เรื่องมีอยู่ว่า คุณยายของดิฉัน ท่านหมดลมหายใจไปเฉยๆ ตอนตี 4.30 ค่ะ ที่บ้านของน้า
น้าตกใจมาก ตอนนั้น มือและเท้า เริ่มเย็นและแข็ง น้าเรียกลูกชายมาช่วย ปั๊มหัวใจ
สักพัก เห็นนิ้วยายกระดิก จึงรีบนำตัวส่ง ร.พ. ดิฉันได้รับข่าวตอน 10.30 จึงรีบพาแม่ไปเยี่ยม
ตอนนั้น แม่เป็นลมไปแล้วค่ะ เพราะได้ยินแค่น้าโทรมาบอกว่า ยายตายแล้ว.....ได้ยินแค่นั้นแม่
ร้องให้ จะเป็นลม ส่งโทรฯให้ดิฉันคุยกับน้าต่อค่ะ จึงได้ความว่า ตายแล้ว หยุดหายใจไปพักนึง
แล้วปั๊มกลับมาได้ ตอนนี้อยู่ ร.พ.
พอฟังจบ ดิฉันก็รีบบอกแม่ให้ แต่งตัว รีบไปหายายทันที
ดิฉันอยู่กรุงเทพฯ บ้านน้าอยู่ สมุทรสงคราม กว่าจะไปถึง ก็บ่ายสองนู่นเลยค่ะ
ไปถึง ร.พ. เป็นห้องรวมค่ะ ยายใช้สิทธิ์ แม่ของข้าราชการ ลูกชายเป็นทหารบก รักษาฟรี
ห้องรวม แออัด ไปด้วย คนไข้หญิง นับคร่าวๆ น่าจะ ประมาณ 30 เตียงได้ ทุกคนดูน่าสงสาร
บ้างร้องโอดครวญ บ้างก็นอนร้องไห้ ส่วนใหญ่เป็นหญิงชราทั้งนั้น เดินเข้าไปเยี่ยมยาย
อยู่ริมหน้าต่าง เป็นเตียงเสริม ริมหน้าต่างจริงๆ เป็นเตียงที่นำมาตั้ง อยู่ข้างหน้าต่าง ซึ่งปกติ
ตรงนั้นจะเป็นทางเดิน และซอกเตียง ของเตียงริมสุด ห้องนี้เขาแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งนึง จะมีเตียงปกติ
3 เตียง คือ ซ้าย 3 ขวา 3 เท่ากับแถวนึง ก็ 6 เตียงแล้ว ตรงกลางเป็นทางเดิน ทั้งห้อง น่าจะมีสัก
5 แถว เตียงของยาย อยู่ประมาณ แถวที่ 3 กลางๆห้อง แต่เตียงยายเป็นเตียงเสริม คือนำเตียงไป
วางข้างๆ หน้าต่าง เท่ากับแถวนั้น มี 4 เตียง ห้องเป็นพัดลม กลางวันก็อบอ้าว ร้อนจนเหงื่อไหล
คนไข้ที่อยู่นาน ๆก็จะนำพัดลม มาเสียบเพิ่มอีกตัวนึง เกือบทุกเตียงมีพัดลมตัวเล็กๆ เสียบอยู่
และเตียงข้างๆ ยายก็เช่นกัน มีหญิงอายุประมาณ 35-40 เฝ้าไข้ หญิงชรา คาดว่าน่าจะเป็นแม่ของ
ป้าเขา ดิฉันขอเรียกเขาว่าป้าละกันค่ะ ป้าคนนี้ก็มีพัดลมตัวเล็กๆ วางบนเก้าอี้กลม จ่อข้างเตียง
ข้างล่างมีปลั๊กไฟราง ที่เสียบได้ ประมาณ 6 ช่อง มีพ่วงไปที่เตียงตรงข้ามกัน อีก1อัน คือพัดลม
