พอดีว่าแปลเสร็จเร็วค่ะ เลยนำมาลงเลย ตอน 2 นี่ยาวกว่าตอนแรกเท่าตัวเลยค่ะ แต่เนื้อเรื่องก็เข้มข้นขึ้นด้วยค่ะ หวังว่าจะไม่เบื่อไปซะก่อนนะคะ TT__TT
*** เราแปลจากภาษาอังกฤษที่เขาแปลมาอีกทีนะคะ ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่น หากพบข้อผิดพลาดใดๆสามารถบอกได้ค่ะ จะได้รีบแก้ไข
*** เราไม่มีพื้นฐานเรื่องว่ายน้ำเลย เราจึงเสิร์ชหาข้อมูลในอากู๋ หากใครพบเห็นว่ามันแปล่งแปลก มันไม่ใช่ รีบบอกเลยนะคะ
<<credit pt1>>
<<credit pt 2>>
บทที่ 1 ว่ายน้ำ
บทที่ 2 น้ำ
ขออธิบายเล็กน้อยนะคะ เผื่อใครไม่เห็นภาพ โทริอิคือ
ส่วนโชวซุยะ
มองไปยังเบื้องล่างเป็นอ่าวประมงเล็กๆ บนสุดของภูเขาลูกเล็กมีศาลเจ้ามิซาโกะซากิ กลางทางถนนสู่ศาลเจ้ามีโทริอิ (เสาที่มีรูปคล้ายประตู)อันหนึงตั้งอยู่ โดยมีโชวซุยะ (ศาลาล้างมือ)วางอยู่ด้านข้าง สุดทางของบันไดหิน มีโทริอิสองอันและพื้นศาลเจ้ารออยู่ จากด้านหลังศาลเจ้า มองเห็นท้องทะเลสุดลูกหูลูกตา สะท้อนเงาดวงอาทิตย์อย่างสวยงาม งามเสียจนกวีประพันธ์บทกลอนเกี่ยวกับความงามของภูมิทัศน์นี้แต่ในอดีต หมู่บ้านมีที่ราบเพียงเล็กน้อย ท่าเรือของเมืองมีขนาดเล็ก บ้านเรือนมากมายถูกสร้างขึ้น จนกำแพงของบ้านแทบใกล้ชิดติดกัน หมู่บ้านห้อมล้อมด้วยทะเลและภูเขาทั่วทั้งสารทิศ มีเพียงแค่ถนนเส้นเดียวที่เชื่อมต่อกับภายนอก ทำให้หมู่บ้านอิวาโทบิคล้ายกับเกาะบนพื้นดิน หมู่บ้านไม่ได้สิ้นสุดอยู่แค่ที่ที่ราบเท่านั้น แต่ยังจรดไปถึงเนินเขา สุดสิ้นที่ทางป่า สองข้างทางของบันไดหินสู่ศาลเจ้ามิซาโกะซากิเต็มไปด้วยบ้านเรือนต่างๆนานา
แม้ว่าศาลเจ้าที่เต็มเปี่ยมด้วยประวัติศาสตร์ที่เลือนหายไป แต่รูปลักษณ์ของมันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยเกียรติภูมิ พิธีชำระล้างมากมายได้จัดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ยามฤดูใบไม้ร่วง มีงานเทศกาลที่ชาวเมืองแห่ศาลเจ้าจำลอง จากศาลเจ้าหลักไปยังท่าเรือผ่านบันไดหินโดยมิได้หยุดพัก ก่อนลงไปยังทะเล แม้ว่ามันเป็นเทศกาลเพื่อแสดงการขอบคุณต่อผลการเก็บเกี่ยวอันอุดมสมบูณ์ แต่เหตุไฉนพวกเขาจึงแห่ศาลเจ้าจำลองลงไปยังทะเลกัน คำตอบเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ที่นี่เป็นหมู่บ้านประมง หน้าที่ของศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือคอยดูแลความปลอดภัยระหว่างการประมง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ชาวประมงปรบมือไหว้บนเรือเวลาที่เขาออกทะเล หรือก็คือ ศาลเจ้ามิซาโกซากิคอยประทานพรให้มีผลผลิตอันอุดมสมบูรณ์และจับปลาได้มากมาย บางครั้งประทานพรให้กับการมีบุตรและประสบความสำเร็จด้านการเรียน เป็นศาลเจ้าที่เป็นที่สักการะและมีเทพประจำศาลที่ยุ่งวุ่นวาย
