ส้ม แมวจร

กระทู้สนทนา
สี่ห้าเดือนแล้ว แมวสองตัวนี้มาที่บ้านแฟนผม เริ่มจากเจ้าตัวสีส้ม ตามด้วยเจ้าตัวสีดำ ทั้งคู่ผอมกะหร่อง

แฟนผมและที่บ้านของเธอรักหมารักแมว พวกเขาเริ่มให้อาหารพวกมัน เจ้าส้มและดำก็เริ่มจากหวาดระแวงอยู่ห่างๆ จนกระทั่งเราสามารถเข้าใกล้ถ่ายรูป และกระทั่งจับหัวมันได้ในยามกิน

และยอมมานอนผึ่งพุงอยู่ใกล้ๆ ยามอิ่ม



เรายังไปงานสัตว์เลี้ยงที่ศูนย์สิริกิตติ์ เพื่อหาซื้อกัญชาแมว ไผ่แมว อาหารแมวให้มันโดยเฉพาะ

เช้าวันหนึ่ง เราเห็นเจ้าดำเลือดท่วม พร้อมกับคราบเลือดที่เปื้อนเต็มนอกบ้าน แต่ว่า แม้มันจะเฉื่อยช้า แต่ก็ยังลุกเดินไหว โดยหนีไปไม่ยอมให้เราจับพาไปหาหมอ

และในเย็นวันเดียวกัน ขณะใกล้เวลาที่พวกมันจะมาร้องแง้วๆ ขอข้าว เราที่อยู่ในบ้านได้ยินเสียงหมากัดแมว

แม้จะได้เพื่อนบ้านช่วยไล่หมา (ที่เราถามในภายหลังว่ากี่ตัว และได้คำตอบว่า "ทุกตัว") ไปสำเร็จ "เจ้าส้ม" ก็นอนสิ้นสภาพอยู่หลังซอย เลือดท่วมและเขี้ยวหัก

เรารีบอุ้มมันใส่กล่องที่มันชอบมานอนเป็นประจำ โดยหวังว่ามันจะคุ้นกับกลิ่นตัวเองแล้วสบายใจขึ้น รีบพาไปโรงพยาบาลสัตว์ใกล้บ้านทันที มันยังขู่ทุกคนที่เข้าใกล้

คืนนั้นมันนอนให้น้ำเกลืออยู่ในโรงพยาบาล เราต่างคิดว่ามันรอดแล้วเพราะถึงมือหมอ
แต่เช้าวันรุ่งขึ้น โรงพยาบาลก็โทร.มาบอกว่าหัวใจของมันหยุดเต้นและทางโรงพยาบาลได้ช่วยฉีดยากระตุ้น สายๆ แฟนผมไปเยี่ยม อยู่กับมัน จับหัว จับจมูกจนมันลืมตาได้และยกหางได้

บ่ายโมงแฟนผมกลับมากินข้าว ทางโรงพยาบาลโทร.มาบอกอีกครั้งว่ามันไปแล้ว แฟนผมร้องไห้โทร.มาบอก ผมนั่งทำงานอยู่นอกบ้าน แม้ผมจะทำใจแข็งปลอบเธอ แต่ผมก็ร้องไห้เช่นกัน ที่ยังไม่ฟูมฟาย ก็เพราะพยายามกลั้น เนื่องจากนั่งทำงานอยู่ในร้านกาแฟ

พวกมันเป็นแมวจร วิถีชีวิตของมันต้องสู้กับฝูงหมาอยู่แล้ว คราวนี้มันคงพลาดพลั้ง แต่ก็ได้ไว้ลายด้วยขัดขืนต่อสู้จนเขี้ยวหักเล็บฉีก

แม้จะเป็นแมวจร เราไม่รู้ว่ามันเกิดที่ไหน แต่มันตายอย่างมีคนรัก ยามที่อยู่ในมือหมอ มันมองตาผมกับก้อยตลอดเวลา ผมรู้ว่ามันก็รับรู้ ว่าเรากำลังช่วย และเรารักมัน

