร เราอยากฟังเหตุผลที่ว่ามีเมียมากๆ นั่นน่ะ ว่ามาเราอยากจะตามฟังอันนี้ให้ดีวันนี้น่ะ มันเป็นอย่างไรผู้ชายมันเก่ง มันเป็นเทวบุตรเทวดา อินทร์ พรหม มาจากไหน มันเห็นผู้หญิงเป็นหมาไปหรือ มันจึงเอาผู้หญิงมาเป็นเมียตั้งกี่คนก็ได้ มันคนเดียวนี้มันวิเศษวิโสมาจากไหน ถ้าพูดถึงเรื่องก็เดียว ผู้หญิงก็มีเดียวเท่านั้น มันไม่ได้มากกว่านั้น มันเก่งกว่าเขามากจากไหน เก่งกว่าด้วยความโลภของมัน นี่ไม่เพียงพอ ไม่พอเพียง ระวังนะ เอาว่ากันไป หาเหตุหาผลหาอรรถหาธรรมต้องหาอย่างนี้ซิ หาความสัตย์ความจริงความสม่ำเสมอต่อกันจึงถูก เข้าใจหรือที่พูดนี่ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วทั้งหญิงทั้งชายผัวเมียครอบครัวใดก็ตามเย็นตามๆกันหมด เวลานี้ผู้ชายเราผิดตรงนี้ละ ไปเอารัดเอาเปรียบผู้หญิง
เรามีกี่เมียละถึงตอบว่าเข้าใจ (หลายคนเหมือนกันครับ) นั่นซี นี่เอารัดเอาเปรียบผู้หญิง จะมาเอาพอเพียงอย่างไร มันไม่พอเพียง เอารัดเอาเปรียบเขา ถ้าเป็นผู้หญิงรุมตีคนนี้ให้แหลกหมด คนนี้เอารัดเอาเปรียบผู้หญิงมาก ฟาดให้แหลก (เขาให้ผมไปช่วยเขา) ส่วนเราไปช่วยเหยียบหัวใจเขานั่นไม่คิดบ้างเหรอ ไปช่วยเขาไปเหยียบหัวใจเขามันช่วยอย่างไรอย่างนั้นน่ะ (เห็นใจเหมือนกันครับ) แน่ะ เห็นใจต้องเลิกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนั้น อัปปิจฉตาความมักน้อย ถ้าพูดตามคำสอนมักน้อยคือให้มีผัวเดียวเมียเดียวเป็นสุข นี้ละธรรมพระพุทธเจ้าโดยแท้ อย่ามากกว่านั้นทำลายจิตใจซึ่งกันและกันไม่ถูกต้อง มนุษย์ผู้หญิงผู้ชายมีคุณค่าราคาเท่ากัน มีน้ำใจรักกันเต็มหัวใจด้วยกัน แล้วฝากเป็นฝากตายต่อกันได้ ไม่ต้องสร้างความทุกข์ให้กัน ถ้าการไปทำอย่างนี้สร้างความทุกข์ให้ผู้หญิงมากมายก่ายกอง เข้าใจเหรอ
หรือเรายังว่าสร้างวิมารให้ผู้หญิงอยู่เหรอ ถ้าว่าสร้างวิมารให้ผู้หญิงเหล่านี้ ผู้หญิงเหล่านี้ยอมรับไหม เอามายืนยันกัน ถ้าไม่ยอมรับรุมตีคนนี้ให้แหลก มันก็มีเท่านั้น จะว่าอย่างไร ผู้หญิงทั้งหมดเขาไม่ได้ยอมรับนี่นะ เรามีคนเดียวโอ่อ่าๆ คนเดียวนี่ ถูกเขาขนาบแล้วนะนี่นะ อยู่ในเมืองไทยไม่ได้นะ (ผมโดนขนาบอยู่แล้ว เข็ดแล้ว) เราเข็ดหรือยัง (เข็ด) แล้วเดี๋ยวนี้มีกี่เมีย จะลดลงกี่เมีย ถ้าว่าเข็ดต้องแสดงผลออกมาซิ (ไม่มีสักคนดีกว่าครับ) ไม่มีสักคนก็มีแต่นักบวชท่านไม่มี ท่านไม่ยุ่ง
เอาว่ากันไปเรื่องอื่นซิ อันนี้ก็พูดพอหอมปากหอมคอกันไป เรื่องอื่นก็ต่อกันซิ พูดกันไปเป็นพักๆ ไป แล้วการพูดนี้อย่าถือโกรธถือกิเลสเอาเข้ามาเหยียบย่ำธรรมนะ ต้องเอาความถูกต้อง เอาธรรมเข้ากางกันไปพูด ใครก็มีกิเลสทุกคนมีผิดมีพลาดด้วยกันทุกคนไม่ว่าศาสนาใด ผิดพลาดตรงไหนไม่ใช่ธรรม ให้ตีเจ้าของเข้าหาธรรม แล้วศาสนาใดก็เป็นธรรมด้วยกัน นี่เรียกว่าถูกต้อง เข้าใจเหรอ
ชาวมุสลิมที่มา : ที่เรามานี้ก็เพราะว่าเป็นคำสั่งพระเจ้า
หลวงตา : พระเจ้าว่าอย่างไร