บ้านของฮารุกะตั้งอยู่กลางทางบันไดหินสู่ศาลเจ้ามิซาโกซากิ อยู่ทางด้านซ้ายของโทริอิหนึ่งต้นที่มีโชวซุยะตั้งอยู่ ดังนั้นการไปสู่บ้านเขาจึงต้องขึ้นลงบันไดหินนั่น ที่จริงมีถนนอื่นๆอีก แต่บ้านเรือนที่สร้างอย่างอันตราย ทำให้ถนนราวกับเขาวงกตขนาดย่อม การเดินทางจึงลำบากซับซ้อนขึ้นอีก ดังนั้นแล้วการขึ้นลงบันไดหินจึงเป็นทางที่เร็วที่สุด ฮารุกะจึงทิ้งจักรยานเอาไว้ล่างสุดของบันได
ฮารุกะไปสโมสรว่ายน้ำด้วยจักรยานหลังจากที่กลับมาถึงบ้าน ภายหลังจากกลับมาถึงบ้านหลังเลิกเรียน ฮารุกะก็ยัดของที่จำเป็นใส่กระเป๋าแล้วรีบเปิดประตูบ้าน ก่อนที่จะเดินลงไปบันไดหิน เด็กชายมองขึ้นไปยังบ้านของมาโคโตะ บ้านของมาโคโตะนั้นอยู่อีกฟากของบันได บันไดสู่ทางเข้าบ้านจรดกับปลายสุดของบันไดหินศาลเจ้า
ส่วนใหญ่แล้วมาโคโตะมักจะไปยังสโมสรพร้อมรอยยิ้ม แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะสาย ไม่ใช่ว่าเขาสัญญาอะไรเอาไว้ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องรอมาโคโตะ มาโคโตะนั้นมีน้องสาวและน้องชายวัยอนุบาล เขามักจะจูงมือส่งน้องๆไปส่งไปรับ ฮารุกะขึ้นนั่งบนจักรยานแล้ววางเท้าลงบนแป้นถีบ มาโคโตะคงจะตามเขาทัน แล้วก็ไปเจอกันที่สโมสรว่ายน้ำอยู่ดี แทนที่จะมัวรอกันอยู่ก็รีบๆไปก็พอแล้ว
ฮารุกะมองไปยังบันไดสู่บ้านของมาโคโตะอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะถีบจักรยานไปยังสโมสรว่ายน้ำ
จากบ้านถึงสโมสรว่ายน้ำใช้เวลา 10 นาที ระหว่างทางก็จะข้ามแม่น้ำชิวะ* ยามฤดูหนาว ลมมักจะพัดตามกระแสน้ำ ฮารุกะข้ามสะพานมุซึกิ* สะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่ แล้ววิ่งข้างคันดินสักพัก ระหว่างทางก็จะได้ยินเสียงของคลื่นน้ำอยู่เป็นระยะๆ ที่ท่าเรือมีเรือจับปลาสีขาวเทียบท่าอยู่ใกล้ๆกัน บ่งบอกว่าตรงนั้นเป็นหมู่บ้านประมง ขณะที่มองไปยังเสาเรือสีขาวที่ขยับเขยื้อนไปตามคลื่นทะเล หลังจากที่ผ่านท่าเรือนั่นไป ก็จะเป็นสโมสรว่ายน้ำอิวาโทบิ
หลังจากที่ผ่านหมู่บ้านอิวาโทบิไปแล้วนั้น ฮารุกะก็ไปถึงสะพานมุซึกิ ระหว่างที่เขากำลังจะข้ามสะพาน ลมก็พัดผ่านเขา เด็กชายทำหน้าบูดบึ้ง วันนี้ลมพัดรุนแรงกว่าวันอื่นๆ ฮารุกะสั่นเทาจากสายลม เมื่อเขาไปถึงกลางสะพาน ยาซากิ อากิ เด็กหญิงรูปร่างเล็ก ยืนแน่นิ่ง มองไปยังแม่น้ำ
สิ่งที่เหมือนกับฮารุกะในตัวเธอคนนี้คือ อยู่ห้องเดียวกัน และอยู่สโมสรอิวาโทบิเช่นกัน
เมื่อฮารุกะเข้าใกล้เธอ ก็เห็นใบหน้าของเธอ เขาควรจะผ่านไปอย่างเงียบหรือว่าควรจะพูดอะไรบางอย่างดี? เขาดูสับสน ฮารุกะมองไปรอบๆ แต่ดูเหมือนว่ามาโคโตะจะยังมาไม่ถึง
เราจะสับสนกับเรื่องน่าเบื่อแบบนี้ทำไม แล้วทำไมเราต้องพึ่งพามาโคโตะด้วย?
