มือใหม่ มาๆ เสพความรู้กันวันละนิด แบ่งๆกันไป เรียนรู้ไปด้วยกัน รวยไปด้วยกัน

กระทู้สนทนา
วันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่องของ indicator ตัวนึงที่ผมชอบใช้

นั่นก็คือ Relative Strength Index (RSI) นั่นเอง



RSI คือเครื่องมือชนิดหนึ่งที่ใช้ในการพิจารณาหรือสังเกตการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของราคา และยังสามารถใช้เพื่อดูว่า แรงหรือกำลังของการซื้อหรือขายอยู่ในช่วง ซื้อมากไป(overbought) หรือ ขายมากไป(oversold) สุดท้ายก็เอาไว้ดูสัญญาณของ Divergence ได้อีกด้วย

ต่อไปคือสรุปวิธีใช้งานและเหตุผลประกอบ ตามหลักการของผม(ของผม)

1. ใช้ดู Overbought ซื้อมากไป / Oversold ขายมากไป

- เมื่อ RSI มากกว่า 70 ถือว่าเข้าเขต overbought หรือซื้อมากไป ซึ่งในมุมมองของผม หมายความว่า demand หรือความต้องการซื้อของหุ้นตัวนี้ล้นหลามมาก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดแนวโน้มการย่อตัวของราคาลงมาจากจุดนี้ หรือมีการขายทำกำไรออกมาได้ ผมใช้เป็นจุดระวังตัวว่า ราคาหุ้น(อาจจะ)เกิดการย่อตัวลงมาได้ครับ

- เมื่อ RSI น้อยกว่า 30 ถือว่าเข้าเขต oversold หรือขายมากไป ซึ่งในมุมมองของผม หมายความว่า demand หรือความต้องการขายของหุ้นตัวนี้ล้นหลามมาก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดแนวโน้มการกลับตัวของราคาขึ้นไปจากจุดนี้ หรือมีการกลับมาซื้ออีกครั้ง ผมใช้เป็นจุดเตรียมตัวว่า ราคาหุ้น(อาจจะ)เกิดการกลับตัวขึ้นไปได้ครับ

2. ใช้ดูสัญญาณ divergence

โดยปกติแล้ว ราคาหุ้นและ RSI ควรจะมีแนวโน้มหรือเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน คือ เมื่อแนวโน้มราคาหุ้นเป็นขาขึ้น RSIก็ควรเป็นขาขึ้น ถ้าแนวโน้มราคาหุ้นเป็นขาลง RSIก็ควรเป็นขาลงด้วย
แล้วถ้าหาก แนวโน้มของราคาหุ้น และ RSI สวนทางกันหล่ะ จะแปลว่าอะไร? เรามาดูกัน

- Bullish Divergence จะเกิดเมื่อราคาหุ้น มีการลงมาทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่ RSI ทำ Higher Low หรือ จุดต่ำสุดใหม่ลงมา”ไม่ต่ำกว่า”จุดต่ำสุดเดิม หากราคาหุ้นดีดขึ้นไปเหนือจุดต่ำสุดก่อนหน้าได้ ก็เหมือนกับการยืนยันว่าเกิด Bullish Divergence และมีโอกาสสูงมากที่ราคาหุ้นจะกลับตัวจากขาลง เปลี่ยนมาเป็นขาขึ้นครับ

- Bearish Divergence จะเกิดเมื่อราคาหุ้น มีการขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ RSI ทำ Lower High หรือ จุดสูงสุดใหม่”เตี้ยกว่า”จุดสูงสุดเดิม และเมื่อไหร่ที่หากราคาหุ้นโดนทุบลงมาต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิม ก็เป็นการยืนยันว่าเกิด Bearish Divergence และมีโอกาสสูงมากที่ราคาหุ้นจะกลับตัวจากขาขึ้น เปลี่ยนเป็นขาลง

(จากตัวอย่างกราฟ คือเกิดสัญญาณ Bearish Divergence ครับ)

ปล. หลักการใช้ของเครื่องมือทุกชนิด ให้จำไว้เสมอว่า ไม่มีเครื่องมือไหนถูกต้อง100% ยกตัวอย่างเช่น ต่อให้เจอสัญญาณของ Bearish Divergence ก็ไม่ได้แปลว่าแนวโน้มราคาจะตกลงทุกครั้ง
หรือ อีกตัวอย่าง ต่อให้ RSI เข้าเขต oversold หรือขายมากไปแล้ว ก็ไม่ได้แปลว่าแนวโน้มราคาจะขึ้นได้ทุกครั้ง
ดังนั้นอย่าคิดว่า มีทฤษฎีแน่นแล้วจะรวยได้ง่ายๆจากตลาดหุ้น โลกความจริงมันไม่ง่ายดายขนาดนั้นหรอกครับ หึหึ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่