นิทานชาวสวน
ขอทานขึ้นค่าตัว
เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ตรงกับวันอาทิตย์ เป็นทั้งวันตรุษจีนและวันวาเลนไทน์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับเราทั้งสองงาน แต่เป็นวันที่จะต้องไปทำบุญประจำสัปดาห์ ตามคิวก็ต้องไปวัดปทุมวนาราม ซึ่งอยู่หว่างกลาง ของศูนย์การค้าสยามพาราก้อน และเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อเดือนก่อนก็ไปแต่ไม่ได้บริจาคเงินทำบุญ เพราะใบเสร็จรับเงินหมดพอดี ต้องเปลี่ยนไปบริจาคที่โรงพยาบาลสงฆ์ เพราะเป็นทางผ่านของรถเมล์สาย ๗๒ จากประตูน้ำที่จะไปเทเวศร์ แต่ลงผิดป้ายก่อนถึงสี่แยกพญาไท ต้องเดินข้ามแยกไปอีกช่วงหนึ่ง เล่นเอาเหงื่อโทรมตัว
คราวนี้รอรถ ปอ.๕๐๕ จากหน้าวชิรพยาบาล เป็นเวลานานก็ไม่มาสักที พอดีรถ ปอ.๑๖ ผ่านมาจึงรีบขึ้นไปเพราะมองเห็นว่ามีที่นั่ง ถ้าคนแน่นก็คงยังไม่ขึ้น เพราะไม่อยากรบกวนใคร เมื่อกระเป๋าหญิงมาเก็บค่าโดยสาร ก็ควักบัตรผู้เฒ่าให้ดูพร้อมเหรียญสิบบาท แล้วบอกว่าไปสี่แยกราชประสงค์ เพราะใจยังคิดว่าเป็น ปอ.๕๐๕ อยู่ กระปี๋บอกว่าไม่ผ่านค่ะ จึงนึกขึ้นมาได้ว่าสายนี้เขาเลี้ยวตรงสี่แยกราชเทวี ต้องบอกใหม่เป็นสี่แยกมาบุญครอง เธอพยักหน้าบอกว่า สิบเอ็ดบาทค่ะ ระยะทางใกล้กว่าราชประสงค์ซึ่ง ปอ.สีน้ำเงินเก็บแปดบาท สายนี้สีส้มแพงกว่าจึงกลายเป็นสิบเอ็ดบาท ต้องเพิ่มเหรียญบาทอีกอันหนึ่ง
เมื่อลงจากรถโดยสาร ที่ข้างมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์แล้ว ก็เดินเลาะกำแพงไป โดยล้วงกระเป๋าควักเหรียญบาทออกมานับต้นทุน ได้เก้าบาท พอจะแบ่งให้ขอทานได้สามคน แต่ปรากฏว่า ทางเท้าหน้าศูนย์การค้าสยามสแควร์ เปลี่ยนแผ่นกระเบื้องปูพื้นใหม่หมด สะอาดโล่งตาเพราะไม่มีหาบเร่และขอทานเกะกะเหมือนเมื่อก่อน เดินไปจนถึงสามแยกเฉลิมเผ่า หัวถนนอังรีดูนังค์ ต้องขึ้นสะพานลอยคนเดินข้ามถนนพระราม ๑ ด้วยความอดทน เพราะเดี๋ยวนี้ขึ้นสะพานลอยแต่ละครั้ง ทั้งเมื่อยขาและเหนื่อยใจกว่าปีก่อนมาก เมื่อเดินไปถึงกลางสะพาน จึงเจอขอทานคนแรก ไม่ใช่อุ้มเด็กอย่างที่เห็นประจำ แต่เป็นหญิงมีครรภ์ กระบอกตรงหน้ามีกระดาษเขียนไว้ว่า ทำเพื่อลูกกรุณาเมตตาด้วย เราจึงควักกระเป๋าคว้าเหรียญบาทติดมือออกมาได้สี่เหรียญ เลยหย่อนลงไปในกระบอกทั้งหมด แกก็ให้ศีลให้พรไปตามธรรมเนียม
เมื่อลงจากสะพานลอยเข้าไปในวัดปทุมวนาราม และบริจาคเงินร่วมบูรณะปฏิสังขร พระอุโบสถแล้วก็ออกมาเดินต่อไปทางเซ็นทรัลเวิลด์ เพราะขึ้นสะพานลอยอีกรอบหนึ่งคงไม่ไหวแน่ ตรงลานหน้าศูนย์การค้าแห่งนี้ จัดการตกแต่งเป็นงานฉลองตรุษจีน ที่เต็มไปด้วยสีแดง ไม่เห็นมีสัญลักษณ์ของวันแห่งความรักเลย พอเลี้ยวซ้ายถึงเชิงสะพานลอยอีกแห่งหนึ่ง ก็เห็นขอทานคนที่สองมีไม้ค้ำยันรักแร้ เพราะมีขาข้างเดียวยืนอยู่ที่เชิงบันได จึงล้วงกระเป๋าตามสัญชาตญาณ ได้เหรียญบาทติดมือมาสามอัน ก็ใส่ลงในกระบอกที่แกถืออยู่ แกสะดุ้งเพราะไม่ได้มองมาทางเราเลย มัวแต่เงยหน้าสนใจผู้คนที่ลงจากสะพานลอย แล้วก็ผ่านไปคนแล้วคนเล่าเท่านั้น
