สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ก่อนอื่นต้องขอท้าวความก่อนว่า
เราเป็นลูกคนเดียวค่ะ แม่ทำงานตลอด ก็จะมีแต่ยายที่คอยเลี้ยงดู ตอนเด็กๆ เราติดยายและรักยายมากๆ
เพราะยายจะตามใจ ให้ความรัก ความอบอุ่นทุกอย่าง แต่เราก็รักแม่นะคะ เพราะแม่ทำงานหนัก
เพื่อให้เราสบาย แม้ตอนเด็ก เราอาจจะมีน้อยอก น้อยใจแม่บ้าง แต่เมื่อโตมาจน 25 ขวบแล้ว
ก็ทำให้เราได้คิดว่า ทุกๆ อย่างที่แม่ทำและทุ่มเท ก็เพื่อเราทั้งนั้น
ตอนเด็กๆ ยายจะคุมเข้มเราทุกอย่าง ไม่ให้อยู่บ้านคนเดียว เวลาเล่นน้ำทะเลก็ไม่ให้ไปที่ลึกๆ
หรือไปไกลสายตา แต่เราก็ดื้อค่ะ ดื้อมากนิสัยลูกคนเดียว ไม่เข้าใจทำไมยายชอบห้าม
จนตอนนี้ร็ซึ้งละค่ะ เพราะท่านรักเรามาก ท่านเป็นห่วงเรา กลัวเราจมน้ำ กลัวเราเป็นอันตราย
เวลายายนั่งปลอกกระท้อน หรือมังคุดให้เราทานทาน ยายก็จะบอกตลอด ว่า อย่ากลืนเม็ดนะลูก
พูดซ้ำไป ซ้ำมา จนเรารำคาญ พูดจนกินหมด เพราะแกกลัวว่าเม็ดกระท้อนจะติดคอเรา แกเป็นห่วงเราแท้ๆ
มีครั้งนึงเราถูกทาง รร. ลงโทษให้ไปเข้าค่ายที่ ตจว. ยายเป็นห่วงเรามาก ให้เราแอบเอามือถือไป
ยายโมโห ทาง รร.มาก ทำไมต้องให้ไปไกล ไปหลายวัน จนแม่ต้องออกโรงว่าก็ลูกเราทำผิด
แต่สุดท้าย ยายก็สั่งให้แม่ไปเยี่ยม คนในค่ายร้อยกว่าคน ไม่มีพ่อแม่ใครไปเยี่ยม มีแต่แม่ของเรา
ทุกวันนี้มันเลยทำให้เราคิดได้ว่า ความรักของแม่และ ยายนั้นประเสริฐ ขนาดไหน
จนเราเรียนจบ ม.ปลาย เราอยากไปเรียน กทม. (บ้านอยู่ พัทยาค่ะ) แม่บอกว่าอย่าไปเลยลูก
ถ้าหนูไป ไม่เกินปียายต้องตายแน่ๆ ลองเรียนแถวบ้านเถอะลูก ลองสอบดู
เราก็เชื่อแม่ค่ะ เพราะเรารักยาย เราไม่เคยห่างจากยายเลย ถึงเราจะโตเป็นสาว เราก็ยังนอนกอดยายอยู่
หาข้าว หาน้ำให้ยายกิน มีทะเลาะกันบ้าง เถียงกันบ้าง เพราะเมื่อยายเริ่ม แก่ นิสัยก็กลับกันค่ะ
เหมือนเราตอนเด็กๆ ที่ชอบเอาแต่ใจเลย
สรุปว่าเราสอบไม่ติดค่ะที่ ม.บูร แม่และยายกลัวเราเครียด กลัวมากๆ เลยบอกว่าให้เราไปเรียนที่ กทม.ได้
อนุญาติ อยากเรียนที่ไหนก็ตามใจ ช่วงนั้นชอบมีข่าวเด็กเอนไม่ติดฆ่าตัวตาย แม่เลยได้แต่ปลบใจเรา
อาทิตย์แรกที่เรามาเรียนไม่ค่อยมีความสุขเลยค่ะ เราร้องไห้ประจำเวลาคุยโทรศัพท์ กะยาย
และยายก็ชอบร้องก่อนซะด้วย เล่าถึงตรงนี้ น้ำตาไหลเลย
............................................
