อังกฤษเล็งจัดกลุ่ม บุหรี่ไฟฟ้าเป็นยา
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
สำนักงานควบคุมยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (เอ็มเอชอาร์เอ) ของอังกฤษ เปิดเผยถึงร่างข้อเสนอที่จะจัดกลุ่มบุหรี่ไฟฟ้า หรือ อี-ซิกาเเร็ต บุหรี่ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าผลิตไอน้ำเลียนแบบควันบุหรี่ ที่กำลังเป็นที่นิยมในอังกฤษสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ ให้เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทยา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคซึ่งมีจำนวนมากถึง 1.3 ล้านคนในอังกฤษ
ภายในปี 2559 สหภาพยุโรปจะมีกฎหมายที่บังคับให้สินค้าบุหรี่ไฟฟ้าต้องมีใบอนุญาต และก่อนจะถึงเวลานั้นเอ็มเอชอาร์เอจะผลักดันให้บริษัทผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้า ขอใบอนุญาตโดยสมัครใจด้วยการพิสูจน์ว่าสินค้ามีความปลอดภัย รวมถึงปริมาณนิโคตินที่ผู้ใช้จะได้รับ และหากบุหรี่ไฟฟ้า ชนิดใดที่มีปริมาณนิโคตินมากกว่า 2 มิลลิกรัม จะถูกจัดเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทยาภายใต้ข้อบังคับของอังกฤษทันที ซึ่งนับเป็นเพียง 1 ใน 10 ของปริมาณนิโคติน ในบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการจัดประเภทกันในฝรั่งเศส
แซลลี เดวี่ หัวหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของอังกฤษและเวลส์ ระบุว่า ผู้ที่สูบบุหรี่จะได้รับผลเสียต่อสุขภาพจากทาร์และสารพิษอื่นๆ ที่มีในบุหรี่ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับนิโคติน และแม้ว่าจะเป็นการดีที่สุดที่จะเลิกบุหรี่โดยถาวรแต่ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้ ฉะนั้นการเลิกบุหรี่โดยวิธีที่ปลอดภัยกว่าเช่น การบำบัดด้วยการทดแทนนิโคตินจึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า และความนิยมของบุหรี่ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีการควบคุมเพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยและใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ นอกจากบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งผลิตไอน้ำที่มีส่วนประกอบของนิโคติน ด้วยความร้อนให้ผู้ใช้หายใจเข้าปอดแทนการสูดควันบุหรี่แล้ว เอ็มเอชอาร์เอยังเตรียมให้มีการจดทะเบียนผลิตภัณฑ์ทดแทนนิโคตินอื่นๆ ด้วย เช่น หมากฝรั่งนิโคติน นิโคตินแผ่น รวมถึงสเปรย์นิโคตินฉีดเข้าปาก
ที่มานสพ.มติชน
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1371700182
ผมเป็นหนึ่งที่หันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า เคยกลัวกับข่าวที่ออกมาของสาธารณสุขว่าอันตรายกว่าบุหรี่จริง
แต่เมื่อได้ลองจริงๆแล้ว กลับรู้สึกหายใจสะดวกขึ้น กลิ่นลมหายใจไม่เหม็น เข้าสังคมกับผู้ที่ยังสูบบุหรี่มวนได้อยู่
เคยลองกลับไปสูบบุหรี่มวนๆ โลกหมุนติ้วๆเหมือนคนที่หัดสูบบุหรี่ใหม่ๆเลย
อยากให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำการวิจัยแบบจริงจัง ถึงผลดีผลเสียเทียบกันระหว่างบุหรี่จริงและบุหรี่ไฟฟ้า
โดยไม่มีบริษัทบุหรี่เข้ามาอยู่เบื้องหลัง เพราะตอนนี้บุหรี่ไฟฟ้าก็เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
จัดเก็บภาษีให้ถูกต้อง เหมือนบุหรี่มวนๆ ทั่วไปจะดีกว่า
บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายต่อสุขภาพหรืออันตรายต่อกรมสรรพสามิตร
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
สำนักงานควบคุมยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (เอ็มเอชอาร์เอ) ของอังกฤษ เปิดเผยถึงร่างข้อเสนอที่จะจัดกลุ่มบุหรี่ไฟฟ้า หรือ อี-ซิกาเเร็ต บุหรี่ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าผลิตไอน้ำเลียนแบบควันบุหรี่ ที่กำลังเป็นที่นิยมในอังกฤษสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ ให้เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทยา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคซึ่งมีจำนวนมากถึง 1.3 ล้านคนในอังกฤษ
ภายในปี 2559 สหภาพยุโรปจะมีกฎหมายที่บังคับให้สินค้าบุหรี่ไฟฟ้าต้องมีใบอนุญาต และก่อนจะถึงเวลานั้นเอ็มเอชอาร์เอจะผลักดันให้บริษัทผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้า ขอใบอนุญาตโดยสมัครใจด้วยการพิสูจน์ว่าสินค้ามีความปลอดภัย รวมถึงปริมาณนิโคตินที่ผู้ใช้จะได้รับ และหากบุหรี่ไฟฟ้า ชนิดใดที่มีปริมาณนิโคตินมากกว่า 2 มิลลิกรัม จะถูกจัดเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทยาภายใต้ข้อบังคับของอังกฤษทันที ซึ่งนับเป็นเพียง 1 ใน 10 ของปริมาณนิโคติน ในบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการจัดประเภทกันในฝรั่งเศส
แซลลี เดวี่ หัวหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของอังกฤษและเวลส์ ระบุว่า ผู้ที่สูบบุหรี่จะได้รับผลเสียต่อสุขภาพจากทาร์และสารพิษอื่นๆ ที่มีในบุหรี่ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับนิโคติน และแม้ว่าจะเป็นการดีที่สุดที่จะเลิกบุหรี่โดยถาวรแต่ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้ ฉะนั้นการเลิกบุหรี่โดยวิธีที่ปลอดภัยกว่าเช่น การบำบัดด้วยการทดแทนนิโคตินจึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า และความนิยมของบุหรี่ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีการควบคุมเพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยและใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ นอกจากบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งผลิตไอน้ำที่มีส่วนประกอบของนิโคติน ด้วยความร้อนให้ผู้ใช้หายใจเข้าปอดแทนการสูดควันบุหรี่แล้ว เอ็มเอชอาร์เอยังเตรียมให้มีการจดทะเบียนผลิตภัณฑ์ทดแทนนิโคตินอื่นๆ ด้วย เช่น หมากฝรั่งนิโคติน นิโคตินแผ่น รวมถึงสเปรย์นิโคตินฉีดเข้าปาก
ที่มานสพ.มติชน
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1371700182
ผมเป็นหนึ่งที่หันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า เคยกลัวกับข่าวที่ออกมาของสาธารณสุขว่าอันตรายกว่าบุหรี่จริง
แต่เมื่อได้ลองจริงๆแล้ว กลับรู้สึกหายใจสะดวกขึ้น กลิ่นลมหายใจไม่เหม็น เข้าสังคมกับผู้ที่ยังสูบบุหรี่มวนได้อยู่
เคยลองกลับไปสูบบุหรี่มวนๆ โลกหมุนติ้วๆเหมือนคนที่หัดสูบบุหรี่ใหม่ๆเลย
อยากให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำการวิจัยแบบจริงจัง ถึงผลดีผลเสียเทียบกันระหว่างบุหรี่จริงและบุหรี่ไฟฟ้า
โดยไม่มีบริษัทบุหรี่เข้ามาอยู่เบื้องหลัง เพราะตอนนี้บุหรี่ไฟฟ้าก็เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
จัดเก็บภาษีให้ถูกต้อง เหมือนบุหรี่มวนๆ ทั่วไปจะดีกว่า