เด็กชายเดาะลิ้น อากิสังเกตเห็นฮารุกะแล้วมองหน้าเขาด้วยรอยยิ้มหดหู่
“อ๊ะ นานาเสะคุง”
“เฮ้ เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” ฮารุกะเบรกจักรยานแล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กหญิง
“อา .. ผ้าพันคอของฉัน” อากิมองไปยังแม่น้ำ นัยตามองไปยังผ้าพันคอสีขาวที่ถูกพัดตามกระแสน้ำไป แม่น้ำชิวะค่อนข้างกว้าง ผ้าพันคอของเธอตกลงไปในที่ที่ไม่สามารถเอื้อมถึง แม้จะลงจากสะพานแล้วเดินไปหยิบที่คันดินก็ตาม
“ไม่ไหวหรอก ยอมแพ้เถอะ”
มันฟังดูเย็นชาไปรึเปล่า รู้สึกไม่สบายใจเลย แต่ความจริงแล้วมันก็ทำอะไรไม่ได้นั่นแหละ
“อือ ...”
แม้ว่าเด็กหญิงจะทราบว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เธอก็ยอมรับไม่ได้ อากิยังคงจ้องมองไปยังผ้าพันคอที่ถูกพัดไปตามกระแสน้ำ ฮารุกะเลิกสายตาจากสีหน้าของอากิที่แตกต่างไปจากทุกที แล้ววางเท้ายันแป้นถีบ
“ล่วงหน้าไปก่อนนะ”
“อืม”
ไม่ทันที่อากิจะกล่าวตอบ ฮารุกะก็ปั่นจักรยานไปแล้ว เขารู้สึกได้ว่าอากิห่างออกไปทุกที เขาข้ามสะพานมุซึกิไป แล้วรีบไปยังคันดินข้างแม่น้ำ มองเห็นผ้าพันคอสีขาวผลุบๆโผล่ๆเป็นพักๆ ฮารุกะเลิกตาจากแม่น้ำแล้วปั่นจักรยานไปยังสโมสรว่ายน้ำอิวาโทบิ
มาโคโตะไปถึงห้องเปลี่ยนเสื้อเมื่อตอนที่ฮารุกะกำลังใส่แว่นตากันน้ำ
“ขอโทษทีฮารุ พอดีว่าตอนที่กำลังจะออกมา โถปลาทองสกปรกน่ะ เลยทำความสะอาดหน่อย ก็เลยมาสายน่ะ”
ทำความสะอาดหลังจากกลับบ้านสิ
ระหว่างที่ฮารุมองไปยังมาโคโตะ ภาพของอากิก็แล่นเข้ามาในหัวของเขา อากิยังอยู่ตรงนั้นตอนที่มาโคโตะข้ามสะพานรึเปล่านะ?
“ก่อนหน้านี้ที่สะพาน...” ฮารุกะเริ่มพูด แต่คิดว่าไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรจึงหยุดไป
“อะไรเกิดขึ้นที่สะพานเหรอ?”
“ไม่มี ช่างมันเถอะ”
“จะว่าไปแล้ว ตอนข้ามสะพาน เจอกับซากิจังด้วย ดูไม่ค่อยร่างเริงเลย”
มาโคโตะเรียกชื่อเธอด้วยชื่อเล่น ซากิ เป็นการผสมชื่อระหว่าง ยาซากิ และ อากิ แล้วก็เพิ่ม “จัง” ต่อท้าย
“เธอทำผ้าพันคอหล่นหายน่ะ”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ลมที่สะพานรุนแรงน่ะนะ”
รู้ด้วยเหรอ?
ฮารุกะพูดแค่ว่าอากิทำผ้าพันคอหล่นหาย ไม่ได้บอกว่าลมแรงสักหน่อย ปกติน่าจะคิดว่าอากิทำมันตกระหว่างทางก็ได้ ถ้างั้นก็หมายความว่ามาโคโตะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรจากอากิ หรือไม่เธออาจะบอกกับมาโคโตะว่าเขาทำทีท่าเย็นชาต่อเธอ นี่มาโคโตะตั้งใจจะต่อว่าเขาเหรอ?