เราต้องกลับบ้านทุกอาทิตย์ค่ะ แม่ขอไว้ เราก็กลับค่ะ เราเป็นห่วงยาย
และแม่ก็เริ่มแก่แล้ว ต้องมาช่วยงานที่บ้าน พอเวลาผ่านไปสักพัก เรากับยายก็ไม่ค่อยร้องไห้แล้ว
แต่ยายจะป่วย พอเรามาเรียนยายก็ป่วย
พอเรากลับบ้าน พายายไปหาหมอ ยายก็ดูปกติ สดชื่น ร่าเริงแจ่มใส
พอนานๆ เข้าเราก็เริ่มกังวลค่ะ เราเข้าใจ ยายคงเหงามาก อยู่บ้านคนเดียว
แม่ก็ทำงาน ญาติคนอื่นๆ พี่น้องแม่ก็มีแวะเวียนมาเยี่ยมยาย แต่ก็ยังเป็นแบบนี้เรื่อยๆ
และเราเองก็เริ่มเป็นสาวใหญ่ พอกลับบ้าน บางทีก็ไม่ค่อยได้นอนกับยาย ขึ้นไปนอนบนห้อง
ทิ้งยายให้นอนคนเดียว หารู้ไม่ว่า ท่านรอเรามาทั้งอาทิตย์
จนวันนึงที่เรากลับบ้าน มื้อเทำกับข้าวให้ยายกินกับน้าสาว จำได้เลยว่ามันเป็นยำวุ้นเส้น
ยายกินเยอะมาก ยายยิ้มแบบมีควาย็นมสุขที่สุดในชีวิต ถึงแม้จะผ่านมาหลายปี เราก็ยังจำรอยยิ้มนั้นได้
............... เรากับน้าก็ยังแซวยายว่ามันอร่อยขนาดนั้น เลยเหรอ ให้ยายค่อยๆกิน เดี๋ยวจะติดคอ
พอมืด เราก็ไปซื้อของมาขาย ที่กทม. ไปเป็นเพื่อนแม่ค่ะ ขากลับน้าสาวโทรมาบอกว่ายายอาเจียน
และถ่าย เป็นสีดำ ตอนนี้พาตัวส่ง รพ.แล้ว ตอนนั้นหัวใจเราตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยค่ะ
ตอนนั้นถึงชลบุรีแล้ว เราร้องไห้ตลอดทางด้วยความเป็นห่วงยาย คนขับก็ตกใจ
ใช้เวลา 15 นาทีถึงพัทยา พอมายายก็อาละวาดใหญ่เลยค่ะ ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรมาก
แต่หมอบอกว่าต้องส่ง รพ.ชลบุรี เคสหนัก เราก็ตามไปเฝ้ายาย ทุกคนบอกว่ายายโคม่าค่ะ
ไม่รู้สึกตัว อาเจียนและถ่ายอย่างเดียว สรุปว่ายายเป็น เส้นเลือดที่หัวใจอุดตันเฉียบพลันค่ะ
ยายนอน รพ. สองวันพอเช้าวันที่สาม หมอก็ตามตัวญาติ พอขึ้นไปถึง หมอและพยาบาลกำลัง
ปั๊มหัวใจยายอยู่ค่ะ ยายขึ้นมาสองครั้ง น้าสาวรู้สึกสงสารยายมาก รู้ว่ายายไม่อยากตาย
รู้ว่ายายเป็นห่วงเรามากที่สุด
น้าเลยเข้าไปกระซิบข้างหูยายว่า ยายไปเหอะนะ
ยายไม่ต้องห่วง เดี๋ยวน้าจะช่วงดูแลเรา และแม่ของเราเอง แล้วเอาเงินใส่มือของยาย แล้วยายก็...นิ่งไปเลยค่ะ
.............ตอนนั้นยายจากเราไปตอนเราเรียนปี 1 จบพอดี เหมือนที่แม่พูดเลยเราเสียใจ
ร้องไห้ ร้องให้ตาย ยายก็ไม่กลับมาแล้ว แต่ตอนนี้เราก็ยังเหลือแม่อีกคน
มันทำให้เราคิดได้ ตอนที่มันเกือบจะสายไปแล้ว ว่ารักไหนๆ หรือรักใดๆ