พี่สาวผมปลอบเราว่า มันเป็นแมวต้องคำสาป กล่าวคือเมื่อพบกับคนที่รักมันจริงๆ คำสาปจะคลาย แล้วได้ไปเกิดใหม่

ตลอดเวลาที่ผ่านมา มันให้ความอบอุ่นกับผมและครอบครัวของแฟนในแบบของมัน เราตื่นเต้นที่ได้รับความเชื่อใจจากมันทีละน้อย ดีใจที่ได้ช่วยดูแลให้มันจากไปอย่างเจ็บปวดน้อยที่สุด และขอให้มันไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่า

แม้ในขณะพิมพ์ข้อความนี้ ผมก็ยังร้องไห้

ผมบอกกับแฟนว่าจะเขียนถึงเจ้าส้มทางใดทางหนึ่ง

เช้านี้ตื่นมา บทความต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ผุดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเห็นแฟนเริ่มให้อาหารมัน และยังผุดขึ้นอีกครั้งในยามที่รู้ว่ามันจากไป

ผมตื่นมาเพื่อค้นหาตู้หนังสือ แต่นึกขึ้นได้ว่าให้คนอื่นไปแล้ว ผมค้นเอาจากเน็ต แต่ก็ตั้งใจว่า อยากจะพิมพ์มันด้วยมือตัวเอง ไม่อยากจะก๊อปแปะ

สุดท้ายผมตัดสินใจแปลมันใหม่ โดยแปลจากต้นฉบับภาษาจีนที่ผมถนัด
แม้คุณจะเคยอ่านมันมาแล้ว แต่หากไม่รังเกียจอ่านซ้ำ ผมก็ยินดีอย่างยิ่ง


*** *** ***


เจ้าชายน้อย บทที่ 21

ขณะนั้นเอง สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งปรากฏขึ้น

"สวัสดี" สุนัขจิ้งจอกทัก
"สวัสดี" เจ้าชายน้อยตอบอย่างสุภาพ เขาหันกลับมา แต่ไม่พบอะไรเลย
"ฉันอยู่นี่" เสียงนั่นตอบรับ "ที่ใต้ต้นแอปเปิล"
"เธอคือใครหรือ" เจ้าชายน้อยถาม "ฉันอยากเจอจัง..."
"ฉันคือสุนัขจิ้งจอก" สุนัขจิ้งจอกตอบ
"มาเล่นกับฉันสิ" เจ้าชายเสนอ "ฉันเศร้าใจมาก"
สุนัขจิ้งจอกกล่าวว่า "ฉันเล่นกับเธอไม่ได้ ฉันยังไม่ถูกทำให้เชื่อง"
"อ๊ะ ฉันขอโทษ" เจ้าชายน้อยกล่าว

แต่เมื่อคิดอีกที เจ้าชายน้อยถามต่อไปอีกว่า
"อะไรคือ 'ทำให้เชื่อง'"
สุนัขจิ้งจอกถามกลับ "เธอไม่ใช่คนที่นี่ เธอหาอะไรอยู่หรือ"
"ฉันกำลังหาคน" เจ้าชายน้อยตอบ "อะไรคือ 'ทำให้เชื่อง'"
สุนัขจิ้งจอกถาม "พวกคนนะหรือ พวกเขามีปืน พวกเขาล่าสัตว์ น่าเบื่อหน่ายมาก แต่พวกเขาก็เลี้ยงไก่ด้วยเหมือนกัน นี่เป็นข้อดีเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขา เธอกำลังหาไก่หรือ"
เจ้าชายน้อยพูดว่า "เปล่า ฉันกำลังหาเพื่อน อะไรคือ 'ทำให้เชื่อง'"
"นี่เป็นเรื่องที่ถูกลืม" สุนัขจิ้งจอกตอบ "ทำให้เชื่องก็คือ 'สร้างความผูกพัน...'"
"สร้างความผูกพัน?"