เมื่อเดินต่อมาถึงป้ายรถเมล์ ก็หลบเข้าร่มเงาต้นไม้เล็ก ๆ แถวนั้น พอได้ลมเย็นโชยมากระทบเสื้อที่เปียกเหงื่อชุ่ม ค่อยชื่นใจหน่อย ก็มองเห็นชายผู้หนึ่งใส่เสื้อยืดคอกลม นุ่งกางเกงขาสั้น ไม่ทราบว่าสีอะไร เพราะทั้งเสื้อและกางเกงตลอดจนแขนขา ทั้งหน้าตาเผ้าผม ก็เป็นสีเดียวกันไปหมด คือสีดำเขาผู้นี้เดินไปกลับอยู่ระหว่างความยาว ของศาลาพักผู้โดยสารรถเมล์สองหลังติดต่อกัน เขาคงจะใช้ความสังเกตว่าผู้คนที่ยืนรอรถเมล์อยู่นั้น คนไหนมีท่าทีใจบุญก็จะเข้าไปยกมือไหว้ตรงหน้า ซึ่งส่วนมากเขาก็จะส่ายหน้าหรือโบกมือปฏิเสธเป็นส่วนมาก เราก็ล้วงกระเป๋าควักสองเหรียญสุดท้ายขึ้นมาถือไว้ในมือ กะว่าถ้าเดินผ่านหน้าก็จะให้ แต่พอผ่านเข้าจริง เขากลับสนใจธนบัตรใบละยี่สิบบาทในมือ จนไม่สนใจเราเลย คงจะดีใจมากเลยเดินหายไป
เรายืนรอรถเมล์ ปอ.๕๐๕ อยู่อีกนานพอควร เพราะเห็นมีคันหนึ่งแล่นไปในทางตรงข้าม ซึ่งไปสุดสายที่มุมสวนลุมพินี ด้านสี่แยกถนนสาทร ทำให้มีกำลังใจรอต่อไป จนชายในชุดดำเดินกลับมาอีกครั้งหนึ่ง และเมื่อจะผ่านเราก็แวะเข้ามายกมือไหว้ บอกว่า ขอเงินห้าบาท ผมก็แบมือให้เห็นเหรียญในมือว่ามีสองบาทเท่านั้น เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ไม่แบมือรับและรีบเดินห่างออกไป เราเห็นผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ใกล้กัน ยิ้มแก้มแทบปริ สงสัยว่าเธอขำขอทาน ที่ไม่ยอมรับค่าตัวซึ่งต่ำกว่ามาตรฐาน หรือขำเราที่ยังไม่รู้ว่า ขอทานเขาขึ้นราคาตามค่าครองชีพ โดยขอทีละห้าบาทกันแล้วมั้ง อนิจจาอนิจจังกาละมังแตก
เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว ก็หยิบหนังสือธรรมะที่ได้รับแจกมา จากวัดเอี่ยมวรนุช ใกล้แยกบางขุนพรหม เมื่อไม่นานมานี้ อยากรู้ว่าการทำทานด้วยการให้เงินแก่คนขอทาน ได้อานิสงค์อย่างไร ก็ไม่พบ เจอแต่ข้อความว่า
เหตุใดคุณมีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมาย
เพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์
เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีดีรับประทานอยู่เสมอ
เพราะชาติก่อนคุณเคยทำทานอาหารแก่คนยากจน
เหนุใดชาตินี้คุณมีบ้านเรือนใหญ่โต
เพราะคุณเคยถวายข้าวสารเข้าวัดในชาติก่อน ฯลฯ
ในหนังสือไม่ได้ระบุว่าผู้ใดเขียน หรือสอนไว้ที่ใด แต่มีข้อสรุปท้ายเล่มว่า
ถ้าบุญเราไม่เคยสร้าง ใครที่ไหนจะมาช่วยเรา จงหมั่นทำความดี ตั้งแต่วันนี้และทุก ๆ วัน เพื่อความสุขความเจริญในภายภาคหน้า
ถึงไม่ทราบว่าเป็นคำสอนของใครแต่ก็น่าจดจำทำตามเป็นอย่างยิ่งทีเดียว
###############
