คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 28
คาเฟอีนในกาแฟมีฤทธิ์ "กระตุ้น" ค่ะ
ไม่เพียงกระตุ้นการทำงานของร่างกายที่ทำให้ตื่นตัว กระปรี้ประเปร่าไม่ง่วง
แต่ยังกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย เช่นลำไส้ใหญ่ ในร่างกายด้วย
ไม่จำเป็นต้องตอนเช้า จะสายบ่ายเย็นหัวค่ำกลางดึก ถ้าเป็นคนธาตุเบา และยิ่งมีกากอาหารในลำไส้มาก
ดื่มกาแฟแป๊บเดียว ลำไส้ใหญ่ก็จะบีบตัวแล้ว
แต่ที่คนส่วนใหญ๋ได้ผลวิ่งเข้าห้องน้ำเฉพาะตอนเช้า อาจเป็นเพราะของเสียที่สะสมอยู่ในร่างกายเมื่อวานยังไม่ได้เอาออก
พอช่วงที่คนเรานอนหลับร่างกายก็มีกระบวนการในการกำจัดของเสียที่ตกค้างคล้าย ๆ กับ Detox
ทำให้ของเสีย กากอาหารต่าง ๆ ที่กินไปเมื่อวาน มารวมกันในลำไส้ใหญ่
พอตอนเช้าก็มีปริมาณได้ที่ีพอดี จะออกมาตอนไหนก็ได้แล้ว
ประกอบกับเมื่อดื่มกาแฟตอนเช้าเข้าไปก็ช่วยกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่บีบตัว
จึงได้เวลาพอเหมาะที่จะเอาออกมาจากร่างกายเมื่อดื่มกาแฟในตอนเช้า (ขออภัย อธิบายละเอียดไปนิด)
(ดังนั้นถ้าดื่มหรือกินอะไรเข้าไปตอนเช้า แม้ไม่ใช่กาแฟ
เมื่อของใหม่ตกไปถึงลำไส้ใหญ่ก็จะไปดันของเก่าที่ค้างอยู่จากกระบวนการกำจัดของเสียในร่างตอนหลับ
ตอนเช้าจึงมักแนะนำกันให้ดื่มน้ำอุ่นหรือดื่มน้ำอุณหภูมิห้องเยอะ ๆ แล้วแต่สูตรของแต่ละสำนัก
บางสูตรก็ให้บีบมะนาวผสมน้ำด้วย น้ำ น้ำอุ่น หรือกรดมะนาวจะมีออกฤทธิ์ทำให้ลำไส้ใหญ่บีบตัว
จึงขับของเสียที่สะสมจากเมื่อวานได้ง่ายขึ้น)
ถ้าท้องผูกแล้วไม่อยากทานยาระบาย ลองดื่มกาแฟแทน สำหรับบางคนก็ได้ผลเช่นกัน
นอกจากนั้นเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่มีคาเฟอีนหรือมีฤิทธิในการกระตุ้นการทำงานของอวัยวะในร่างกาย
ก็ให้ผลคล้ายกัน เช่น น้ำอัดลม น้ำชา เพียงแต่เพราะระดับคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟ
ส่วนมากจึงมักไม่ค่อยถึงกับทำให้ลำไส้บีบตัวขนาดทนไม่ได้ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำ โดยเฉพาะกับคนที่ธาตุหนักหน่อยก็จะไม่ค่อยมีผล
นอกจากนี้ยังมีอาหารอื่น ๆ ที่มีฤทธิในการระบายท้องอ่อน ๆ บ้าง มาก ๆ บ้าง แม้ไม่มีคาเฟอีน เช่น น้ำส้ม มะละกอดิบ
เวลาเด็กท้องผูกก็ลองให้ดื่มน้ำส้ม หรือต้มน้ำมะละกอดิบให้ดื่ม คนที่กินส้มตำเยอะ ๆ ก็มักขับถ่ายคล่อง
แต่ถ้ามากเกินไป หรือคนที่ไม่เคยกินมาก่อน อย่างเช่นชาวต่างชาติ เพิ่งมาเจอส้มตำครั้งแรก
ร่างกายยังปรับตัวกับสารระบายไม่ได้ อาจระบายเยอะเกินไป แล้วก็เข้าใจผิดว่าเป็นเพราะส้มตำนั้นสกปรกก็มี
(ที่ท้องเสียเพราะสกปรกจริง ๆ ก็มี แต่ที่ขับถ่ายมากเพราะเจอสารระบายจากการกินมะละกอดิบไปก็เยอะ)
