คอร์รัปชั่นมะเร็งร้ายที่ต้องรีบกำจัด บทบรรณาธิการ แนวหน้าออนไลน์

กระทู้สนทนา
องค์กรภาคประชาชน  ภาคธุรกิจและสื่อกลุ่มหนึ่งเล็งเห็นถึงภยันตรายอย่างใหญ่ลวงของปัญหาการ
ทุจริตคอร์รัปชั่นโกงบ้านกินเมืองที่นับวันจะรุนแรงเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเปรียบเหมือนมะเร็งร้าย
ที่กัดกินบ่อนทำลายสังคมซึ่งหากปล่อยให้สถานการณ์เลวร้ายดำเนินต่อไปในที่สุดก็จะนำพาบ้านเมือง
ไปสู่ความวิบัติล่มสลายในทุกด้าน จึงได้จัดงาน” วันต่อต้านคอร์รัปชั่น 2556 : Act Now  ร่วมกันสู้
กอบกู้อนาคต ซึ่งมีประชาชนจากหลายภาคส่วนเข้าร่วมการจัดงานครั้งนี้จำนวนมาก

นายประมณฑ์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรเครือข่ายต่อต้านการคอร์รัปชั่นให้ทัศนะในงานชี้ให้เห็นว่า
อุปสรรคสำคัญในการต่อต้านการคอร์รัปชั่นของประเทศไทยก็คือ ทัศนคติค่านิยมของคนไทยที่ยังเชื่อว่า
การขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และที่เลวร้ายยิ่งกว่าและน่ากลัวมากก็คือทัศนคติ
ของคนไทยที่ว่านักการเมืองคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาขอเพียงคอร์รัปชั่นแล้วแบ่งให้ประชาชนบ้าง
เท่านั้น

ประธานองค์กรเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นชี้ว่าตลอด 3 ปีที่ผ่านมาวิกฤติสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย
มีแต่ทรงกับทรุดและกำลังจะลุกลามกลายเป็นมหาวิกฤติคอร์รัปชั่น ส่วนสาเหตุที่เกิดคอร์รัปชั่นเพราะ

1. รัฐบาลไม่จริงใจในการปราบปรามการทุจริต อาทิ โครงการรับจำนำข้าว
2. ความเห็นแก่ตัวของนักธุรกิจเองที่ร่วมมือทุจริต กับเจ้าหน้าที่รัฐ
3. ข้าราชการที่ดีซื่อสัตย์สุจริตถูกกลั่นแกล้ง ขณะเดียวกันก็มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง
   ในวงราชการทำให้เกิดข้าราชการเลวที่ซื้อตำแหน่งแล้วถอนทุนบวกกำไร และ
4. การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ดีในการขุดคุ้ยเปิดโปงการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่าง
    ตรงไปตรงมาถูกกลั่นแกล้งขัดขวาง ขณะที่สื่อมวลชนที่เลวยอมเป็นทาสรับใช้อำนาจทางการเมือง

ในการระดมความเห็นจากหลายฝ่ายต่างเห็นสอดคล้องกันว่า การที่จะปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น
ให้ได้ผลจำเป็นที่ประชาชนจากทุกภาคส่วนจะต้องตื่นตัวและรวมพลังกันทั้งประเทศเพื่อร่วมกันรณรงค์
ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง ขณะเดียวกันสื่อมวลชน

ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสังคมจะต้องร่วมมือในการทำบ้านเมืองให้ใสสะอาด

ปราศจากการฉ้อราษฏร์บังหลวง

พระบาทสมเด็จพระเอยู่หัวเคยทรงเปรียบการทุจริตคอร์รัปชั่นเปรียบเหมือนมะเร็งร้าย ที่กัดกร่อน
ทำลายสังคมทำให้ประเทศชาติเสื่อมลงไปเรื่อยๆและในการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณของ
คณะรัฐมนตรีก่อนเข้ารับหน้าที่ทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมาจะทรงย้ำให้คณะรัฐมนตรีปฏิบัติตามคำ
ถวายสัตย์ปฏิญาณตามมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด โดยตามาตรา  175 กำหนด
ให้คณะรัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคำที่มีสาระสำคัญคือจะปฏิบัติ
หน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน แต่ดูเหมือนว่าที่ผ่าน
มารัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่ปฏิบัติตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณที่เคยกล่าวต่อหน้าพระพักตร์

สำหรับสถานการณ์วิกฤติคอร์รัปชั่นของไทยในปัจจุบันจากการวิจัยของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ที่สำรวจความเห็นจากบรรดานักธุรกิจทั่วประเทศก่อนหน้านี้พบว่ารุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อนโดย
บรรดานักธุรกิจระบุว่าต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับข้าราชการหรือผู้มีอำนาจทางการเมืองไม่น้อยกว่า
30 % ของมูลค่าโครงการมิฉะนั้นจะไม่ได้รับการประมูลงานหรือความสะดวกในการทำธุรกิจขณะ
ที่สถาบันจัดอันดับความโปร่งใสระหว่างประเทศจัดอันดับประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีปัญหา
ทุจริตคอร์รัปชั่นค่อนข้างรุนแรง

ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนของสังคมไทยจะต้องตื่นตัวรวมพลังเพื่อต่อต้านและกำจัดมะเร็งร้าย
ที่บ่อนทำลายสังคมอย่างจริงจังให้หมดสิ้นไปโดยเร็วก่อนที่กัดกินสังคมจนล่มสลาย

เพราะผู้มีอำนาจทางการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชั่นย่อมประพฤติชั่วในเรื่องอื่นๆได้ทุกอย่างซี่งเป็น
อันตรายอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของชาติ

http://www.naewna.com/politic/columnist/8547

พาพันรดน้ำต้นไม้


คอรัปชั่น  พูดกันจัง  ต้องกำจัดให้สิ้นซาก  
คอรัปชั่น  มันเหมือนการตบมือ   ตบข้างเดียวไม่ดังหรอกค่ะ
ทุกคนมุ่งประเด็นไปด่านักการเมือง   นักการเมือง  เข้ามาแค่ 4  ปี  บางทีไม่ถึง
แล้วก็ออกไป  จักรกลสำคัญ  คือ ข้าราชการ และนักธุรกิจใช่ไหม ?
ไม่มีคน เสนอ  ไม่มีคนสนอง  ไม่มีคนประสานงาน  มันจะเกิดไม่ได้
ครม.จะร่ำจะรวยแค่ไหน  เขาเป็นนักธุรกิจ  เขาบอกที่มาของเงินได้
ข้าราชการ  แจ้งบัญชีทรัพย์สิน  แล้วลองให้เปิดเผยด้วย  สิ..จะได้รู้กันไป
ลำพัง  เงินเดือน  ข้าราชการ  คุณจะรวยเหยียบ ร้อยล้านได้ไหม ?

โอ๊ย ... ข้าราชการใหญ่ๆ  ใครกล้าแตะต้องบ้าง    หัวเราะ

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่