"ใช่ สำหรับฉัน เธอเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยอื่นๆ อีกนับพันนับหมื่นคน ฉันไม่ต้องการเธอ เธอก็ไม่ต้องการฉันเหมือนกัน สำหรับเธอ ฉันก็เป็นแค่สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง เหมือนกันทุกอย่างกับสุนัขจิ้งจอกอื่นๆ นับพันนับหมื่นตัว แต่ว่า ถ้าเธอทำให้ฉันเชื่อง เราจะมีความต้องการต่อกัน สำหรับฉัน เธอจะเป็นหนึ่งเดียวในโลก สำหรับเธอ ฉันก็จะเป็นหนึ่งเดียวในโลกเช่นกัน..."

"ฉันเริ่มเข้าใจแล้ว..." เจ้าชายน้อยกล่าว "มีกุหลาบดอกหนึ่ง... ฉันคิดว่าเธอเป็นผู้ทำให้ฉันเชื่อง..."
สุนัขจิ้งจอกกล่าว "มันก็เป็นไปได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเห็นบนโลกนี้..."
"อ้อ! เธอไม่ได้อยู่บนโลกนี้หรอก" เจ้าชายน้อยกล่าว
จิ้งจอกมีสีหน้าแปลกใจ ถามว่า
"อยู่บนดาวดวงอื่นอย่างนั้นหรือ"
"ใช่แล้ว"
"เยี่ยมไปเลย" สุนัขจิ้งจอกอุทาน
แต่สุนัขจิ้งจอกก็วกกลับมาเรื่องเดิม

"ชีวิตของฉันเรียบง่ายมาก ฉันล่าไก่ นายพรานล่าฉัน ไก่ทุกตัวเหมือนกันหมด มนุษย์ทุกคนก็เหมือนกันหมดเช่นกัน ฉันจึงรู้สึกเบื่อหน่าย แต่ว่า ถ้าเธอทำให้ฉันเชื่อง ชีวิตของฉันก็จะเจิดจ้าไปด้วยแสงอาทิตย์ ฉันจะรู้จักกับเสียงฝีเท้าหนึ่ง ที่ต่างกับเสียงฝีเท้าอื่นๆ เสียงฝีเท้าอื่นๆ ทำให้ฉันหลบเข้าไปซ่อนในหลุมลึก แต่เสียงฝีเท้าของเธอจะเหมือนเสียงดนตรีที่เรียกฉันขึ้นมา อีกอย่างหนึ่ง เธอเคยเห็นทุ่งข้าวสาลีฝั่งโน้นไหม ฉันไม่กินขนมปัง ข้าวสาลีไม่มีความหมายต่อฉัน ทุ่งข้าวสาลีพวกนั้น ไม่ทำให้ฉันนึกถึงอะไร นี่เป็นเรื่องน่าเศร้า แต่เพราะเธอมีเส้นผมสีทอง ดังนั้นหากเธอทำให้ฉันเชื่อง จะเป็นเรื่องที่ดีมาก รวงข้าวสาลีสีเหลืองพวกนั้น จะทำให้ฉันนึกถึงเธอ และฉันจะชื่นชอบเสียงลม ที่พัดผ่านทุ่งข้าวสาลี..."

สุนัขจิ้งจอกไม่พูดอะไรอีก มันมองเจ้าชายน้อยเนิ่นนาน ก่อนจะพูดว่า
"โปรดทำให้ฉันเชื่องเถิด!"
"ฉันยินดีมาก" เจ้าชายน้อยตอบ "แต่ฉันมีเวลาไม่มากนัก ฉันยังต้องหาเพื่อน ฉันยังมีเรื่องราวที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ"
"คนคนหนึ่งรู้จักเพียงสิ่งที่เขาทำให้เชื่องก็พอแล้ว" สุนัขจิ้งจอกกล่าว "คนจำนวนมาก ไม่มีเวลาเรียนรู้ส่ิงของ พวกเขาจะซื้อสิ่งของสำเร็จรูปจากพ่อค้า แต่เพราะพ่อค้าไม่มีเพื่อนขาย คนจำนวนมากจึงไม่มีเพื่อน ถ้าเธออยากได้เพื่อน เธอก็ทำให้ฉันเชื่องสิ"
"ฉันต้องทำยังไงบ้าง" เจ้าชายน้อยถาม

