ระลึกถึงลูกชาวสวนยาง เพื่อน ๆ พี่ ๆ คนไต้ที่เรียนด้วยกันมา เมฆ/ลานสกา/ย้อย พัทลุง/พี่แจง ยะลา/พี่ชา ระโนด ครับ

และพี่ ๆ น้อง ๆ รุ่น 1-2-3 ว.ท.บ Ceramic lampang ครับ

ผมโชคดีที่มีเพื่อนเป็นคนไต้ สายปัญญาชนเหล่านี้
ที่มีโอกาสได้เรียนด้วยกัน 4 ปี
และมีบางคนที่ยังได้อยู่ในสังคมเดียวกันมาจนถึงทุกวันนี้

ผมมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความคิด  แนวทางการใช้ชีวิตกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ คนไต้มาตลอด 4 ปี
วันนี้ผมอยากสื่อไปถึงลูกหลานชาวสวนยางแดนไต้สักเล็กน้อย  เอาแค่เท่าที่เป็นมุมมองที่ผมสัมผัสมาจริง....

เมฆ  ลานสกา คนคอน เพื่อนผม
เคยพูดให้ผมฟังว่า
ชีวิตคู่ของคนทางโน้น  หากเรารักใครชอบและใครให้ผู้ใหญ่  ไปสู่ขอนะ
ผู้ใหญ่ทางฝ่ายหญิงจะถามเลยครับว่า " มีสวนยางอยู่กี่ไร่ "

บร่ะ !!
ผมยัง งง
งงครับว่าเออทำไมต้องถามด้วย .....มายุ่งอะไรกับทรัพย์สมบัติตระกูลข้า  
เพื่อนผมอธิบายว่า .....ถามเพื่อเป็นความมั่นใจว่า........
ทางฝ่ายชายจะดูแลฝ่ายหญิงได้ดี  จากรายได้ของสวนยาง.....   อ๋อ.... เอากันยังงี้เลยรึ
ถ้างั้นถ้าใครไม่มีสวนยาง....ก็ไม่มีเมียอ่ะดิเนี่ย...

ตลอดสี่ปี ที่ผมเรียนด้วยกัน
แม่ของเพื่อนมาจากลานสกา มีขึ้นมาเยี่ยมลูกชาย 2 ครั้ง
ครั้งแรกแม่ของเมฆ  ขึ้นมา เอาวัตถุดิบ/เครื่องปรุงทำอาหารจากลานสกา  เอามาทำให้ลูกกิน
และได้ให้เพื่อน ๆ ของลูกได้ลองกินกัน

นั่นคือครั้งแรกที่ผมได้กินผัดสตอใส่กุ้ง  และแกงเหลืองเมืองคอน
( ลำปางเมื่อ 20 ปีก่อนแทบไม่มีร้านอาหารแดนใต้  และถึงมีก็คงไม่มีปัญญาไปนั่งกินครับ )

ก็ได้ร่วมวงทานข้าว
ทักทายถามไถ่ก็ได้ใจความว่าที่ นคร ทำทั้งนาข้าวและสวนยาง
และพ่อแม่พี่น้องญาติมิตร  ต่างทำกันเอง รายได้ดีก็อยู่กันได้สบายถึงขั้นส่งลูกมาเรียนเมืองเหนือเมื่อ 20 ปีก่อนก็ทำได้

ในยุคที่ผมคุยกับเพื่อน ๆ ชาวไต้ที่ผมกล่าวถึงนั้น
เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 2532-2536 ที่ผมเรียนด้วยกันครับ

============================================

แต่ห้าปี  สิบปีให้หลังที่ผ่านมานี้
นายหัวชาวสวนยางเมืองใต้เปลี่ยนไปครับ !!
เมื่อยางเป็นพืชที่ทำรายได้ดี  ฐานะทางครอบครัวของชาวสวนยางดีขึ้น

ความอยากสบาย  
อยากเป็นนายหัวก็เป็นเทรนด์เป็นแฟชั่นที่เกิดขึ้น
และแข่งกันเองของนายหัวหน้าใหม่ ชาวสวนยางพารา

และเมื่อแรงงานอิสาน....เข้าไปรับจ้างกรีดยาง  
โดยการแบ่งผลประโบชน์ 70:30 รึ 60:40 % ของรายได้
ก็ทำให้นายหัวชาวสวนยางยุคใหม่  ใช้ชึวิตกับการออกรถใหม่ ท่องเที่ยวชนวัว
รึนั่งจิบน้ำชา  ฟังเสียงนกกรงหัวจุก ... นี่คือเรื่องจริงจากปากเพื่อนคนใต้ของผม