นิทานชาวสวน ๒๕ ส.ค.๕๖
ขอทานขึ้นค่าตัว
เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ตรงกับวันอาทิตย์ เป็นทั้งวันตรุษจีนและวันวาเลนไทน์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับเราทั้งสองงาน แต่เป็นวันที่จะต้องไปทำบุญประจำสัปดาห์ ตามคิวก็ต้องไปวัดปทุมวนาราม ซึ่งอยู่หว่างกลาง ของศูนย์การค้าสยามพาราก้อน และเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อเดือนก่อนก็ไปแต่ไม่ได้บริจาคเงินทำบุญ เพราะใบเสร็จรับเงินหมดพอดี ต้องเปลี่ยนไปบริจาคที่โรงพยาบาลสงฆ์ เพราะเป็นทางผ่านของรถเมล์สาย ๗๒ จากประตูน้ำที่จะไปเทเวศร์ แต่ลงผิดป้ายก่อนถึงสี่แยกพญาไท ต้องเดินข้ามแยกไปอีกช่วงหนึ่ง เล่นเอาเหงื่อโทรมตัว
คราวนี้รอรถ ปอ.๕๐๕ จากหน้าวชิรพยาบาล เป็นเวลานานก็ไม่มาสักที พอดีรถ ปอ.๑๖ ผ่านมาจึงรีบขึ้นไปเพราะมองเห็นว่ามีที่นั่ง ถ้าคนแน่นก็คงยังไม่ขึ้น เพราะไม่อยากรบกวนใคร เมื่อกระเป๋าหญิงมาเก็บค่าโดยสาร ก็ควักบัตรผู้เฒ่าให้ดูพร้อมเหรียญสิบบาท แล้วบอกว่าไปสี่แยกราชประสงค์ เพราะใจยังคิดว่าเป็น ปอ.๕๐๕ อยู่ กระปี๋บอกว่าไม่ผ่านค่ะ จึงนึกขึ้นมาได้ว่าสายนี้เขาเลี้ยวตรงสี่แยกราชเทวี ต้องบอกใหม่เป็นสี่แยกมาบุญครอง เธอพยักหน้าบอกว่า สิบเอ็ดบาทค่ะ ระยะทางใกล้กว่าราชประสงค์ซึ่ง ปอ.สีน้ำเงินเก็บแปดบาท สายนี้สีส้มแพงกว่าจึงกลายเป็นสิบเอ็ดบาท ต้องเพิ่มเหรียญบาทอีกอันหนึ่ง
เมื่อลงจากรถโดยสาร ที่ข้างมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์แล้ว ก็เดินเลาะกำแพงไป โดยล้วงกระเป๋าควักเหรียญบาทออกมานับต้นทุน ได้เก้าบาท พอจะแบ่งให้ขอทานได้สามคน แต่ปรากฏว่า ทางเท้าหน้าศูนย์การค้าสยามสแควร์ เปลี่ยนแผ่นกระเบื้องปูพื้นใหม่หมด สะอาดโล่งตาเพราะไม่มีหาบเร่และขอทานเกะกะเหมือนเมื่อก่อน เดินไปจนถึงสามแยกเฉลิมเผ่า หัวถนนอังรีดูนังค์ ต้องขึ้นสะพานลอยคนเดินข้ามถนนพระราม ๑ ด้วยความอดทน เพราะเดี๋ยวนี้ขึ้นสะพานลอยแต่ละครั้ง ทั้งเมื่อยขาและเหนื่อยใจกว่าปีก่อนมาก เมื่อเดินไปถึงกลางสะพาน จึงเจอขอทานคนแรก ไม่ใช่อุ้มเด็กอย่างที่เห็นประจำ แต่เป็นหญิงมีครรภ์ กระบอกตรงหน้ามีกระดาษเขียนไว้ว่า ทำเพื่อลูกกรุณาเมตตาด้วย เราจึงควักกระเป๋าคว้าเหรียญบาทติดมือออกมาได้สี่เหรียญ เลยหย่อนลงไปในกระบอกทั้งหมด แกก็ให้ศีลให้พรไปตามธรรมเนียม
เมื่อลงจากสะพานลอยเข้าไปในวัดปทุมวนาราม และบริจาคเงินร่วมบูรณะปฏิสังขร พระอุโบสถแล้วก็ออกมาเดินต่อไปทางเซ็นทรัลเวิลด์ เพราะขึ้นสะพานลอยอีกรอบหนึ่งคงไม่ไหวแน่ ตรงลานหน้าศูนย์การค้าแห่งนี้ จัดการตกแต่งเป็นงานฉลองตรุษจีน ที่เต็มไปด้วยสีแดง ไม่เห็นมีสัญลักษณ์ของวันแห่งความรักเลย พอเลี้ยวซ้ายถึงเชิงสะพานลอยอีกแห่งหนึ่ง ก็เห็นขอทานคนที่สองมีไม้ค้ำยันรักแร้ เพราะมีขาข้างเดียวยืนอยู่ที่เชิงบันได จึงล้วงกระเป๋าตามสัญชาตญาณ ได้เหรียญบาทติดมือมาสามอัน ก็ใส่ลงในกระบอกที่แกถืออยู่ แกสะดุ้งเพราะไม่ได้มองมาทางเราเลย มัวแต่เงยหน้าสนใจผู้คนที่ลงจากสะพานลอย แล้วก็ผ่านไปคนแล้วคนเล่าเท่านั้น
