เราเห็นจากหลายกระทู้มาถาม หลายคนมาตอบ แล้วรู้สึกไม่สบายใจ อย่างเช่น
- กระทู้เด็กอนุบาลลืมเอาที่นอนไป เลยต้องนั่งหลับ เกือบทุกคนว่ารับไม่ได้ รุนแรงเกินไป บางคนพร้อมจะไปต่อว่าครู หรือมีเรื่องกับทางโรงเรียน
- กระทู้ลูกทะเลาะกับเพื่อนมา เป็นรอยเขียว หลายคนพร้อมจะไปคุยกับแม่เพื่อนลูก ไปต่อว่าครูและโรงเรียนว่าดูแลไม่ดี
- อย่างกระทู้รายงานลูก ก็อ่านเจอบ่อยๆ ในพันทิป และแม่ๆ ส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะทำให้ลูก
เรามีเพื่อนเป็นครูหลายคน หลายคนบ่นว่า ถ้าเด็กสอบตก ครูจะถูกต่อว่าว่าสอนยังไงให้ลูกสอบตก เด็กไม่ส่งการบ้านเรียกผู้ปกครองมาคุยก็จะกลายเป็นว่าครูให้การบ้านยากเกินไป
เราคิดว่า การปกป้องลูกมากเกินไปแบบนี้ ไม่มีผลดีกับตัวลูกเลย เด็กไม่มีโอกาสได้รับบทเรียน ไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ไม่มีโอกาสลองผิดลองถูก สอบตกแม่ก็มาว่าครูให้ อดนอนแม่ก็จัดการให้ ทะเลาะกับเพื่อนเดี๋ยวแม่ก็มาเคลียร์ ทำการบ้านไม่ไหว เดี๋ยวแม่ก็มาจัดการให้
ในขณะที่ครูทั้งหลาย ส่วนใหญ่ที่ลงโทษลูกก็ไม่ได้ทำเพื่อระบายอารมณ์ แต่ทำเพื่อสั่งสอน ถ้าคุณแม่แปลงร่างเป็นหน่วยจู่โจมแบบนี้ เราเป็นครูเราก็ไม่เปลืองตัวไม่ลงโทษลูกคุณแม่เพื่อสั่งสอนให้ได้ดีหรอก อยู่นิ่งๆ ปลอดภัยกว่า
แล้วลูกของพ่อแม่ที่ปกป้องลูกแบบนี้จะได้อะไร แน่นอนว่า ลูกจะได้คะแนนการบ้านเต็ม ลูกจะได้เกรดดีๆ ลูกจะไม่มีใครกล้ามาทะเลาะด้วย และในขณะเดียวกัน ลูกก็จะกลายเป็นคนที่คิดไม่เป็น เกรดสวยแต่ความรู้ไม่มี แก้ปัญหาเองไม่เป็น เข้าสังคมไม่เป็น คิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองแน่ เป็นศูนย์กลางของจักรวาล บางคนอาจถูกตราหน้าว่าเป็นคนขี้ฟ้อง ไม่มีใครคบ ซึ่งไม่เป็นไร พ่อแม่ซื้อเกมคอมให้ นั่งเล่นไปเถอะลูก จะได้ไม่ต้องไปไหนไกลหูไกลตาพ่อแม่ ไม่ต้องไปโดนเด็กเกเรที่ไหนรังแก
เด็กพวกนี้โตมา จะกลายเป็นคนไม่มีสังคม วันๆ มีแต่สังคมเสมือนอยู่หน้าจอ ทำงานไม่ได้ โดนเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานด่าทีเดียวลาออกให้แม่เลี้ยงดีกว่า นั่งมีตติ้งก็สไลด์ไอโฟนเล่นเกมไป (เด็กรุ่นใหม่ที่ทำงานเราหลายคนเป็นแบบนี้นะคะ คุยไปคุยมา พบว่าเค้าถูกเลี้ยงมาแบบปกป้องเกินเหตุทั้งนั้น)
เราก็มีลูกค่ะ ลูกคนแรก ลูกคนเดียว ลูกสาวด้วย เรารักมาก ห่วงมาก หวงมาก เราเข้าใจความรู้สึกอยากปกป้องลูกดี แต่เราต้องเข้าใจด้วยว่า ไม่มีใครสามารถอยู่ค้ำฟ้า เราไม่สามารถอยู่ดูแลเค้าจนเค้าแก่ตาย เราต้องผลักดันให้เค้าสู้โลกได้ ให้เค้าอยู่ได้ด้วยตัวเอง การปกป้องเค้ามากเกินไปมันเป็นการทำร้ายเค้าทางอ้อม มันคือพ่อแม่รังแกฉัน
ก่อนออกตัวปกป้องลูก คิดซักนิด ว่าสิ่งที่เกิดกับลูก มันจะมีผลเสียกับลูกในระยะยาวหรือเปล่า มันจะฝากแผลเป็นไว้กับลูกมั้ย (ไม่ว่าทางกายหรือทางใจ) ถ้ามันไม่ได้มีผลเสียอะไรกับชีวิตลูกขนาดนั้น ก็ปล่อยให้เค้าหัดจัดการด้วยตัวเองเถอะค่ะ เค้าจะได้เรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาด้วยตัวเองและเรียนรู้ที่จะยืนด้วยขาของตนเองให้ได้
พ่อแม่อย่างเราๆ มีหน้าที่แค่ชี้แนะแนวทาง สอนลูกอ่านแผนที่ และคอยดูแลไม่ให้ลูกก้าวไปในทางที่อันตรายร้ายแรงเท่านั้นเองค่ะ