ชาวมุสลิมที่มา : พระเจ้าสร้างมนุษย์มาเป็นเผ่าพันธุ์ต่างๆ เพื่อให้มนุษย์เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน จุดประสงค์ก็อัลเลาะห์คือว่ามาสร้างความรักระหว่างพี่น้อง เป้าหมายของเขาในคัมภีร์อัลกุรอ่านได้บัญญัติเรียบร้อยว่า ถ้าหากต้องการให้โลกนี้ประสบกับความสันติสุข อิสลามได้สอนแนวทางก็คือว่า ใครก็ตามที่คิดในทางของพระเจ้า (ภาษาทางศาสนาอิสลาม......) แปลว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะห์และมูฮัมหมัดเป็นศาสนทูต
ผู้กำกับ : อ่านตามที่เขาพิมพ์มาให้นะครับ “เราทุกคนมาจากบรรพบุรุษคนเดียวกัน คือท่านอาดัมและอีวา อัลเลาะห์ทรงสร้างอาดัมมาจากดิน พระองค์ให้เกียรติแก่ลูกหลานของอาดัมด้วยการประทานสติปัญญา วิชาความรู้ ปัจจัยยังชีพที่ดี และทรงให้มนุษย์ดีเด่นอย่างมีเกียรติ เหนือกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล ดังนั้นผู้มีเกียรติทุกท่าน จงอย่าเคารพสักการะสิ่งอื่นใด นอกจากอัลเลาะห์องค์เดียวเท่านั้น และจงมานับถือศาสนาอิสลามกันเถิด”
หลวงตา : เอาละนี่เป็นเรื่องของศาสนานั้นนะ ทีนี้เราแยกออกมา ลูกของใครใครก็รักลูก พ่อแม่ของใครใครก็รักพ่อแม่ของตัวเองๆ ทีนี้ศาสนาใดก็รักศาสนาของตัวเอง อันนี้ไม่เอามาขัดแย้งกัน ถ้าขัดแย้งผิด คนนี้เขามีพ่อมีแม่เขานับถือพ่อแม่ของเขา ทั่วโลกเขามีพ่อมีแม่ ลูกมีพ่อมีแม่ ต่างคนต่างรักต่างสงวน กัน นี้ยกให้เป็นสิทธิแต่ละคนๆ ระหว่างพ่อแม่กับลูกของเขา ให้เขารักกันเต็มสัดเต็มส่วนของเขา ไม่ไปขัดไปแย้งเขา แต่เวลาพ่อแม่หรือลูกแต่ละคนๆออกมาเกี่ยวข้องกันนี้ให้ปฏิบัติถูกต้องตามหลักธรรมด้วยกัน ถ้าถูกต้องตามหลักธรรมลูกใดของพ่อแม่ใดก็ถูกต้องไปตามๆกัน นี่มารัก มาสามัคคีกัน สมัครสมานกันตรงที่ต่างคนต่างปฏิบัติให้ถูกต้องต่อกันตามหลักธรรม เข้าใจเหรอ ถ้าผิดจากนี้แล้วใครจะเป็นพ่อใดแม่ใดก็ตามคนนั้นๆ ก็เป็นผู้ผิดจากการทำผิดของตัว เข้าใจเหรอที่พูดนี่ เข้าใจแล้วนะ
โต๊ะอีหม่าม : ไปที่อุดรก็ไม่เจอ ว่าไปโรงพยาบาล วันนี้ก็มารออยู่นี่มาพบที่นี่ พบก็จะบอกกับหลวงตา มีคำที่ดี จำเอาไว้เถอะว่า ท่านจะพบกับความสำเร็จ ไม่ใช่สำเร็จบนโลกนี้อย่างเดียวนะ โลกหน้าก็สำเร็จ ผมจะบอกว่า โลกนี้มันจะอวสานแล้ว แต่มนุษย์ยังมัวเมาในโลกนี้อยู่ ดูได้เลยว่าถ้าฝนจะตกจะมีสัญญาณบอกเครื่องหมายบอกว่าลมมาเมฆมา เหมือนเราจะเจ็บไข้ได้ป่วยเราก็มีอาการก่อนจะเป็นไข้ โลกนี้จะพังก็เช่นเดียวกัน บอกมาไม่รู้กี่พันปีแล้วว่า หนึ่ง ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ตอนนี้เราเห็นแล้วเกือบทุกวัน สอง มนุษย์บนโลกจะมีแต่ความวุ่นวาย สาม ลูกหลานไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อแม่ สี่ มนุษย์ส่วนมากมัวเมาในความชั่ว ห้า .... ข้อที่หก การโกหกเป็นบาป คนเดี๋ยวนี้เป็นบาปเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเกิดขึ้นหกข้อสัญญาณโลกจะพัง
โยมที่มากับคณะโต๊ะอีหม่าม : ทางเขามีทำนายถึงวันโลกสลาย เวลานี้ก็ใกล้อย่างว่า ศีลธรรมไม่มีกัน แต่ของพุทธก็มีอยู่ในพระไตรปิฎก ถึงมิคสัญญีไฟล้างโลกมีอยู่ (พุทธทำนายครับ)