เรื่องที่1
การเริ่มทำอะไรด้วยตนเอง คือการเปิดธุรกิจส่วนตัว ฉันเปิดธุรกิจเกี่ยวกับการออกแบบเคสโทรสัพท์ ฉันทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการคัดสรรอุปกรณ์และการไปหาซื้อวัสดุในการทำเคสโทรศัพท์ การออกแบบรูปต่างๆฉันก็เป็นคนออกแบบมันฉันมีหน้าที่และความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น มันยากมากที่จะทำอะไรสองอย่างไปพร้อมกัน เพราะฉันก็ยังเรียนอยู่ และเมื่อฉันได้เริ่มทำธุรกิจ มันก็ทำให้ชีวิตฉันเปลี่ยน เพราะมันทำให้ฉันรู้จักคุณค่าของเงินมากขึ้น เมื่อก่อนฉันอยากใช้เงินเท่าไหร่ก็ใช้ ซื้ออะไรก็ตามใจตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดเลย ฉันคิดว่าถ้าเงินหมด ค่อยขอเงินพ่อแม่ แต่พอฉันเริ่มหาเงินด้วยตัวเอง ทำให้ความคิดฉันเปลี่ยน ชีวิตฉันเปลี่ยน ชีวิตฉันเปลี่ยนกลายเป็นคนคิดหน้าคิดหลัง ก่อนจะเลือกซื้ออะไร ฉันก็คิดก่อนเลยว่ามันจำเป็นต่อชีวิตฉันมากน้อยเพียงใด มันสำคัญต่อชีวิตฉันเพราะว่า ถ้าวันนี้ฉันยังเป็นคนที่คิดอะไรไม่ได้ ยังเป็นคนที่ใช้เงินฟุ่มเฟือย ฉันก็ต้องเป็นภาระของพ่อแม่ไปทั้งชีวิต และถ้าวันนี้ฉันยังไม่เริ่มทำอะไรด้วยตัวเอง ฉันก็จะไม่รู้เลยว่าพ่อแม่เหนื่อยแค่ไหน การที่ฉันเริ่มทำธุรกิจเล็กๆของตัวเองทำให้ฉันได้มีเงินเก็บต่อเดือนเพิ่มมากขึ้น เงินที่ฉันได้มาจากการทำธุรกิจฉันก็นำมาช่วยพ่อแม่จ่ายค่าไฟ ค่ากับข้าวในบางครั้ง ฉันอยากได้อะไรก็ซื้อมันด้วยตัวเอง อยากไปไหนก็ใช้ตังของฉันเอง มันทำให้ฉันฝึกความรับผิดชอบในชีวิตมากขึ้น เหมือนเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ในบางส่วน ก่อนเริ่มทำธุรกิจ ฉันเป็นคนใช้เงินฟุ่มเฟือย ไม่เห็นคุณค่าชองเงิน หลังจากที่ฉันเริ่มหาเงินได้ด้วยตนเอง ฉันก็เริ่มรู้คุณค่าของเงิน เริ่มประหยัดเริ่มอดออม เริ่มวางแผนในการดำเนินชีวิต
เรื่องที่2
ฉันเปรียบหนังยางเหมือนกับชีวิตคน หนังยางที่เอาออกมาใหม่ยังไม่ผ่านการใช้งาน เปรียบเสมือนเด็กพึ่งเกิดที่ยังไม่ได้ใช้ชีวิต เมื่อโตขึ้นมาก็จะเริ่มทำอะไรหลายอย่าง เริ่มใช้ชีวิตไปอีกระดับหนึ่ง ก็เปรียบเสมือนหนังยางที่นำมาใช้งาน นำมามัดมาผูกไปเลื่อยๆ และสุดท้ายเมื่อหนังยางขาดและใช้ไม่ได้แล้ว ก็เปรียบเสมือนมนุษย์ที่ตายแล้ว เปรียบได้กับว่าไม่มีสิ่งใดในโลกที่คงอยู่ตลอดกาล สุดท้ายแล้วก็ต้องเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
