นับเป็นเรื่องที่น่าวิตกเป็นอย่างยิ่งสำหรับวิกฤติทุจริตคอร์รัปชั่นของประเทศ
เมื่อมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยแพร่ผลสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่น
ของไทยประจำเดือนธันวาคม 2555 ด้วยการสำรวจประชาชน 2,400 คน
ทั่วประเทศ ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์
ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังคงสอบตกในการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นโดย
ได้คะแนน 3.9 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจ (โพลล์)
ของสำนักวิจัยหลายสำนักในช่วงที่ผ่านมา

จากผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มวิกฤติคอร์รัปชั่นมีแต่จะเพิ่มขึ้น และที่น่า
เป็นห่วงก็คือเยาวชนคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่มีทัศนคติว่าวิกฤติทุจริตคอร์รัปชั่นเป็น
เรื่องไกลตัวไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยังอ้างผลงาน
วิจัยที่มีการประเมินความเสียหายของการทุจริตคอร์รัปชั่นจากงบประมาณการ
จัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานราชการ พบว่า ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจกับภาครัฐถึง
77% ระบุว่าต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับข้าราชการ นักการเมืองที่ทุจริตเพื่อให้ได้
สัญญาโครงการ และชี้ว่าเงินใต้โต๊ะที่ต้องจ่ายนั้นสูงกว่า 25 % ของมูลค่าโครงการ

นอกจากนี้จากการประเมินวงเงินทุจริตคอร์รัปชั่นจากงบประมาณรายจ่ายค่าครุภัณฑ์
ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง งบลงทุนรัฐวิสาหกิจมีมูลค่าสูงถึง 30-35% ทั้งนี้ จากการ
ประเมินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 มูลค่า 2.4 ล้านล้านบาท แยกเป็นงบ
ค่าครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง งบลงทุนรัฐวิสาหกิจทั้งสิ้น 942,608 ล้านบาท
ซึ่งหากมีการคอร์รัปชั่น 30% จะเป็นวงเงินถึง 282,782 ล้านบาทคิดเป็น 2.25%
ของผลผลิตมวลรวมประชาชาติหรือจีดีพี และหากทุจริต 35% จะคิดเป็นวงเงิน
329,913 ล้านบาทหรือคิดเป็น 2.63% ของจีดีพี

วิกฤติทุจริตคอร์รัปชั่นของไทยที่นับวันจะรุนแรงเลวร้ายมากขึ้นทุกขณะทำให้
นักธุรกิจและผู้ประกอบการภาคเอกชนตลอดจนประชาชนสาขาอาชีพต่างๆ ทั่ว
ประเทศต้องรวมตัวกันจัดตั้งเป็นเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นระดับชาติเพื่อร่วมมือ
กันหยุดยั้งและต่อต้านการโกงบ้านกินเมืองซึ่งเป็นมะเร็งร้ายของชาติอย่างจริงจัง
ซึ่งล่าสุดเครือข่ายต่อต้านการคอร์รัปชั่น เปิดเผยข้อมูลตัวเลขที่น่าตกใจโดย
สถาบันว่าด้วยคุณธรรมการเงินโลก (Global Financial Integrity) ระบุว่าไทย
อยู่ในอันดับ 13ที่เป็นแหล่งฟอกเงินสูงที่สุดของโลก โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
เงินสกปรกที่มาจากการทุจริตคอร์รัปชั่นและอาชญากรรมมีการลักลอบนำออก
นอกประเทศเป็นมูลค่ามหาศาลสูงถึง 2 ล้านล้านบาท หรือราว 2 แสนล้านบาท
ต่อปี โดยเงินสกปรกเหล่านี้ถูกนำไปฟอกในประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งฟอกเงิน
ที่เลื่องชื่อ อาทิ เกาะบริติชเวอร์จิ้น

ภาคีเครือข่ายต่อต้านการคอร์รัปชั่นยังแสดงความเป็นห่วงอย่างยิ่งและออก
แถลงการณ์ที่จะเฝ้าจับตาการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ยังคง
เฟื่องฟู โดยมีข้อน่าสังเกตว่ารัฐบาลกู้เงินก่อหนี้สาธารณะมหาศาลใช้จ่าย
งบประมาณอย่างมือเติบไปกับสารพัดโครงการประชานิยมและโครงการขนาด
ใหญ่ที่ส่อเค้าไปในทางทุจริตคอร์รัปชั่น อาทิ โครงการเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท
ในการฟื้นฟูเยียวยาและป้องกันน้ำท่วม เงินกู้อีกหลายแสนล้านบาทที่ใช้ไปกับ
โครงการรับจำนำข้าว และล่าสุดรัฐบาลเตรียมกู้เงินอีก 2.2 ล้านล้านบาท สำหรับ
โครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ

จากสถานการณ์วิกฤติการทุจริตคอร์รัปชั่นโดยเฉพาะโดยนักการเมืองผู้มีอำนาจ
ที่นับวันจะย่ามใจรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ดังกล่าว ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่
เปรียบเหมือนมะเร็งร้ายที่กำลังกัดกร่อนบ่อนทำลายนำพาสังคมไปสู่การล่มสลาย
จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายในชาติต้องร่วมกันสร้างจิตสำนึกโดยเฉพาะในหมู่เยาวชน
คนรุ่นใหม่และรณรงค์ตรวจสอบ ต่อต้านและขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง
และต่อเนื่องเพื่อไม่ให้นักการเมืองผู้มีอำนาจที่โกงบ้านกินเมืองได้มีที่ยืนในสังคม
อีกต่อไป

http://www.naewna.com/politic/columnist/5226


2 คดีใหญ่  ...ทุจริตที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ  คือจัดซื้อ ครุภัณฑ์ อาชีวะศึกษา
กับ โรงพัก 396 แห่ง  กับแฟลต ตำรวจ  มูลค่าเกือบ หมื่นล้านค่ะ  กลัวหาว่าตก
ข่าว  เลยต้องแตะซะนิด ...แต่ไม่กล้าเขียน  ว่าเรื่องไหนบ้าง  เลยแขวะเรื่องเงินกู้
กับจำนำข้าว ... คริ ..คริ...รับเถอะน่า ...ไม่กล้าแตะต้อง ...
จนเขากระหึ่มกันทั้งเมือง  ยังดูดาย..อยู่ได้ไง ....
เอ้า ...ช่วยมาบอก  ด้วยว่ากระทู้นี้  เสี้ยม ...กับเกรียน ....เพราะไปแตะ ปชป.
รวมทั้งว่าคนแปะด้วยว่า  ... แก่กะโหลกกะลา .... สัญญลักษณ์ใหม่ของ
"สาวเหลือน้อย"  นะคะ  ดอกไม้อหังการ์  แห่ง nonแดง  ..เธอให้ไว้ค้าาาา