อีกเตียงนึง ดิฉันกับน้า รีบมา ร.พ. ด้วยความเร่งรีบ เพราะได้รับข่าว ว่ายายตาย ตลอดทางก็ใช้โทรศัพท์
สื่อสารบอกญาติพี่น้อง ต่างๆ จนแบตหมด น้าดิฉันจึงขอ เตียงข้างๆ เสียบ สายไฟชาร์จแบต
เพราะเตียงของยาย เป็นเตียงเสริม ไม่มีอะไรเลย ไม่มีไฟ ไม่มีพัดลม ไม่มีออดฉุกเฉิน
ป้าเขาก็บอกว่าปลั๊กนี่ ของเตียงนู้น น้าเห็นเตียงนู้นเป็นยายแก่ๆ หลับอยู่ ก็เลยบอกป้าคนนี้แทน
ว่าขอเสียบไฟหน่อย เขาก็ไม่พูดอะไร น้าจึงเสียบไฟชาร์จแบตที่ตรงนั้น วันนี้เราใช้โทรศัพท์ทั้งวัน
แบตหมดเหมือนกัน จึงไปขอเสียบแบตเพิ่มอีกอันนึง แต่ระหว่างนั้น ก็ได้สังเกตนะ ว่าไฟมันไม่เข้าเลย
คือชาร์จแบตไม่เข้า ก็สงสัยอยู่ว่าเป็นที่ปลั๊กไฟหรือเปล่า ลองขยับดูก็ติดบ้าง ไม่ติดบ้าง
แล้วก็ไม่ได้คิดอะไร จนสักพัก เพิ่งสังเกตว่า พัดลมทั้ง 2เตียง ที่เคย เสียบไฟอยู่ มันดับ เราก็คิดไปเอง
ว่าเย็นแล้ว เขาคงจะหนาวมั้ง เลยไม่ได้เปิดพัดลม เพราะบนเพดาน แต่ละเตียง ก็มีพัดลมอยู่แล้ว
เป็นพัดลมกลมติดเพดาน ส่ายหมุนรอบทิศทางได้
เตียงของยายดิฉันเป็นเตียงเสริม จึงไม่มีทั้งพัดลมและไฟ หรือปลั๊กไฟให้เลย ที่จะยืนเยี่ยมยังไม่มีเลยค่ะ
แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะรักษาฟรี ยายยังไม่ตาย มีเตียงให้นอน ก็ดีใจแล้ว หมอบอกจะนำเครื่องเช็ค
หัวใจอะไรสักอย่างมาติดให้ ตั้งแต่บ่ายสอง จน 3 ทุ่ม ก็ยังไม่มาเลยค่ะ มีแค่ให้น้ำเกลืออย่างเดียว
ไม่มียาอะไรให้กินสักอย่าง (อธิบายนอกเรื่องนิดหน่อยนะคะ)
เมื่อมนุษย์ป้า มาเจอคุณยายตายแล้วฟื้น........
น้าตกใจมาก ตอนนั้น มือและเท้า เริ่มเย็นและแข็ง น้าเรียกลูกชายมาช่วย ปั๊มหัวใจ
สักพัก เห็นนิ้วยายกระดิก จึงรีบนำตัวส่ง ร.พ. ดิฉันได้รับข่าวตอน 10.30 จึงรีบพาแม่ไปเยี่ยม
ตอนนั้น แม่เป็นลมไปแล้วค่ะ เพราะได้ยินแค่น้าโทรมาบอกว่า ยายตายแล้ว.....ได้ยินแค่นั้นแม่
ร้องให้ จะเป็นลม ส่งโทรฯให้ดิฉันคุยกับน้าต่อค่ะ จึงได้ความว่า ตายแล้ว หยุดหายใจไปพักนึง
แล้วปั๊มกลับมาได้ ตอนนี้อยู่ ร.พ.