สุนัขจิ้งจอกตอบเขา "เธอต้องมีความอดทนให้มาก เริ่มจากนั่งให้ห่างจากฉันเล็กน้อย เหมือนกับตอนนี้ นั่งอยู่บนพื้นหญ้า ฉันจะมองเธอด้วยหางตา เธออย่าพูดจา เพราะคำพูดคือบ่อเกิดของความเข้าใจผิด แต่ว่า เธอสามารถเข้าใกล้ฉันทีละนิด ทุกวัน..."


วันที่สอง เจ้าชายน้อยกลับมาอีก

สุนัขจิ้งจอกบอกเขาว่า "เธอควรมาในเวลาเดียวกัน อย่างเช่นถ้าเธอมาตอนสี่โมงเย็น ฉันจะเริ่มรู้สึกเป็นสุขตั้งแต่บ่ายสาม ยิ่งเวลาเข้าใกล้ ฉันจะยิ่งรู้สึกเป็นสุขมากขึ้น พอถึงสี่โมงเย็น ฉันก็จะกระวนกระวายแล้ว ฉันจะพบสิ่งที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับความสุข แต่ถ้าเธออาจมาเมื่อไหร่ก็ได้ ฉันจะไม่รู้ว่าควรเตรียมใจเวลาไหน... เราควรมีเทศกาลต่อกัน"
"เทศกาลอะไร" เจ้าชายน้อยถาม

สุนัขจิ้งจอกตอบว่า "นั่นก็เป็นเรื่องที่มนุษย์ลืมสนิทแล้วเช่นกัน ฉันหมายถึงวันพิเศษที่แตกต่างจากวันอื่นๆ ชั่วโมงพิเศษที่แตกต่างจากชั่วโมงอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น พวกนายพรานจะมีวันพิเศษวันหนึ่ง ทุกวันพฤหัสฯ พวกเขาจะไปเต้นรำกับสาวๆ ในหมู่บ้าน ดังนั้นวันพฤหัสฯ จึงเป็นวันเทศกาลที่ยอดเยี่ยม ฉันสามารถเดินเล่นเข้าไปถึงไร่องุ่น ถ้าพวกนายพรานคิดจะเต้นรำวันไหนก็ได้ วันทุกวันก็จะเหมือนกันหมด และฉันก็จะไม่มีวันหยุดด้วย"

ในที่สุดเจ้าชายน้อยทำให้สุนัขจิ้งจอกตัวนั้นเชื่อง และเมื่อใกล้เวลาจากลา

"อ้า! ฉันอยากร้องไห้" สุนัขจิ้งจอกกล่าว
"นี่เป็นความผิดของเธอนะ" เจ้าชายน้อยกล่าว "ฉันไม่ได้อยากทำให้เธอเสียใจ เธอเป็นฝ่ายต้องการให้ฉันทำให้เชื่องเอง"
"ใช่" สุนัขจิ้งจอกตอบ
"แต่เธออยากร้องไห้" เจ้าชายน้อยถาม
"ใช่" สุนัขจิ้งจอกตอบ
"ถ้าอย่างนั้น เธอก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยสักนิด"
"ฉันได้มาแล้ว" สุนัขจิ้งจอกกล่าว "สีของรวงข้าวสาลีนั่นไง"

มันพูดต่อไปอีกว่า
"เธอจงไปเยี่ยมดอกกุหลาบพวกนั้น เธอจะรู้ว่าดอกกุหลาบของเธอเป็นเพียงหนึ่งเดียวในโลก แล้วเธอค่อยกลับมากล่าวลาฉัน ฉันจะบอกความลับอย่างหนึ่ง ให้เป็นของขวัญของการจากลา"