เมื่อเดินต่อมาถึงป้ายรถเมล์ ก็หลบเข้าร่มเงาต้นไม้เล็ก ๆ แถวนั้น พอได้ลมเย็นโชยมากระทบเสื้อที่เปียกเหงื่อชุ่ม ค่อยชื่นใจหน่อย ก็มองเห็นชายผู้หนึ่งใส่เสื้อยืดคอกลม นุ่งกางเกงขาสั้น ไม่ทราบว่าสีอะไร เพราะทั้งเสื้อและกางเกงตลอดจนแขนขา ทั้งหน้าตาเผ้าผม ก็เป็นสีเดียวกันไปหมด คือสีดำเขาผู้นี้เดินไปกลับอยู่ระหว่างความยาว ของศาลาพักผู้โดยสารรถเมล์สองหลังติดต่อกัน เขาคงจะใช้ความสังเกตว่าผู้คนที่ยืนรอรถเมล์อยู่นั้น คนไหนมีท่าทีใจบุญก็จะเข้าไปยกมือไหว้ตรงหน้า ซึ่งส่วนมากเขาก็จะส่ายหน้าหรือโบกมือปฏิเสธเป็นส่วนมาก เราก็ล้วงกระเป๋าควักสองเหรียญสุดท้ายขึ้นมาถือไว้ในมือ กะว่าถ้าเดินผ่านหน้าก็จะให้ แต่พอผ่านเข้าจริง เขากลับสนใจธนบัตรใบละยี่สิบบาทในมือ จนไม่สนใจเราเลย คงจะดีใจมากเลยเดินหายไป
เรายืนรอรถเมล์ ปอ.๕๐๕ อยู่อีกนานพอควร เพราะเห็นมีคันหนึ่งแล่นไปในทางตรงข้าม ซึ่งไปสุดสายที่มุมสวนลุมพินี ด้านสี่แยกถนนสาทร ทำให้มีกำลังใจรอต่อไป จนชายในชุดดำเดินกลับมาอีกครั้งหนึ่ง และเมื่อจะผ่านเราก็แวะเข้ามายกมือไหว้ บอกว่า ขอเงินห้าบาท ผมก็แบมือให้เห็นเหรียญในมือว่ามีสองบาทเท่านั้น เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ไม่แบมือรับและรีบเดินห่างออกไป เราเห็นผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ใกล้กัน ยิ้มแก้มแทบปริ สงสัยว่าเธอขำขอทาน ที่ไม่ยอมรับค่าตัวซึ่งต่ำกว่ามาตรฐาน หรือขำเราที่ยังไม่รู้ว่า ขอทานเขาขึ้นราคาตามค่าครองชีพ โดยขอทีละห้าบาทกันแล้วมั้ง อนิจจาอนิจจังกาละมังแตก
เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว ก็หยิบหนังสือธรรมะที่ได้รับแจกมา จากวัดเอี่ยมวรนุช ใกล้แยกบางขุนพรหม เมื่อไม่นานมานี้ อยากรู้ว่าการทำทานด้วยการให้เงินแก่คนขอทาน ได้อานิสงค์อย่างไร ก็ไม่พบ เจอแต่ข้อความว่า
เหตุใดคุณมีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมาย
เพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์
เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีดีรับประทานอยู่เสมอ
เพราะชาติก่อนคุณเคยทำทานอาหารแก่คนยากจน
เหนุใดชาตินี้คุณมีบ้านเรือนใหญ่โต
เพราะคุณเคยถวายข้าวสารเข้าวัดในชาติก่อน ฯลฯ
ในหนังสือไม่ได้ระบุว่าผู้ใดเขียน หรือสอนไว้ที่ใด แต่มีข้อสรุปท้ายเล่มว่า
ถ้าบุญเราไม่เคยสร้าง ใครที่ไหนจะมาช่วยเรา จงหมั่นทำความดี ตั้งแต่วันนี้และทุก ๆ วัน เพื่อความสุขความเจริญในภายภาคหน้า
ถึงไม่ทราบว่าเป็นคำสอนของใครแต่ก็น่าจดจำทำตามเป็นอย่างยิ่งทีเดียว
###############