ในยุคยางราคาดี ขึ้นสุดขีด ปี 2553-2554 ( คงเป็นผลงานรัฐบาล มาร์คมั้ง 555 )
ในยุคนี้ เรืองรุ่งสุดขีด
นายหัวชาวสวนยาง  ขับเบนท์หรู ขับสปอร์ตซิ่ง  
เที่ยวท่องสบายใจสร้างภาระรายจ่ายเกินตัวจากความรักความชอบชีวิตหรู ๆ
และเสพติดความสบาย  ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

เมื่อมาถึงตอนนี้  เมื่อราคายางพารามันลงตามตลาด  จึงปรับตัวยอมรับไม่ได้
จึงกระโดดโลดเต้นว่าขาดทุน ตกต่ำต้องประท้วง 555++

แท้จริงแล้ว  ....
นายหัวชาวสวนยางท่านไม่ได้หันกลับไปมองต้นตอปัญหาที่ท่านขาดรายได้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรักสบาย  
เปิดหน้ายางกรีดแบบแบ่งสัดส่วนให้ลูกจ้างกรีดยางชาวอิสาน  รึชาวต่างด้าว
ด้วยการจูงใจใคร่หาคนมาทำงานให้  

บางรายตัดรายได้ให้คนกรีดถึง 50:50  แบบนั้มันจะไม่ขาดรายได้ไปได้อย่างไร

และผมขอสื่อว่า....  
ไม่นานชาวอิสานที่ลงไปทำงานที่ใต้  ก็จะหอบเอาวิชาทำสวนยาง
กลับมาทำที่อิสานบ้านเกิดทั้งหมด  
จากโครงการ ยางล้านไร่  ในยุครัฐบาลทักษิณ  ซึ่งตอนนี้กำลังเริ่มเปิดกรีดหน้ายาง

และลองคิดดูครับว่า  เมื่อท่าเรือทวายแผ่นดินพม่าเดินหน้าเต็มกำลัง
ที่นั่นจะสร้างงานกี่หมื่นกี่แสนตำแหน่ง  รวมทั้งโครงการต่อเนื่องที่จะตามมาด้วย
ดังนั้นแรงงานต่างด้าวเค้าจะกลับไปทำงานที่บ้านเมืองเค้า
ท่านนายหัว  จะทำอย่างไรกัน...หากไม่ปรับตัว
และรุ่นลูกรุ่นหลาน  มีสักกี่มากน้อยที่ยังสนใจที่จะทำสวนหรือเอาวิชาความรู้ไปพัฒนาสวนยาง
ผมก็เห็นแต่ใช้ชีวิตสะดวกสบายของหนุ่มใต้รุ่นใหม่....ขับรถซิ่งรถแรงรถหรูกันเต็มบ้านเต็มเมือง

==============================================
ส.ส ปชป แดนไต้เอ๋ย......
ที่ท่านขู่จะเคาะจะขนคนทำสวนยางทั่วประเทศให้มาชุมนุมกันนั้น
ท่านโปรดอย่าได้ฝันกลางวันเลยครับ

หนึ่งละ.....ชาวสานยางแดนอิสานแดนเหนือ 80% คือคนเสื้อแดง
สองละ.....ชาวสวนยางแดนอิสานเค้าไม่ได้ทำสวนแบบที่ท่านทำ

ที่บ้านปู่ผม....บ้านคำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร
พี่ชายผมเป็นข้าราชหาร ใช้เวลาทำสวนยางเองจากยามว่าง
ทำคนเดียวทุกขั้นตอน ปลูก ดูแล กรีด เก้บ ขาย  ใช้เวลานอกราชการทำ

พี่ผม 1 คน มีกำลังทำเล่น ๆ ราว ๆ 7-8 ไร่ ( มากกว่านี้คนเดียวทำไม่ไหว )
เค้าเก็บขี้ยางขายได้ เดือนละราว ๆ 15,000-20,000 บาท
บวกกับรายได้จากงานประจำเดือนละราว ๆ หมื่นกว่า บาท
ครอบครัวพี่เค้า สามพ่อลูก ก็ดำเนินชีวิตกันได้ แบบชิล ๆ ตามสไตร์ลูกอิสาน

( ผมกับลูกสาวแวะไปดูพี่ชายกรีดยางตอนวันที่ 1 ม.ค 56 วันนั้นที่บ้านคำชะอี หนาวคอด ๆ )