มันก็ไม่มีค่าเหมือนรัก ที่เราได้จาก แม่ และยาย
อย่ารู้ช้า .... จนสายเกินแก้
เราเป็นลูกคนเดียวค่ะ แม่ทำงานตลอด ก็จะมีแต่ยายที่คอยเลี้ยงดู ตอนเด็กๆ เราติดยายและรักยายมากๆ
เพราะยายจะตามใจ ให้ความรัก ความอบอุ่นทุกอย่าง แต่เราก็รักแม่นะคะ เพราะแม่ทำงานหนัก
เพื่อให้เราสบาย แม้ตอนเด็ก เราอาจจะมีน้อยอก น้อยใจแม่บ้าง แต่เมื่อโตมาจน 25 ขวบแล้ว
ก็ทำให้เราได้คิดว่า ทุกๆ อย่างที่แม่ทำและทุ่มเท ก็เพื่อเราทั้งนั้น
ตอนเด็กๆ ยายจะคุมเข้มเราทุกอย่าง ไม่ให้อยู่บ้านคนเดียว เวลาเล่นน้ำทะเลก็ไม่ให้ไปที่ลึกๆ
หรือไปไกลสายตา แต่เราก็ดื้อค่ะ ดื้อมากนิสัยลูกคนเดียว ไม่เข้าใจทำไมยายชอบห้าม
จนตอนนี้ร็ซึ้งละค่ะ เพราะท่านรักเรามาก ท่านเป็นห่วงเรา กลัวเราจมน้ำ กลัวเราเป็นอันตราย
เวลายายนั่งปลอกกระท้อน หรือมังคุดให้เราทานทาน ยายก็จะบอกตลอด ว่า อย่ากลืนเม็ดนะลูก
พูดซ้ำไป ซ้ำมา จนเรารำคาญ พูดจนกินหมด เพราะแกกลัวว่าเม็ดกระท้อนจะติดคอเรา แกเป็นห่วงเราแท้ๆ
มีครั้งนึงเราถูกทาง รร. ลงโทษให้ไปเข้าค่ายที่ ตจว. ยายเป็นห่วงเรามาก ให้เราแอบเอามือถือไป
ยายโมโห ทาง รร.มาก ทำไมต้องให้ไปไกล ไปหลายวัน จนแม่ต้องออกโรงว่าก็ลูกเราทำผิด
แต่สุดท้าย ยายก็สั่งให้แม่ไปเยี่ยม คนในค่ายร้อยกว่าคน ไม่มีพ่อแม่ใครไปเยี่ยม มีแต่แม่ของเรา
ทุกวันนี้มันเลยทำให้เราคิดได้ว่า ความรักของแม่และ ยายนั้นประเสริฐ ขนาดไหน
จนเราเรียนจบ ม.ปลาย เราอยากไปเรียน กทม. (บ้านอยู่ พัทยาค่ะ) แม่บอกว่าอย่าไปเลยลูก
ถ้าหนูไป ไม่เกินปียายต้องตายแน่ๆ ลองเรียนแถวบ้านเถอะลูก ลองสอบดู
เราก็เชื่อแม่ค่ะ เพราะเรารักยาย เราไม่เคยห่างจากยายเลย ถึงเราจะโตเป็นสาว เราก็ยังนอนกอดยายอยู่
หาข้าว หาน้ำให้ยายกิน มีทะเลาะกันบ้าง เถียงกันบ้าง เพราะเมื่อยายเริ่ม แก่ นิสัยก็กลับกันค่ะ
เหมือนเราตอนเด็กๆ ที่ชอบเอาแต่ใจเลย
สรุปว่าเราสอบไม่ติดค่ะที่ ม.บูร แม่และยายกลัวเราเครียด กลัวมากๆ เลยบอกว่าให้เราไปเรียนที่ กทม.ได้
อนุญาติ อยากเรียนที่ไหนก็ตามใจ ช่วงนั้นชอบมีข่าวเด็กเอนไม่ติดฆ่าตัวตาย แม่เลยได้แต่ปลบใจเรา
อาทิตย์แรกที่เรามาเรียนไม่ค่อยมีความสุขเลยค่ะ เราร้องไห้ประจำเวลาคุยโทรศัพท์ กะยาย
และยายก็ชอบร้องก่อนซะด้วย เล่าถึงตรงนี้ น้ำตาไหลเลย............................................