รบกวนช่วยแปลเป็นอังกฤษให้หน่อยนะคะ ขอบคุณมากมากเลยค่ะ
การเริ่มทำอะไรด้วยตนเอง คือการเปิดธุรกิจส่วนตัว ฉันเปิดธุรกิจเกี่ยวกับการออกแบบเคสโทรสัพท์ ฉันทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการคัดสรรอุปกรณ์และการไปหาซื้อวัสดุในการทำเคสโทรศัพท์ การออกแบบรูปต่างๆฉันก็เป็นคนออกแบบมันฉันมีหน้าที่และความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น มันยากมากที่จะทำอะไรสองอย่างไปพร้อมกัน เพราะฉันก็ยังเรียนอยู่ และเมื่อฉันได้เริ่มทำธุรกิจ มันก็ทำให้ชีวิตฉันเปลี่ยน เพราะมันทำให้ฉันรู้จักคุณค่าของเงินมากขึ้น เมื่อก่อนฉันอยากใช้เงินเท่าไหร่ก็ใช้ ซื้ออะไรก็ตามใจตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดเลย ฉันคิดว่าถ้าเงินหมด ค่อยขอเงินพ่อแม่ แต่พอฉันเริ่มหาเงินด้วยตัวเอง ทำให้ความคิดฉันเปลี่ยน ชีวิตฉันเปลี่ยน ชีวิตฉันเปลี่ยนกลายเป็นคนคิดหน้าคิดหลัง ก่อนจะเลือกซื้ออะไร ฉันก็คิดก่อนเลยว่ามันจำเป็นต่อชีวิตฉันมากน้อยเพียงใด มันสำคัญต่อชีวิตฉันเพราะว่า ถ้าวันนี้ฉันยังเป็นคนที่คิดอะไรไม่ได้ ยังเป็นคนที่ใช้เงินฟุ่มเฟือย ฉันก็ต้องเป็นภาระของพ่อแม่ไปทั้งชีวิต และถ้าวันนี้ฉันยังไม่เริ่มทำอะไรด้วยตัวเอง ฉันก็จะไม่รู้เลยว่าพ่อแม่เหนื่อยแค่ไหน การที่ฉันเริ่มทำธุรกิจเล็กๆของตัวเองทำให้ฉันได้มีเงินเก็บต่อเดือนเพิ่มมากขึ้น เงินที่ฉันได้มาจากการทำธุรกิจฉันก็นำมาช่วยพ่อแม่จ่ายค่าไฟ ค่ากับข้าวในบางครั้ง ฉันอยากได้อะไรก็ซื้อมันด้วยตัวเอง อยากไปไหนก็ใช้ตังของฉันเอง มันทำให้ฉันฝึกความรับผิดชอบในชีวิตมากขึ้น เหมือนเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ในบางส่วน ก่อนเริ่มทำธุรกิจ ฉันเป็นคนใช้เงินฟุ่มเฟือย ไม่เห็นคุณค่าชองเงิน หลังจากที่ฉันเริ่มหาเงินได้ด้วยตนเอง ฉันก็เริ่มรู้คุณค่าของเงิน เริ่มประหยัดเริ่มอดออม เริ่มวางแผนในการดำเนินชีวิต
เรื่องที่2
ฉันเปรียบหนังยางเหมือนกับชีวิตคน หนังยางที่เอาออกมาใหม่ยังไม่ผ่านการใช้งาน เปรียบเสมือนเด็กพึ่งเกิดที่ยังไม่ได้ใช้ชีวิต เมื่อโตขึ้นมาก็จะเริ่มทำอะไรหลายอย่าง เริ่มใช้ชีวิตไปอีกระดับหนึ่ง ก็เปรียบเสมือนหนังยางที่นำมาใช้งาน นำมามัดมาผูกไปเลื่อยๆ และสุดท้ายเมื่อหนังยางขาดและใช้ไม่ได้แล้ว ก็เปรียบเสมือนมนุษย์ที่ตายแล้ว เปรียบได้กับว่าไม่มีสิ่งใดในโลกที่คงอยู่ตลอดกาล สุดท้ายแล้วก็ต้องเปลี่ยนไปตามกาลเวลา