พอฟังจบ ดิฉันก็รีบบอกแม่ให้ แต่งตัว รีบไปหายายทันที
ดิฉันอยู่กรุงเทพฯ บ้านน้าอยู่ สมุทรสงคราม กว่าจะไปถึง ก็บ่ายสองนู่นเลยค่ะ
ไปถึง ร.พ. เป็นห้องรวมค่ะ ยายใช้สิทธิ์ แม่ของข้าราชการ ลูกชายเป็นทหารบก รักษาฟรี
ห้องรวม แออัด ไปด้วย คนไข้หญิง นับคร่าวๆ น่าจะ ประมาณ 30 เตียงได้ ทุกคนดูน่าสงสาร
บ้างร้องโอดครวญ บ้างก็นอนร้องไห้ ส่วนใหญ่เป็นหญิงชราทั้งนั้น เดินเข้าไปเยี่ยมยาย
อยู่ริมหน้าต่าง เป็นเตียงเสริม ริมหน้าต่างจริงๆ เป็นเตียงที่นำมาตั้ง อยู่ข้างหน้าต่าง ซึ่งปกติ
ตรงนั้นจะเป็นทางเดิน และซอกเตียง ของเตียงริมสุด ห้องนี้เขาแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งนึง จะมีเตียงปกติ
3 เตียง คือ ซ้าย 3 ขวา 3 เท่ากับแถวนึง ก็ 6 เตียงแล้ว ตรงกลางเป็นทางเดิน ทั้งห้อง น่าจะมีสัก
5 แถว เตียงของยาย อยู่ประมาณ แถวที่ 3 กลางๆห้อง แต่เตียงยายเป็นเตียงเสริม คือนำเตียงไป
วางข้างๆ หน้าต่าง เท่ากับแถวนั้น มี 4 เตียง ห้องเป็นพัดลม กลางวันก็อบอ้าว ร้อนจนเหงื่อไหล
คนไข้ที่อยู่นาน ๆก็จะนำพัดลม มาเสียบเพิ่มอีกตัวนึง เกือบทุกเตียงมีพัดลมตัวเล็กๆ เสียบอยู่
และเตียงข้างๆ ยายก็เช่นกัน มีหญิงอายุประมาณ 35-40 เฝ้าไข้ หญิงชรา คาดว่าน่าจะเป็นแม่ของ
ป้าเขา ดิฉันขอเรียกเขาว่าป้าละกันค่ะ ป้าคนนี้ก็มีพัดลมตัวเล็กๆ วางบนเก้าอี้กลม จ่อข้างเตียง
ข้างล่างมีปลั๊กไฟราง ที่เสียบได้ ประมาณ 6 ช่อง มีพ่วงไปที่เตียงตรงข้ามกัน อีก1อัน คือพัดลม
อีกเตียงนึง ดิฉันกับน้า รีบมา ร.พ. ด้วยความเร่งรีบ เพราะได้รับข่าว ว่ายายตาย ตลอดทางก็ใช้โทรศัพท์
สื่อสารบอกญาติพี่น้อง ต่างๆ จนแบตหมด น้าดิฉันจึงขอ เตียงข้างๆ เสียบ สายไฟชาร์จแบต
เพราะเตียงของยาย เป็นเตียงเสริม ไม่มีอะไรเลย ไม่มีไฟ ไม่มีพัดลม ไม่มีออดฉุกเฉิน
ป้าเขาก็บอกว่าปลั๊กนี่ ของเตียงนู้น น้าเห็นเตียงนู้นเป็นยายแก่ๆ หลับอยู่ ก็เลยบอกป้าคนนี้แทน
ว่าขอเสียบไฟหน่อย เขาก็ไม่พูดอะไร น้าจึงเสียบไฟชาร์จแบตที่ตรงนั้น วันนี้เราใช้โทรศัพท์ทั้งวัน
แบตหมดเหมือนกัน จึงไปขอเสียบแบตเพิ่มอีกอันนึง แต่ระหว่างนั้น ก็ได้สังเกตนะ ว่าไฟมันไม่เข้าเลย
คือชาร์จแบตไม่เข้า ก็สงสัยอยู่ว่าเป็นที่ปลั๊กไฟหรือเปล่า ลองขยับดูก็ติดบ้าง ไม่ติดบ้าง
แล้วก็ไม่ได้คิดอะไร จนสักพัก เพิ่งสังเกตว่า พัดลมทั้ง 2เตียง ที่เคย เสียบไฟอยู่ มันดับ เราก็คิดไปเอง
ว่าเย็นแล้ว เขาคงจะหนาวมั้ง เลยไม่ได้เปิดพัดลม เพราะบนเพดาน แต่ละเตียง ก็มีพัดลมอยู่แล้ว
เป็นพัดลมกลมติดเพดาน ส่ายหมุนรอบทิศทางได้
เตียงของยายดิฉันเป็นเตียงเสริม จึงไม่มีทั้งพัดลมและไฟ หรือปลั๊กไฟให้เลย ที่จะยืนเยี่ยมยังไม่มีเลยค่ะ
แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะรักษาฟรี ยายยังไม่ตาย มีเตียงให้นอน ก็ดีใจแล้ว หมอบอกจะนำเครื่องเช็ค
หัวใจอะไรสักอย่างมาติดให้ ตั้งแต่บ่ายสอง จน 3 ทุ่ม ก็ยังไม่มาเลยค่ะ มีแค่ให้น้ำเกลืออย่างเดียว
ไม่มียาอะไรให้กินสักอย่าง (อธิบายนอกเรื่องนิดหน่อยนะคะ)