ผมมีประสพการณ์ที่ทำให้เสียเพื่อนไปแล้ว2คน คนแรกก็นานมาแล้วเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่ทำงานอยู่ด้วยกันคบกันมาตั้งนาน
อยู่ๆก็มาชวนให้ไปขายของเป็นลูกทีมขายพวกแอมเวย์ ก็ไปฟังเขาแต่ไม่เอาด้วยเพราะไม่ชอบเพื่อนเลยห่างไม่พูดคุยเหมือนเดิม
ต่อมาก็มีหัวหน้าที่ทำงาน ไปมีงานเสริมเป็นตัวแทนประกันชีวิตแล้วมาหาลูกค้าเอากับลูกน้อง เกลี้ยกล่อม อยู่ตลอดคนไหน
แกลงใจหรือหวังแลกกับขั้นขึ้นเงินเดือนก็ซื้อไป ทั้งที่สวัดดิการของหน่วยงานก็ให้ทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ต่อมาขึ้นปีที่2ก็ต้อง
ทิ้งไปเพราะสู้ไม่ไหวกัน สำหรับผมไม่ชอบการถูกขายแบบนี้ก็เลยไม่ค่อยรุ่ง
ต่อมาก็เจอเพื่อนสมัยเรียนตั้งแต่ประถมแล้วมาห่างกันช่วงจบมัธยมปลาย ต่อมาเห็นชื่อเพื่อนเป็นอาจารย์มหาลัยชื่อดัง
(เอกชน) เลยได้ติดต่อทบทวนความหลังกันสักพักหนึ่ง แต่ก็มีเหตุต้องมีประติสัมพันธ์ต่อเนื่องมาตลอดแต่ผมจะเป็น
ฝ่ายถูกขอให้ช่วยเสียทุกครั้งเช่นมาขอใช้บ้านที่ว่างเพื่อให้เด็กนักเรียนมาพักเก็บตัวซอมกีฬาบ้าง แต่ที่ประจำก็มา
ขอให้ซื้อบัตรการกุศลของมหาวิทยาลัยบ่อยๆ..แต่สุดท้ายที่ผมต้องปฏิเสธก็เพราะเพื่อนผมเขามีอาชีพเสริมเป็นนายหน้า
ซื้อขายที่ดิน ซึ่งก็ตรงกับความชอบส่วนตัวแต่ไม่ชอบซื้อขายผ่านนายหน้าเท่านั้น แต่ต้องถูกเพื่อนมาเชื้อชวนให้ไปดูที่
อยู่บ่อยครั้ง แต่สุดท้ายที่ทำให้เสียเพื่อนเพราะคุณเพื่อนแกมาตื้อจะขอซื้อที่ดินที่ผมได้มาหวังจะเก็บไว้ทำบ้านจัดจรร
ในช่วงเกษียณ คือไม่อยากขาย เพื่อนแกก็ตื้ออยู่ตลอดบอกว่ามีคนต้องการจะทำPlant ปูนชีเมนต์ สุดท้ายแกก็ห่างเหินไปเลย
คือมันรู้สึกไม่ดีกับการทำธุรกิจทำนองนี้ไปเลย...คือไม่โทษเพื่อนนะครับแต่พอใจกับวิธีการทำเท่านั้น
ใครมีประสบการณ์เสียเพื่อนอันเนื่องจากธุรกิจขายตรงหรือนายหน้าซื้อขายบ้าง
อยู่ๆก็มาชวนให้ไปขายของเป็นลูกทีมขายพวกแอมเวย์ ก็ไปฟังเขาแต่ไม่เอาด้วยเพราะไม่ชอบเพื่อนเลยห่างไม่พูดคุยเหมือนเดิม
ต่อมาก็มีหัวหน้าที่ทำงาน ไปมีงานเสริมเป็นตัวแทนประกันชีวิตแล้วมาหาลูกค้าเอากับลูกน้อง เกลี้ยกล่อม อยู่ตลอดคนไหน
แกลงใจหรือหวังแลกกับขั้นขึ้นเงินเดือนก็ซื้อไป ทั้งที่สวัดดิการของหน่วยงานก็ให้ทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ต่อมาขึ้นปีที่2ก็ต้อง
ทิ้งไปเพราะสู้ไม่ไหวกัน สำหรับผมไม่ชอบการถูกขายแบบนี้ก็เลยไม่ค่อยรุ่ง
ต่อมาก็เจอเพื่อนสมัยเรียนตั้งแต่ประถมแล้วมาห่างกันช่วงจบมัธยมปลาย ต่อมาเห็นชื่อเพื่อนเป็นอาจารย์มหาลัยชื่อดัง
(เอกชน) เลยได้ติดต่อทบทวนความหลังกันสักพักหนึ่ง แต่ก็มีเหตุต้องมีประติสัมพันธ์ต่อเนื่องมาตลอดแต่ผมจะเป็น
ฝ่ายถูกขอให้ช่วยเสียทุกครั้งเช่นมาขอใช้บ้านที่ว่างเพื่อให้เด็กนักเรียนมาพักเก็บตัวซอมกีฬาบ้าง แต่ที่ประจำก็มา
ขอให้ซื้อบัตรการกุศลของมหาวิทยาลัยบ่อยๆ..แต่สุดท้ายที่ผมต้องปฏิเสธก็เพราะเพื่อนผมเขามีอาชีพเสริมเป็นนายหน้า
ซื้อขายที่ดิน ซึ่งก็ตรงกับความชอบส่วนตัวแต่ไม่ชอบซื้อขายผ่านนายหน้าเท่านั้น แต่ต้องถูกเพื่อนมาเชื้อชวนให้ไปดูที่
อยู่บ่อยครั้ง แต่สุดท้ายที่ทำให้เสียเพื่อนเพราะคุณเพื่อนแกมาตื้อจะขอซื้อที่ดินที่ผมได้มาหวังจะเก็บไว้ทำบ้านจัดจรร
ในช่วงเกษียณ คือไม่อยากขาย เพื่อนแกก็ตื้ออยู่ตลอดบอกว่ามีคนต้องการจะทำPlant ปูนชีเมนต์ สุดท้ายแกก็ห่างเหินไปเลย
คือมันรู้สึกไม่ดีกับการทำธุรกิจทำนองนี้ไปเลย...คือไม่โทษเพื่อนนะครับแต่พอใจกับวิธีการทำเท่านั้น