เราปกป้องลูกกันมากเกินไปรึเปล่าคะ
- กระทู้เด็กอนุบาลลืมเอาที่นอนไป เลยต้องนั่งหลับ เกือบทุกคนว่ารับไม่ได้ รุนแรงเกินไป บางคนพร้อมจะไปต่อว่าครู หรือมีเรื่องกับทางโรงเรียน
- กระทู้ลูกทะเลาะกับเพื่อนมา เป็นรอยเขียว หลายคนพร้อมจะไปคุยกับแม่เพื่อนลูก ไปต่อว่าครูและโรงเรียนว่าดูแลไม่ดี
- อย่างกระทู้รายงานลูก ก็อ่านเจอบ่อยๆ ในพันทิป และแม่ๆ ส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะทำให้ลูก
เรามีเพื่อนเป็นครูหลายคน หลายคนบ่นว่า ถ้าเด็กสอบตก ครูจะถูกต่อว่าว่าสอนยังไงให้ลูกสอบตก เด็กไม่ส่งการบ้านเรียกผู้ปกครองมาคุยก็จะกลายเป็นว่าครูให้การบ้านยากเกินไป
เราคิดว่า การปกป้องลูกมากเกินไปแบบนี้ ไม่มีผลดีกับตัวลูกเลย เด็กไม่มีโอกาสได้รับบทเรียน ไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ไม่มีโอกาสลองผิดลองถูก สอบตกแม่ก็มาว่าครูให้ อดนอนแม่ก็จัดการให้ ทะเลาะกับเพื่อนเดี๋ยวแม่ก็มาเคลียร์ ทำการบ้านไม่ไหว เดี๋ยวแม่ก็มาจัดการให้
ในขณะที่ครูทั้งหลาย ส่วนใหญ่ที่ลงโทษลูกก็ไม่ได้ทำเพื่อระบายอารมณ์ แต่ทำเพื่อสั่งสอน ถ้าคุณแม่แปลงร่างเป็นหน่วยจู่โจมแบบนี้ เราเป็นครูเราก็ไม่เปลืองตัวไม่ลงโทษลูกคุณแม่เพื่อสั่งสอนให้ได้ดีหรอก อยู่นิ่งๆ ปลอดภัยกว่า
แล้วลูกของพ่อแม่ที่ปกป้องลูกแบบนี้จะได้อะไร แน่นอนว่า ลูกจะได้คะแนนการบ้านเต็ม ลูกจะได้เกรดดีๆ ลูกจะไม่มีใครกล้ามาทะเลาะด้วย และในขณะเดียวกัน ลูกก็จะกลายเป็นคนที่คิดไม่เป็น เกรดสวยแต่ความรู้ไม่มี แก้ปัญหาเองไม่เป็น เข้าสังคมไม่เป็น คิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองแน่ เป็นศูนย์กลางของจักรวาล บางคนอาจถูกตราหน้าว่าเป็นคนขี้ฟ้อง ไม่มีใครคบ ซึ่งไม่เป็นไร พ่อแม่ซื้อเกมคอมให้ นั่งเล่นไปเถอะลูก จะได้ไม่ต้องไปไหนไกลหูไกลตาพ่อแม่ ไม่ต้องไปโดนเด็กเกเรที่ไหนรังแก
เด็กพวกนี้โตมา จะกลายเป็นคนไม่มีสังคม วันๆ มีแต่สังคมเสมือนอยู่หน้าจอ ทำงานไม่ได้ โดนเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานด่าทีเดียวลาออกให้แม่เลี้ยงดีกว่า นั่งมีตติ้งก็สไลด์ไอโฟนเล่นเกมไป (เด็กรุ่นใหม่ที่ทำงานเราหลายคนเป็นแบบนี้นะคะ คุยไปคุยมา พบว่าเค้าถูกเลี้ยงมาแบบปกป้องเกินเหตุทั้งนั้น)
เราก็มีลูกค่ะ ลูกคนแรก ลูกคนเดียว ลูกสาวด้วย เรารักมาก ห่วงมาก หวงมาก เราเข้าใจความรู้สึกอยากปกป้องลูกดี แต่เราต้องเข้าใจด้วยว่า ไม่มีใครสามารถอยู่ค้ำฟ้า เราไม่สามารถอยู่ดูแลเค้าจนเค้าแก่ตาย เราต้องผลักดันให้เค้าสู้โลกได้ ให้เค้าอยู่ได้ด้วยตัวเอง การปกป้องเค้ามากเกินไปมันเป็นการทำร้ายเค้าทางอ้อม มันคือพ่อแม่รังแกฉัน
ก่อนออกตัวปกป้องลูก คิดซักนิด ว่าสิ่งที่เกิดกับลูก มันจะมีผลเสียกับลูกในระยะยาวหรือเปล่า มันจะฝากแผลเป็นไว้กับลูกมั้ย (ไม่ว่าทางกายหรือทางใจ) ถ้ามันไม่ได้มีผลเสียอะไรกับชีวิตลูกขนาดนั้น ก็ปล่อยให้เค้าหัดจัดการด้วยตัวเองเถอะค่ะ เค้าจะได้เรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาด้วยตัวเองและเรียนรู้ที่จะยืนด้วยขาของตนเองให้ได้
พ่อแม่อย่างเราๆ มีหน้าที่แค่ชี้แนะแนวทาง สอนลูกอ่านแผนที่ และคอยดูแลไม่ให้ลูกก้าวไปในทางที่อันตรายร้ายแรงเท่านั้นเองค่ะ