แต่ก็เป็นเรื่องน่าเบื่อ ฮารุกะไม่ได้ตั้งใจจะต่อความยาวสาวความยืด
“ไปก่อนนะ”
“โอเค”
ฮารุกะออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อ
“ฉันมัตซึโอกะ ริน จากสโมสรซาโนะ ถึงชื่อเหมือนเด็กผู้หญิง แต่ฉันแมนเต็มร้อย ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
เป็นไปตามคาด ไม่มีอะไรให้น่าตกใจอีกเป็นครั้งที่สอง ที่แห่งนี้ไม่ใช่สโมสรเพียงแห่งเดียวในย่านนี้ จึงไม่มีเหตุผลบ่งบอกถึงสิ่งที่รินกำลังทำอยู่ ตราบใดที่คนอื่นถูกใจรินก็ไม่เป็นไร เขารู้สึกเสียใจต่อเรื่องวุ่น
“โอ้ ไม่นะ บังเอิญจริงๆ ขนาดอยู่สโมสรว่ายน้ำที่เดียวกันเลย”
ฮารุกะไม่ต้องรับมือกับเรื่องบ้าๆนี่ ฝากที่เหลือไว้ให้มาโคโตะ แล้วกระโดดลงไปในสระน้ำ
เด็กชายแหวกว่ายผิวน้ำด้วยนิ้วมือ ไหลลื่นไปตามน้ำ จากแขนไปยังศีรษะ หน้าอก ท้อง และ เท้า เขาไม่ใช้กำลังทั้งหมด ได้รับการยอมรับจากน้ำ แล้วยอมรับมัน ยอมรับตัวตนของกันและกัน หากแยกกันไป ก็จะไม่กลายเป็นหนึ่งเดียว จุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปโดยไม่ปฎิเสธกันและกัน ทั้งหมดนั่นคือคำว่าว่ายน้ำของฮารุกะ
เมื่อเขาอยู่ในน้ำ เขาก็ถูกปลดปล่อยจากเรื่องยุ่งวุ่นวาย คลื่นเล็กๆก่อตัวในจิดใจ เขารู้สึกสงบลง ทั้งเรื่องของริน อากิ ผ้าพันคอ และ สายลม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาลืมเลือนเรื่องเหล่านั้น เขาแค่ปลดปล่อยจากเรื่องนั้นเพียงชั่วครู่
หลังจากที่ว่ายน้ำ 1000 เมตรเสร็จ ฮารุกะก็ยกศีรษะขึ้นพ้นน้ำ มาโคโตะยื่นมือไปหาเขาจากข้างสระราวกับกำลังรอเขาอยู่
“ทำได้ดีมากเลย”
ฮารุกะไม่ได้ว่ายนั้ำเหนื่อยเท่ามาโคโตะซึ่งเหนื่อยหอบ อาจจะเป็นเพราะมาโคโตะเพิ่งว่าย 1000 เมตรมา ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เขามี
เป็นอย่างนี้มานานแล้วที่เมื่อใดมาโคโตะว่ายน้ำ ฮารุกะไม่อาจสบายใจได้เลย วิธีว่ายน้ำของมาโคโตะไม่เหมือนกับว่ากำลังลอยอยู่ เขาไม่เคยถามเหตุผล หรือคิดที่จะถามเลย
“เขาเป็นยังไง” มาโคโตะถามถึงริน ขณะที่ดึงร่างอีกฝ่ายขึ้น
“เขากำลังว่ายอยู่เลย ตรงนั้นไง”
ฮารุกะกำลังทำท่าซ้ำๆเพื่อเช็คความรู้สึกของน้ำตรงลู่ริมสุด หลังจากที่ยืนยันได้แล้ว เขาจึงเริ่มเดิน
“ฉันจะว่ายลู่สั่นจากฝั่งตรงข้าม จับเวลาให้ด้วยนะ”
ฮารุกะไม่ได้สนใจเรื่องเวลา เขาแค่อยากจะอยู่ห่างออกจากริน เขารู้สึกเสียใจที่ต้องมายุ่งกับเรื่องวุ่นวาย เขาไม่อยากให้มาโคโตะต้องมาเกี่ยวข้องด้วย ถ้ามาโคโตะเข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวเขาเองก็จะเข้าไปเกี่ยวพันด้วยอย่างแน่นอน
ฮารุกะเดินไปยังสระว่ายน้ำลู่สั้น โดนไม่ใช่ได้ใส่ใจว่ามาโคโตะอ้าแขนทั้งสองข้าง และมีสีหน้าตกใจเพียงใด
<<มีต่อ>>