ไม่เพียงกระตุ้นการทำงานของร่างกายที่ทำให้ตื่นตัว กระปรี้ประเปร่าไม่ง่วง
แต่ยังกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย เช่นลำไส้ใหญ่ ในร่างกายด้วย
ไม่จำเป็นต้องตอนเช้า จะสายบ่ายเย็นหัวค่ำกลางดึก ถ้าเป็นคนธาตุเบา และยิ่งมีกากอาหารในลำไส้มาก
ดื่มกาแฟแป๊บเดียว ลำไส้ใหญ่ก็จะบีบตัวแล้ว
แต่ที่คนส่วนใหญ๋ได้ผลวิ่งเข้าห้องน้ำเฉพาะตอนเช้า อาจเป็นเพราะของเสียที่สะสมอยู่ในร่างกายเมื่อวานยังไม่ได้เอาออก
พอช่วงที่คนเรานอนหลับร่างกายก็มีกระบวนการในการกำจัดของเสียที่ตกค้างคล้าย ๆ กับ Detox
ทำให้ของเสีย กากอาหารต่าง ๆ ที่กินไปเมื่อวาน มารวมกันในลำไส้ใหญ่
พอตอนเช้าก็มีปริมาณได้ที่ีพอดี จะออกมาตอนไหนก็ได้แล้ว
ประกอบกับเมื่อดื่มกาแฟตอนเช้าเข้าไปก็ช่วยกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่บีบตัว
จึงได้เวลาพอเหมาะที่จะเอาออกมาจากร่างกายเมื่อดื่มกาแฟในตอนเช้า (ขออภัย อธิบายละเอียดไปนิด)
(ดังนั้นถ้าดื่มหรือกินอะไรเข้าไปตอนเช้า แม้ไม่ใช่กาแฟ
เมื่อของใหม่ตกไปถึงลำไส้ใหญ่ก็จะไปดันของเก่าที่ค้างอยู่จากกระบวนการกำจัดของเสียในร่างตอนหลับ
ตอนเช้าจึงมักแนะนำกันให้ดื่มน้ำอุ่นหรือดื่มน้ำอุณหภูมิห้องเยอะ ๆ แล้วแต่สูตรของแต่ละสำนัก
บางสูตรก็ให้บีบมะนาวผสมน้ำด้วย น้ำ น้ำอุ่น หรือกรดมะนาวจะมีออกฤทธิ์ทำให้ลำไส้ใหญ่บีบตัว
จึงขับของเสียที่สะสมจากเมื่อวานได้ง่ายขึ้น)
ถ้าท้องผูกแล้วไม่อยากทานยาระบาย ลองดื่มกาแฟแทน สำหรับบางคนก็ได้ผลเช่นกัน
นอกจากนั้นเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่มีคาเฟอีนหรือมีฤิทธิในการกระตุ้นการทำงานของอวัยวะในร่างกาย
ก็ให้ผลคล้ายกัน เช่น น้ำอัดลม น้ำชา เพียงแต่เพราะระดับคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟ
ส่วนมากจึงมักไม่ค่อยถึงกับทำให้ลำไส้บีบตัวขนาดทนไม่ได้ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำ โดยเฉพาะกับคนที่ธาตุหนักหน่อยก็จะไม่ค่อยมีผล
นอกจากนี้ยังมีอาหารอื่น ๆ ที่มีฤทธิในการระบายท้องอ่อน ๆ บ้าง มาก ๆ บ้าง แม้ไม่มีคาเฟอีน เช่น น้ำส้ม มะละกอดิบ
เวลาเด็กท้องผูกก็ลองให้ดื่มน้ำส้ม หรือต้มน้ำมะละกอดิบให้ดื่ม คนที่กินส้มตำเยอะ ๆ ก็มักขับถ่ายคล่อง
แต่ถ้ามากเกินไป หรือคนที่ไม่เคยกินมาก่อน อย่างเช่นชาวต่างชาติ เพิ่งมาเจอส้มตำครั้งแรก
ร่างกายยังปรับตัวกับสารระบายไม่ได้ อาจระบายเยอะเกินไป แล้วก็เข้าใจผิดว่าเป็นเพราะส้มตำนั้นสกปรกก็มี
(ที่ท้องเสียเพราะสกปรกจริง ๆ ก็มี แต่ที่ขับถ่ายมากเพราะเจอสารระบายจากการกินมะละกอดิบไปก็เยอะ)
แสดงความคิดเห็น
ทำไมเช้าๆ ดื่มกาแฟ แล้วต้องปวดท้องเขาห้องน้ำด้วย