ปกติผมไม่ค่อยหุงข้าวกินเองครับ มักจะซื้อข้าวถุง 5 บาท แถวบ้า่นมากินตลอด แล้วร้านพวกนี้ขายดีกันด้วยนะ 3 ร้านในหมู่บ้าน ขายหมดกันแทบทุกวันเลย ก็ซื้อกินมาตลอด ไม่ได้คิดอะไรนัก
มีวันหนึ่ง ไปทำงานที่อื่น แล้วไปซื้อข้าวถุงที่ตลาดนัดแถวนั้น ทั้งตลาดมีอยู่เจ้าเดียว แล้วขายดีมากๆ มีลูกน้องช่วยกันยืนขาย 5 คน รอบหลังไปอีกก็เลยถามแม่ค้าขายกับข้าวในตลาด
ผม : เจ้ไม่ขายข้าวด้วยละ ขายกับข้าวแล้วน่าจะขายข้าวด้วยจะได้ซื้อร้านเดียวเลย
แม่ค้า : ขายไม่ได้หรอก เจ้าของตลาดไม่ให้ขาย เค้าล๊อคไว้ให้ขายได้แค่เจ้าเดียว เป็นเพื่อนเจ้าของตลาด
ก็คิดในใจ หือม แค่ข้าวเนี่ยนะ ก็เลยลองยืนสังเกตุดู (จากปกติไม่เคยสนใจ) ก็เห็นมีพนักงานชายอีกคนนึง คอยเอาลังโฟมที่ใส่ถุงข้าวมาสับเปลี่ยน โดยเอารถจอดไำว้ลานจอดหลังตลาด ก็เลยลองเดินตามไปดู เป็นรถกระบะตอนเดียว กั้นคอกด้านข้างสูงๆ 2 คันจอดอยู่ ทั้ง 2 คันเต็มไปด้วยลังโฟมเลย โดยมีพนักงานอีกคนอยู่ที่รถ คอยช่วยยกลังโฟมให้
ก็เลยชักเริ่มสนใจ วันต่อมา พอไปซื้อข้าวร้านเจ้าประจำแถวหมู่บ้าน จังหวะเขาว่างๆก็เลยถามดู
ผม : พี่ๆ วันก่อนผมไปตลาดตรงแถวนิคมมา เห็นร้านขายข้าวตรงตลาดนั้นขายดีมากๆเลยนะ พี่ไม่ไปเปิดสาขาตรงนั้นบ้างจะได้ขายได้เยอะๆ
พ่อค้าข้าว : อ๋อ นั่นก็พรรคพวกกัน ตรงนั้นขายได้เยอะอยู่แล้ว ขายได้วันละเป็นร้อยกล่อง(ชี้ที่ลังโฟม)
ผม : แล้วกล่องนึงใส่ได้กี่ถุงอ่ะ
พ่อค้าข้าว : จัดเรียงดีๆหน่อยก็ใส่ได้ประมาณ 100 ถุงแหละ
ผม : อ่อๆ งี้วันๆก็ขายได้เยอะอะดิ่ อิอิ ผมไปละพี่ ไปหาข้าวกินก่อน
อืม... 100 ถุง ลังโฟม 100 ลัง ลังนึง 100 ถุง ก็มีข้าวทั้งหมด 10000 ถุง ราคาถุงละ 5 บาท
ห่ะ นี่มันได้วันละห้าหมื่นบาท เดือนนึงก็ได้หนึ่งล้านห้าแสนเชียวนะ ต้นทุนข้าวสารไม่กี่บาท ข้าว 1 กิโลกรัม หุงขายได้อย้า่งน้อยๆ 10 ถุง กำไรเกิน100%
ผมน่าจะฉุกใจคิดตั้งแต่ร้านข้าวในหมู่บ้านซื้อบ้านใหม่ละ เห็นเขาออกรถป้ายแดงมาขับ ซื้อบ้านใหม่อีกหลัง แต่ผมก็ไม่ได้สงสัยอะไรเลยจนกระทั่งได้ถามเขา
