สวัสดีค่ะ มีเรื่องมาเล่าให้ฟัง
อาทิตย์ที่ผ่านมา พาคุณแม่ไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ตามนัดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ถึงเวลารับยา ก็เดินออกไปรับแทนคุณแม่ เดินไปถึงช่องรับยาก็เจอคุณตาท่านนึง
นั่งรถเข็นและกำลังจะออกจากช่องรับยาโดยเข็นรถเอง จึงเดินเข้าไปช่วยเข็น
ถามว่าจะไปไหนคะ คุณตาบอกจะกลับแล้ว โดยชั้นที่อยู่นั้นคือชั้น 2 ส่วนตัวเองก็ไม่รู้
ว่าจะต้องลงไปข้างล่างยังไง ก็เข็นเก้งๆกังๆ พนักงานที่เข็นรถเข็นของโรงพยาบาลถึงเข้ามาถาม
ว่าจะไปไหน คุณตาบอกจะกลับแล้ว จึงคิดว่าคุณตาคงรู้จักและมีญาติมารอรับอยู่ด้านล่าง
จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานต่อไป และได้เดินไปต่อคิวรับยาให้คุณแม่
เมื่อรับยาเรียบร้อยแล้ว ก็ขับรถกลับบ้านขณะรอจะเลี้ยวออกจากประตูโรงพยาบาล
ก็พบคุณตาคนนั้นอีกครั้ง แต่ภาพที่พบคือ คุณตาซ้อนวินมอเตอร์ไซค์มือหนึ่งจับเอวคนขับ
อีกมือหนึ่งจับไม้เท้า เกิดคำถามขึ้นมากมายในใจ ลูกหลานแกไปไหน ไม่มีใครว่างเลยหรอ
หรือแกไม่อยากเป็นภาระลูกหลาน
ในฐานะที่เป็นลูกอยากจะบอกว่าหันมาดูแล พ่อแม่ซักนิด ถ้าไม่ยุ่งจนเกินไป
อย่างน้อยเวลาที่ไม่ท่านไม่สบายก็ควรจะพาไปบ้าง ก่อนที่จะไม่มีพ่อแม่ให้ดูแล
ขอเวลาแค่ 1 วันพาพ่อแม่ไปโรงพยาบาล
อาทิตย์ที่ผ่านมา พาคุณแม่ไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ตามนัดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ถึงเวลารับยา ก็เดินออกไปรับแทนคุณแม่ เดินไปถึงช่องรับยาก็เจอคุณตาท่านนึง
นั่งรถเข็นและกำลังจะออกจากช่องรับยาโดยเข็นรถเอง จึงเดินเข้าไปช่วยเข็น
ถามว่าจะไปไหนคะ คุณตาบอกจะกลับแล้ว โดยชั้นที่อยู่นั้นคือชั้น 2 ส่วนตัวเองก็ไม่รู้
ว่าจะต้องลงไปข้างล่างยังไง ก็เข็นเก้งๆกังๆ พนักงานที่เข็นรถเข็นของโรงพยาบาลถึงเข้ามาถาม
ว่าจะไปไหน คุณตาบอกจะกลับแล้ว จึงคิดว่าคุณตาคงรู้จักและมีญาติมารอรับอยู่ด้านล่าง
จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานต่อไป และได้เดินไปต่อคิวรับยาให้คุณแม่
เมื่อรับยาเรียบร้อยแล้ว ก็ขับรถกลับบ้านขณะรอจะเลี้ยวออกจากประตูโรงพยาบาล
ก็พบคุณตาคนนั้นอีกครั้ง แต่ภาพที่พบคือ คุณตาซ้อนวินมอเตอร์ไซค์มือหนึ่งจับเอวคนขับ
อีกมือหนึ่งจับไม้เท้า เกิดคำถามขึ้นมากมายในใจ ลูกหลานแกไปไหน ไม่มีใครว่างเลยหรอ
หรือแกไม่อยากเป็นภาระลูกหลาน
ในฐานะที่เป็นลูกอยากจะบอกว่าหันมาดูแล พ่อแม่ซักนิด ถ้าไม่ยุ่งจนเกินไป
อย่างน้อยเวลาที่ไม่ท่านไม่สบายก็ควรจะพาไปบ้าง ก่อนที่จะไม่มีพ่อแม่ให้ดูแล