* จากอิงที่เราแปลมา เขาแปล ชิวาคาวะ และ มุซึกิบาชิ แต่เนื่องจากว่าคาวะ แปลว่าแม่น้ำ และ บาชิแปลว่าสะพาน เราจึงขอตัดไปนะคะ
[แปล] high speed! บทที่ 2
*** เราแปลจากภาษาอังกฤษที่เขาแปลมาอีกทีนะคะ ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่น หากพบข้อผิดพลาดใดๆสามารถบอกได้ค่ะ จะได้รีบแก้ไข
*** เราไม่มีพื้นฐานเรื่องว่ายน้ำเลย เราจึงเสิร์ชหาข้อมูลในอากู๋ หากใครพบเห็นว่ามันแปล่งแปลก มันไม่ใช่ รีบบอกเลยนะคะ
<<credit pt1>>
<<credit pt 2>>
บทที่ 1 ว่ายน้ำ
บทที่ 2 น้ำ
ขออธิบายเล็กน้อยนะคะ เผื่อใครไม่เห็นภาพ โทริอิคือ
ส่วนโชวซุยะ
มองไปยังเบื้องล่างเป็นอ่าวประมงเล็กๆ บนสุดของภูเขาลูกเล็กมีศาลเจ้ามิซาโกะซากิ กลางทางถนนสู่ศาลเจ้ามีโทริอิ (เสาที่มีรูปคล้ายประตู)อันหนึงตั้งอยู่ โดยมีโชวซุยะ (ศาลาล้างมือ)วางอยู่ด้านข้าง สุดทางของบันไดหิน มีโทริอิสองอันและพื้นศาลเจ้ารออยู่ จากด้านหลังศาลเจ้า มองเห็นท้องทะเลสุดลูกหูลูกตา สะท้อนเงาดวงอาทิตย์อย่างสวยงาม งามเสียจนกวีประพันธ์บทกลอนเกี่ยวกับความงามของภูมิทัศน์นี้แต่ในอดีต หมู่บ้านมีที่ราบเพียงเล็กน้อย ท่าเรือของเมืองมีขนาดเล็ก บ้านเรือนมากมายถูกสร้างขึ้น จนกำแพงของบ้านแทบใกล้ชิดติดกัน หมู่บ้านห้อมล้อมด้วยทะเลและภูเขาทั่วทั้งสารทิศ มีเพียงแค่ถนนเส้นเดียวที่เชื่อมต่อกับภายนอก ทำให้หมู่บ้านอิวาโทบิคล้ายกับเกาะบนพื้นดิน หมู่บ้านไม่ได้สิ้นสุดอยู่แค่ที่ที่ราบเท่านั้น แต่ยังจรดไปถึงเนินเขา สุดสิ้นที่ทางป่า สองข้างทางของบันไดหินสู่ศาลเจ้ามิซาโกะซากิเต็มไปด้วยบ้านเรือนต่างๆนานา
แม้ว่าศาลเจ้าที่เต็มเปี่ยมด้วยประวัติศาสตร์ที่เลือนหายไป แต่รูปลักษณ์ของมันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยเกียรติภูมิ พิธีชำระล้างมากมายได้จัดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ยามฤดูใบไม้ร่วง มีงานเทศกาลที่ชาวเมืองแห่ศาลเจ้าจำลอง จากศาลเจ้าหลักไปยังท่าเรือผ่านบันไดหินโดยมิได้หยุดพัก ก่อนลงไปยังทะเล แม้ว่ามันเป็นเทศกาลเพื่อแสดงการขอบคุณต่อผลการเก็บเกี่ยวอันอุดมสมบูณ์ แต่เหตุไฉนพวกเขาจึงแห่ศาลเจ้าจำลองลงไปยังทะเลกัน คำตอบเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ที่นี่เป็นหมู่บ้านประมง หน้าที่ของศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือคอยดูแลความปลอดภัยระหว่างการประมง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ชาวประมงปรบมือไหว้บนเรือเวลาที่เขาออกทะเล หรือก็คือ ศาลเจ้ามิซาโกซากิคอยประทานพรให้มีผลผลิตอันอุดมสมบูรณ์และจับปลาได้มากมาย บางครั้งประทานพรให้กับการมีบุตรและประสบความสำเร็จด้านการเรียน เป็นศาลเจ้าที่เป็นที่สักการะและมีเทพประจำศาลที่ยุ่งวุ่นวาย