เจ้าชายน้อยไปเยี่ยมพวกดอกกุหลาบ
เขาพูดกับพวกมันว่า "พวกเธอไม่เหมือนดอกกุหลาบของฉันเลยสักนิด พวกเธอไม่ใช่อะไรเลย ไม่เคยมีใครทำให้พวกเธอเชื่อง พวกเธอก็ไม่เคยทำให้ใครเชื่องด้วยเหมือนกัน พวกเธอเหมือนกับสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นของฉันในวันก่อนๆ ตอนนั้นเขาก็แค่สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งที่เหมือนกับอีกพันๆ หมื่นๆ ตัว แต่ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้ว สำหรับฉัน ตอนนี้เขาเป็นเพียงหนึ่งเดียวในโลก"
ดอกกุหลาบเหล่านั้นเศร้าเสียใจมาก

เขาบอกกับพวกมันอีกว่า "พวกเธอทั้งหมดสวยงามมาก แต่พวกเธอว่างเปล่า ไม่มีใครยอมตายแทน แน่นอน ดอกกุหลาบของฉัน คนเดินถนนทั่วไปย่อมคิดว่าเธอก็เหมือนกันกับดอกกุหลาบอื่นๆ แต่กุหลาบเพียงดอกเดียวนั้น สำคัญสำหรับฉันมากกว่าพวกเธอทั้งหมดรวมกัน เพราะฉันเป็นคนรดน้ำให้เธอ เพราะฉันเป็นผู้คนเอาฝาแก้วไปครอบให้เธอ เพราะฉันเป็นคนสร้างกำบังลมให้เธอ เพราะฉันเป็นคนกำจัดหนอนให้เธอ (เหลือไว้เพียงสองสามตัวให้กลายเป็นผีเสื้อ) เพราะฉันเคยฟังเธอบ่น เคยฟังเธอโอ้อวด แม้กระทั่งในบางครั้ง ฉันเพียงเฝ้ามองเธอเงียบกริบไม่พูดจา เพราะเธอคือดอกกุหลาบของฉัน"

จากนั้นเขากลับมาหาสุนัขจิ้งจอก

"ลาก่อน" เจ้าชายน้อย
"ลาก่อน" สุนัขจิ้งจอก "นี่ก็คือความลับของฉัน มันเรียบง่ายมาก มีเพียงมองด้วยใจ จึงจะมองคนได้ชัดเจน สิ่งที่แท้จริงมิอาจมองเห็นด้วยดวงตา"
"สิ่งที่แท้จริงมิอาจมองเห็นด้วยดวงตา"
เจ้าชายน้อยทวนคำ เพื่อจดจำไว้ในใจ

"เวลาที่เธอใช้ไปกับดอกกุหลาบของเธอ ทำให้ดอกกุหลาบของเธอมีความสำคัญ"
"เวลาที่ฉันใช้ไปกับดอกกุหลาบของฉัน..." เจ้าชายน้อยทวนคำ เพื่อจดจำไว้ในใจ

"คนทั่วไปหลงลืมสัจธรรมข้อนี้ แต่เธอไม่ควรลืม เธอมีหน้าที่ต่อสิ่งที่เธอทำให้เชื่อง เธอมีหน้าที่ต่อดอกกุหลาบของเธอ..."
"ฉันมีหน้าที่ต่อดอกกุหลาบของฉัน..." เจ้าชายน้อยทวนคำ เพื่อจดจำไว้ในใจ


*** *** ***


สำหรับเจ้าส้ม
ยินดีที่ผูกพัน
ยินดีที่เคยทำให้เชื่องต่อกัน
และการจากลานี้ ไม่ใช่ "ไม่ได้ประโยชน์เลยสักนิด"

"เราได้มาแล้ว สีของรวงข้าวสาลีนั่นไง"



คิดถึง
จากพี่ก้อยและพี่เบียร์
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่