ชาวสวนยางแดนอิสาน  ไม่เหมือนสวนยางท่านท่านนายหัว ส.ส ประชาธิปัตย์ครับ
ชาวอิสานเค้าเริ่มต้นด้วยการไม่มีโอกาส  
ต้องไปเรียนรู้เป็นลูกจ้างจากท่านในเมืองใต้
ด้วยค่านิยมความคิดที่ปลูกฝังกันมาว่า  ยางพารานั้นปลูกได้แต่ที่แดนได้
ที่ไหนได้...แหกตากันชัด ๆ    ......เวงกำ

ดังนั้น  ท่าน ส.ส ป.ช.ป  ผู้อยู่หลังม๊อบยางพารา  
ท่านโปรดอย่าฝันกลางวันตอนแดดเปรี้ยง ๆ เลยครับ
เพราะสำหรับชาวสวนยางอิสานนั้น  ราคายาง ก.ก แค่นี้ก็ดีกว่าการถูกบังคับให้ปลูกมันสำปะหลัง ก.ก ละ 2-3 บาท
ที่แต่ละครอบครัวทำกันคนละ 30-50 ไร่  แต่ทั้งปีขายได้ไม่กี่หมื่นบาท
ผมขอบอกครับว่าผมกลับบ้านปู่  คำชะอี  มุกดาหารล่าสุด
ไร่มันสำปะหลังสุดลูกหูลูกตาที่ผมเคยเห็น......

ตลอดเส้นทาง ไป บ้านแก้งช้างเนียม  ทางไปบ้านโนนสว่าง ยาวไปถึงภูศรีฐาน ( อดีตฐานที่มั่น ผ.ก.ค ) เต็มไปด้วยสวนยางพาราครับ



ผมขอสื่อไปยังพี่น้องชาวสวนยางแดนใต้ครับว่า  
ตอนนี้หาใช่ว่าท่านจะเป็นผู้ผูกขาดกุมชะตาราคายางพารา
หากท่านไม่ปรับตัว  ที่จะอยู่กับราคาตลาดโลก  
และยิ่งในอนาคตยางพาราจากต่างประเทศแถบเพื่อนบ้าน
เปิดหน้ายางกรีด   ราคาจะอยู่ในมือรายใหญ่
ซึ่งอีกไม่นาน   ยางพารานับร้อยล้านไร่  จากตอนใต้ของจีนจะเปิดหน้ายางกรีด
และยางจาก สปป ลาว  ที่นายทุนไทยข้ามไปลงทุนเช่า พื้นที่ปลูกนับล้านไร่จะออกมาสู่ตลาด

จึงขอสื่อไปด้วยความห่วงใยครับว่าหากไม่มีการปรับตัว
คนที่จะไปต่อไม่ได้คือพวกท่านเอง......
การที่ท่านออกมา ประท้วงขอกันหน้าซื่อ ๆ ว่า 120 บาทแบบไม่มีเหตุมีผล  ไม่ฟังอะไรเลย มันจึงไม่มีน้ำหนักเลย
และขอถามย้อนไปตอนที่ราคาดี..ท่านได้ออกมาชื่นชอบชมเชย รึปรับกระบวนการอะไรบ้าง
เผื่อไว้ ครับ....

เผื่อว่าราคามันไม่ดีจะทำยังไง.......แต่นะ  หากท่าน ๆ ทั้งหลายยังเสพติดการเป็นนายหัว  ชอบชนวัว  ชอบเลี้ยงนกกรง
แบบนั้น คงต้องวิธีการปก้ปัญหาราคายองแบบท่านชวน  คือโค่นทิ้งแล้วปลูกจำปาดะ
หรือไม่ก็คงต้องอาศัยท่านสุเทพ  เทือกสุบรรณแก้ไขปัญหาให้
ด้วยการเผาโกดังเก็บยางแผ่นสัก สองสามที่

แล้วราคามันจะดีมาเอง.....พับผ่าสิ  เมพขิง ขิง ....สุเทพ  เทือกสุบรรณ  

============================================================= จบ

ป.ล 1 ขออภัยเพื่อน ๆ ชาวใต้ที่ผมเอาข้อความจากการสนทนากันเมื่อ 20 ปีก่อนมาเปิดเผยในที่สาธารณะนะคราบบ
ป.ล 2 ผมเขียนด้วยจิตปราถนาดี  หาใช่จะประชดประชันท่านพี่น้องชาวสวนเมืองใต้
         ท่านโปรดย้อนมองมาที่ความเป็นจริงของเนื้อหา...ผมเขียนตามที่ผมประสพพบเจอ
         แต่ท่านอยู่กับความเป็นจริง  ท่านย่อมทราบดีกว่าผม


...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่