บ้านของฮารุกะตั้งอยู่กลางทางบันไดหินสู่ศาลเจ้ามิซาโกซากิ อยู่ทางด้านซ้ายของโทริอิหนึ่งต้นที่มีโชวซุยะตั้งอยู่ ดังนั้นการไปสู่บ้านเขาจึงต้องขึ้นลงบันไดหินนั่น ที่จริงมีถนนอื่นๆอีก แต่บ้านเรือนที่สร้างอย่างอันตราย ทำให้ถนนราวกับเขาวงกตขนาดย่อม การเดินทางจึงลำบากซับซ้อนขึ้นอีก ดังนั้นแล้วการขึ้นลงบันไดหินจึงเป็นทางที่เร็วที่สุด ฮารุกะจึงทิ้งจักรยานเอาไว้ล่างสุดของบันได
ฮารุกะไปสโมสรว่ายน้ำด้วยจักรยานหลังจากที่กลับมาถึงบ้าน ภายหลังจากกลับมาถึงบ้านหลังเลิกเรียน ฮารุกะก็ยัดของที่จำเป็นใส่กระเป๋าแล้วรีบเปิดประตูบ้าน ก่อนที่จะเดินลงไปบันไดหิน เด็กชายมองขึ้นไปยังบ้านของมาโคโตะ บ้านของมาโคโตะนั้นอยู่อีกฟากของบันได บันไดสู่ทางเข้าบ้านจรดกับปลายสุดของบันไดหินศาลเจ้า
ส่วนใหญ่แล้วมาโคโตะมักจะไปยังสโมสรพร้อมรอยยิ้ม แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะสาย ไม่ใช่ว่าเขาสัญญาอะไรเอาไว้ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องรอมาโคโตะ มาโคโตะนั้นมีน้องสาวและน้องชายวัยอนุบาล เขามักจะจูงมือส่งน้องๆไปส่งไปรับ ฮารุกะขึ้นนั่งบนจักรยานแล้ววางเท้าลงบนแป้นถีบ มาโคโตะคงจะตามเขาทัน แล้วก็ไปเจอกันที่สโมสรว่ายน้ำอยู่ดี แทนที่จะมัวรอกันอยู่ก็รีบๆไปก็พอแล้ว
ฮารุกะมองไปยังบันไดสู่บ้านของมาโคโตะอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะถีบจักรยานไปยังสโมสรว่ายน้ำ
จากบ้านถึงสโมสรว่ายน้ำใช้เวลา 10 นาที ระหว่างทางก็จะข้ามแม่น้ำชิวะ* ยามฤดูหนาว ลมมักจะพัดตามกระแสน้ำ ฮารุกะข้ามสะพานมุซึกิ* สะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่ แล้ววิ่งข้างคันดินสักพัก ระหว่างทางก็จะได้ยินเสียงของคลื่นน้ำอยู่เป็นระยะๆ ที่ท่าเรือมีเรือจับปลาสีขาวเทียบท่าอยู่ใกล้ๆกัน บ่งบอกว่าตรงนั้นเป็นหมู่บ้านประมง ขณะที่มองไปยังเสาเรือสีขาวที่ขยับเขยื้อนไปตามคลื่นทะเล หลังจากที่ผ่านท่าเรือนั่นไป ก็จะเป็นสโมสรว่ายน้ำอิวาโทบิ
หลังจากที่ผ่านหมู่บ้านอิวาโทบิไปแล้วนั้น ฮารุกะก็ไปถึงสะพานมุซึกิ ระหว่างที่เขากำลังจะข้ามสะพาน ลมก็พัดผ่านเขา เด็กชายทำหน้าบูดบึ้ง วันนี้ลมพัดรุนแรงกว่าวันอื่นๆ ฮารุกะสั่นเทาจากสายลม เมื่อเขาไปถึงกลางสะพาน ยาซากิ อากิ เด็กหญิงรูปร่างเล็ก ยืนแน่นิ่ง มองไปยังแม่น้ำ
สิ่งที่เหมือนกับฮารุกะในตัวเธอคนนี้คือ อยู่ห้องเดียวกัน และอยู่สโมสรอิวาโทบิเช่นกัน
เมื่อฮารุกะเข้าใกล้เธอ ก็เห็นใบหน้าของเธอ เขาควรจะผ่านไปอย่างเงียบหรือว่าควรจะพูดอะไรบางอย่างดี? เขาดูสับสน ฮารุกะมองไปรอบๆ แต่ดูเหมือนว่ามาโคโตะจะยังมาไม่ถึง
เราจะสับสนกับเรื่องน่าเบื่อแบบนี้ทำไม แล้วทำไมเราต้องพึ่งพามาโคโตะด้วย?