เราต้องกลับบ้านทุกอาทิตย์ค่ะ แม่ขอไว้ เราก็กลับค่ะ เราเป็นห่วงยาย
และแม่ก็เริ่มแก่แล้ว ต้องมาช่วยงานที่บ้าน พอเวลาผ่านไปสักพัก เรากับยายก็ไม่ค่อยร้องไห้แล้ว
แต่ยายจะป่วย พอเรามาเรียนยายก็ป่วย
พอเรากลับบ้าน พายายไปหาหมอ ยายก็ดูปกติ สดชื่น ร่าเริงแจ่มใส
พอนานๆ เข้าเราก็เริ่มกังวลค่ะ เราเข้าใจ ยายคงเหงามาก อยู่บ้านคนเดียว
แม่ก็ทำงาน ญาติคนอื่นๆ พี่น้องแม่ก็มีแวะเวียนมาเยี่ยมยาย แต่ก็ยังเป็นแบบนี้เรื่อยๆ
และเราเองก็เริ่มเป็นสาวใหญ่ พอกลับบ้าน บางทีก็ไม่ค่อยได้นอนกับยาย ขึ้นไปนอนบนห้อง
ทิ้งยายให้นอนคนเดียว หารู้ไม่ว่า ท่านรอเรามาทั้งอาทิตย์
จนวันนึงที่เรากลับบ้าน มื้อเทำกับข้าวให้ยายกินกับน้าสาว จำได้เลยว่ามันเป็นยำวุ้นเส้น
ยายกินเยอะมาก ยายยิ้มแบบมีควาย็นมสุขที่สุดในชีวิต ถึงแม้จะผ่านมาหลายปี เราก็ยังจำรอยยิ้มนั้นได้
............... เรากับน้าก็ยังแซวยายว่ามันอร่อยขนาดนั้น เลยเหรอ ให้ยายค่อยๆกิน เดี๋ยวจะติดคอ
พอมืด เราก็ไปซื้อของมาขาย ที่กทม. ไปเป็นเพื่อนแม่ค่ะ ขากลับน้าสาวโทรมาบอกว่ายายอาเจียน
และถ่าย เป็นสีดำ ตอนนี้พาตัวส่ง รพ.แล้ว ตอนนั้นหัวใจเราตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยค่ะ
ตอนนั้นถึงชลบุรีแล้ว เราร้องไห้ตลอดทางด้วยความเป็นห่วงยาย คนขับก็ตกใจ
ใช้เวลา 15 นาทีถึงพัทยา พอมายายก็อาละวาดใหญ่เลยค่ะ ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรมาก
แต่หมอบอกว่าต้องส่ง รพ.ชลบุรี เคสหนัก เราก็ตามไปเฝ้ายาย ทุกคนบอกว่ายายโคม่าค่ะ
ไม่รู้สึกตัว อาเจียนและถ่ายอย่างเดียว สรุปว่ายายเป็น เส้นเลือดที่หัวใจอุดตันเฉียบพลันค่ะ
ยายนอน รพ. สองวันพอเช้าวันที่สาม หมอก็ตามตัวญาติ พอขึ้นไปถึง หมอและพยาบาลกำลัง
ปั๊มหัวใจยายอยู่ค่ะ ยายขึ้นมาสองครั้ง น้าสาวรู้สึกสงสารยายมาก รู้ว่ายายไม่อยากตาย
รู้ว่ายายเป็นห่วงเรามากที่สุด น้าเลยเข้าไปกระซิบข้างหูยายว่า ยายไปเหอะนะ
ยายไม่ต้องห่วง เดี๋ยวน้าจะช่วงดูแลเรา และแม่ของเราเอง แล้วเอาเงินใส่มือของยาย แล้วยายก็...นิ่งไปเลยค่ะ
.............ตอนนั้นยายจากเราไปตอนเราเรียนปี 1 จบพอดี เหมือนที่แม่พูดเลยเราเสียใจ
ร้องไห้ ร้องให้ตาย ยายก็ไม่กลับมาแล้ว แต่ตอนนี้เราก็ยังเหลือแม่อีกคน
มันทำให้เราคิดได้ ตอนที่มันเกือบจะสายไปแล้ว ว่ารักไหนๆ หรือรักใดๆ
มันก็ไม่มีค่าเหมือนรัก ที่เราได้จาก แม่ และยาย