สงสัยต้องไปทำอาชีพขายข้าวสวยถุงละ 5 บาทมั่งแล้ว
ขายข้าวสวยถุงละ 5 บาท ทำรายได้ถึงเดือนละหนึ่งล้านห้าแสนบาท
มีวันหนึ่ง ไปทำงานที่อื่น แล้วไปซื้อข้าวถุงที่ตลาดนัดแถวนั้น ทั้งตลาดมีอยู่เจ้าเดียว แล้วขายดีมากๆ มีลูกน้องช่วยกันยืนขาย 5 คน รอบหลังไปอีกก็เลยถามแม่ค้าขายกับข้าวในตลาด
ผม : เจ้ไม่ขายข้าวด้วยละ ขายกับข้าวแล้วน่าจะขายข้าวด้วยจะได้ซื้อร้านเดียวเลย
แม่ค้า : ขายไม่ได้หรอก เจ้าของตลาดไม่ให้ขาย เค้าล๊อคไว้ให้ขายได้แค่เจ้าเดียว เป็นเพื่อนเจ้าของตลาด
ก็คิดในใจ หือม แค่ข้าวเนี่ยนะ ก็เลยลองยืนสังเกตุดู (จากปกติไม่เคยสนใจ) ก็เห็นมีพนักงานชายอีกคนนึง คอยเอาลังโฟมที่ใส่ถุงข้าวมาสับเปลี่ยน โดยเอารถจอดไำว้ลานจอดหลังตลาด ก็เลยลองเดินตามไปดู เป็นรถกระบะตอนเดียว กั้นคอกด้านข้างสูงๆ 2 คันจอดอยู่ ทั้ง 2 คันเต็มไปด้วยลังโฟมเลย โดยมีพนักงานอีกคนอยู่ที่รถ คอยช่วยยกลังโฟมให้
ก็เลยชักเริ่มสนใจ วันต่อมา พอไปซื้อข้าวร้านเจ้าประจำแถวหมู่บ้าน จังหวะเขาว่างๆก็เลยถามดู
ผม : พี่ๆ วันก่อนผมไปตลาดตรงแถวนิคมมา เห็นร้านขายข้าวตรงตลาดนั้นขายดีมากๆเลยนะ พี่ไม่ไปเปิดสาขาตรงนั้นบ้างจะได้ขายได้เยอะๆ
พ่อค้าข้าว : อ๋อ นั่นก็พรรคพวกกัน ตรงนั้นขายได้เยอะอยู่แล้ว ขายได้วันละเป็นร้อยกล่อง(ชี้ที่ลังโฟม)
ผม : แล้วกล่องนึงใส่ได้กี่ถุงอ่ะ
พ่อค้าข้าว : จัดเรียงดีๆหน่อยก็ใส่ได้ประมาณ 100 ถุงแหละ
ผม : อ่อๆ งี้วันๆก็ขายได้เยอะอะดิ่ อิอิ ผมไปละพี่ ไปหาข้าวกินก่อน
อืม... 100 ถุง ลังโฟม 100 ลัง ลังนึง 100 ถุง ก็มีข้าวทั้งหมด 10000 ถุง ราคาถุงละ 5 บาท
ห่ะ นี่มันได้วันละห้าหมื่นบาท เดือนนึงก็ได้หนึ่งล้านห้าแสนเชียวนะ ต้นทุนข้าวสารไม่กี่บาท ข้าว 1 กิโลกรัม หุงขายได้อย้า่งน้อยๆ 10 ถุง กำไรเกิน100%
ผมน่าจะฉุกใจคิดตั้งแต่ร้านข้าวในหมู่บ้านซื้อบ้านใหม่ละ เห็นเขาออกรถป้ายแดงมาขับ ซื้อบ้านใหม่อีกหลัง แต่ผมก็ไม่ได้สงสัยอะไรเลยจนกระทั่งได้ถามเขา
สงสัยต้องไปทำอาชีพขายข้าวสวยถุงละ 5 บาทมั่งแล้ว