เด็กชายเดาะลิ้น อากิสังเกตเห็นฮารุกะแล้วมองหน้าเขาด้วยรอยยิ้มหดหู่
“อ๊ะ นานาเสะคุง”
“เฮ้ เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” ฮารุกะเบรกจักรยานแล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กหญิง
“อา .. ผ้าพันคอของฉัน” อากิมองไปยังแม่น้ำ นัยตามองไปยังผ้าพันคอสีขาวที่ถูกพัดตามกระแสน้ำไป แม่น้ำชิวะค่อนข้างกว้าง ผ้าพันคอของเธอตกลงไปในที่ที่ไม่สามารถเอื้อมถึง แม้จะลงจากสะพานแล้วเดินไปหยิบที่คันดินก็ตาม
“ไม่ไหวหรอก ยอมแพ้เถอะ”
มันฟังดูเย็นชาไปรึเปล่า รู้สึกไม่สบายใจเลย แต่ความจริงแล้วมันก็ทำอะไรไม่ได้นั่นแหละ
“อือ ...”
แม้ว่าเด็กหญิงจะทราบว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เธอก็ยอมรับไม่ได้ อากิยังคงจ้องมองไปยังผ้าพันคอที่ถูกพัดไปตามกระแสน้ำ ฮารุกะเลิกสายตาจากสีหน้าของอากิที่แตกต่างไปจากทุกที แล้ววางเท้ายันแป้นถีบ
“ล่วงหน้าไปก่อนนะ”
“อืม”
ไม่ทันที่อากิจะกล่าวตอบ ฮารุกะก็ปั่นจักรยานไปแล้ว เขารู้สึกได้ว่าอากิห่างออกไปทุกที เขาข้ามสะพานมุซึกิไป แล้วรีบไปยังคันดินข้างแม่น้ำ มองเห็นผ้าพันคอสีขาวผลุบๆโผล่ๆเป็นพักๆ ฮารุกะเลิกตาจากแม่น้ำแล้วปั่นจักรยานไปยังสโมสรว่ายน้ำอิวาโทบิ
มาโคโตะไปถึงห้องเปลี่ยนเสื้อเมื่อตอนที่ฮารุกะกำลังใส่แว่นตากันน้ำ
“ขอโทษทีฮารุ พอดีว่าตอนที่กำลังจะออกมา โถปลาทองสกปรกน่ะ เลยทำความสะอาดหน่อย ก็เลยมาสายน่ะ”
ทำความสะอาดหลังจากกลับบ้านสิ
ระหว่างที่ฮารุมองไปยังมาโคโตะ ภาพของอากิก็แล่นเข้ามาในหัวของเขา อากิยังอยู่ตรงนั้นตอนที่มาโคโตะข้ามสะพานรึเปล่านะ?
“ก่อนหน้านี้ที่สะพาน...” ฮารุกะเริ่มพูด แต่คิดว่าไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรจึงหยุดไป
“อะไรเกิดขึ้นที่สะพานเหรอ?”
“ไม่มี ช่างมันเถอะ”
“จะว่าไปแล้ว ตอนข้ามสะพาน เจอกับซากิจังด้วย ดูไม่ค่อยร่างเริงเลย”
มาโคโตะเรียกชื่อเธอด้วยชื่อเล่น ซากิ เป็นการผสมชื่อระหว่าง ยาซากิ และ อากิ แล้วก็เพิ่ม “จัง” ต่อท้าย
“เธอทำผ้าพันคอหล่นหายน่ะ”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ลมที่สะพานรุนแรงน่ะนะ”
รู้ด้วยเหรอ?
ฮารุกะพูดแค่ว่าอากิทำผ้าพันคอหล่นหาย ไม่ได้บอกว่าลมแรงสักหน่อย ปกติน่าจะคิดว่าอากิทำมันตกระหว่างทางก็ได้ ถ้างั้นก็หมายความว่ามาโคโตะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรจากอากิ หรือไม่เธออาจะบอกกับมาโคโตะว่าเขาทำทีท่าเย็นชาต่อเธอ นี่มาโคโตะตั้งใจจะต่อว่าเขาเหรอ?
แต่ก็เป็นเรื่องน่าเบื่อ ฮารุกะไม่ได้ตั้งใจจะต่อความยาวสาวความยืด
“ไปก่อนนะ”
“โอเค”
ฮารุกะออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อ
“ฉันมัตซึโอกะ ริน จากสโมสรซาโนะ ถึงชื่อเหมือนเด็กผู้หญิง แต่ฉันแมนเต็มร้อย ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
เป็นไปตามคาด ไม่มีอะไรให้น่าตกใจอีกเป็นครั้งที่สอง ที่แห่งนี้ไม่ใช่สโมสรเพียงแห่งเดียวในย่านนี้ จึงไม่มีเหตุผลบ่งบอกถึงสิ่งที่รินกำลังทำอยู่ ตราบใดที่คนอื่นถูกใจรินก็ไม่เป็นไร เขารู้สึกเสียใจต่อเรื่องวุ่น
“โอ้ ไม่นะ บังเอิญจริงๆ ขนาดอยู่สโมสรว่ายน้ำที่เดียวกันเลย”
ฮารุกะไม่ต้องรับมือกับเรื่องบ้าๆนี่ ฝากที่เหลือไว้ให้มาโคโตะ แล้วกระโดดลงไปในสระน้ำ
เด็กชายแหวกว่ายผิวน้ำด้วยนิ้วมือ ไหลลื่นไปตามน้ำ จากแขนไปยังศีรษะ หน้าอก ท้อง และ เท้า เขาไม่ใช้กำลังทั้งหมด ได้รับการยอมรับจากน้ำ แล้วยอมรับมัน ยอมรับตัวตนของกันและกัน หากแยกกันไป ก็จะไม่กลายเป็นหนึ่งเดียว จุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปโดยไม่ปฎิเสธกันและกัน ทั้งหมดนั่นคือคำว่าว่ายน้ำของฮารุกะ
เมื่อเขาอยู่ในน้ำ เขาก็ถูกปลดปล่อยจากเรื่องยุ่งวุ่นวาย คลื่นเล็กๆก่อตัวในจิดใจ เขารู้สึกสงบลง ทั้งเรื่องของริน อากิ ผ้าพันคอ และ สายลม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาลืมเลือนเรื่องเหล่านั้น เขาแค่ปลดปล่อยจากเรื่องนั้นเพียงชั่วครู่
หลังจากที่ว่ายน้ำ 1000 เมตรเสร็จ ฮารุกะก็ยกศีรษะขึ้นพ้นน้ำ มาโคโตะยื่นมือไปหาเขาจากข้างสระราวกับกำลังรอเขาอยู่
“ทำได้ดีมากเลย”
ฮารุกะไม่ได้ว่ายนั้ำเหนื่อยเท่ามาโคโตะซึ่งเหนื่อยหอบ อาจจะเป็นเพราะมาโคโตะเพิ่งว่าย 1000 เมตรมา ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เขามี
เป็นอย่างนี้มานานแล้วที่เมื่อใดมาโคโตะว่ายน้ำ ฮารุกะไม่อาจสบายใจได้เลย วิธีว่ายน้ำของมาโคโตะไม่เหมือนกับว่ากำลังลอยอยู่ เขาไม่เคยถามเหตุผล หรือคิดที่จะถามเลย
“เขาเป็นยังไง” มาโคโตะถามถึงริน ขณะที่ดึงร่างอีกฝ่ายขึ้น
“เขากำลังว่ายอยู่เลย ตรงนั้นไง”
ฮารุกะกำลังทำท่าซ้ำๆเพื่อเช็คความรู้สึกของน้ำตรงลู่ริมสุด หลังจากที่ยืนยันได้แล้ว เขาจึงเริ่มเดิน
“ฉันจะว่ายลู่สั่นจากฝั่งตรงข้าม จับเวลาให้ด้วยนะ”
ฮารุกะไม่ได้สนใจเรื่องเวลา เขาแค่อยากจะอยู่ห่างออกจากริน เขารู้สึกเสียใจที่ต้องมายุ่งกับเรื่องวุ่นวาย เขาไม่อยากให้มาโคโตะต้องมาเกี่ยวข้องด้วย ถ้ามาโคโตะเข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวเขาเองก็จะเข้าไปเกี่ยวพันด้วยอย่างแน่นอน
ฮารุกะเดินไปยังสระว่ายน้ำลู่สั้น โดนไม่ใช่ได้ใส่ใจว่ามาโคโตะอ้าแขนทั้งสองข้าง และมีสีหน้าตกใจเพียงใด
<<มีต่อ>>
* จากอิงที่เราแปลมา เขาแปล ชิวาคาวะ และ มุซึกิบาชิ แต่เนื่องจากว่าคาวะ แปลว่าแม่น้ำ และ บาชิแปลว่าสะพาน เราจึงขอตัดไปนะคะ