วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 15:57 น. ข่าวสดออนไลน์
นิวยอร์กไทมส์ สื่อชื่อดังในสหรัฐอเมริกา ตีพิมพ์บทความชื่อ
"อียิปต์จะเรียนรู้จากไทยได้หรือไม่?"[/url" rel="nofollow" > เขียนโดยนายโจนาธาน เทปเปอร์แมน บรรณาธิการของนิตยสาร "ฟอเรนจ์ แอฟแฟร์ส" ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ
นายเทปเปอร์แมนระบุในบทความดังกล่าวว่า
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นบุคคลที่สามารถต่อรองกับกลุ่มต่างๆในการเมืองไทย และพลิกสถานการณ์จากสภาวะความไม่สงบต่างๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนประเทศไทยกลับมาดำรงเสถียรภาพได้ ต่างจากประเทศอียิปต์ยังอยู่ในวิกฤตวุ่นวายจากการเดินหน้าปราบปรามฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาล
นายเทปเปอร์แมนกล่าวว่า
ปัญหาความแตกแยกในสังคมไทยเริ่มขึ้นจากรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2549 ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างกองทัพ กลุ่มนิยมสถาบัน และกระบวนการยุติธรรม ทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างฝ่ายเสื้อเหลืองที่พยายามพิทักษ์ระบอบ "กึ่งศักดินา" ในไทย กับฝ่ายเสื้อแดง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนยากจนในต่างจังหวัดและเขตเมืองที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ
บทความระบุอีกว่า เกิดความวุ่นวายทางการเมืองมาตลอด จนกระทั่งเกิดการสลายการชุมนุมของฝ่ายเสื้อแดงในปี 2553 มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 90 ราย และ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ชนะการเลือกตั้งในปีถัดมา ซึ่ง
ผลที่ตามมาคือไทยพลิกกลับมาอยู่ในความสงบ เศรษฐกิจเติบโต และการท่องเที่ยวก็คึกคักอีกครั้ง โดยความสำเร็จของน.ส.ยิ่งลักษณ์มาจากการปราบปรามพฤติกรรมทุจริต ต่อรองกับฝ่ายตรงข้าม และมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
โดยนายเทปเปอร์แมนมองว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์เริ่มแผนการช่วยเหลือคนจนในประเทศจากการสร้างเสถียรภาพก่อน ด้วย
การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายต่างๆ เช่น ยกเว้นภาษีรถคันแรก ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ที่ทำให้ชนชั้นล่างและกลางพอใจ ขณะเดียวกันก็ลงทุนด้านสาธารณูปโภคและลดภาษี เพื่อเอาใจกลุ่มธุรกิจและคนร่ำรวย
"นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยัง
ต่อรองกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง โดยไม่แตะต้องกองทัพซึ่งมีบทบาทในการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 และไม่แก้ไขมาตรา 112 แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ยอมให้พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเป็นบุคคลที่ชนชั้นสูงต่อต้านกลับมายังประเทศ ไทยเช่นกัน"
ผู้เขียนระบุด้วยว่า การยอมต่อรองกับฝ่ายตรงข้ามเช่นนี้ทำให้อำนาจไม่เป็นประชาธิปไตยเข้ามาจำกัดบทบาทของรัฐบาล ขณะที่รัฐบาลก็ยอมให้มีการลิดรอนเสรีภาพในการแสดงออก ด้านครอบครัวของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เมื่อปี 2553 ต่างไม่พอใจเพราะเห็นว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่จริงจังในการดำเนินคดีกับผู้สั่งการ ซึ่งล้วนแต่เป็นผลกระทบที่ย่ำแย่
นายเทปเปอร์แมนวิเคราะห์ว่า
แต่สิ่งที่ดำเนินการทั้งหมดก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะถ้ารัฐบาลมีเสถียรภาพ ไม่มีการต่อสู้กันบนท้องถนน ประเทศไทยก็มีโอกาสพัฒนาประชาธิป ไตยในระยะยาวได้ต่อไป
"ความไม่สมบูรณ์ของการต่อรองครั้งใหญ่ของน.ส.ยิ่งลักษณ์สะท้อนว่าเป็นการต่อรองที่ดี เพราะ
แสดงว่าทุกคนรู้สึกว่าตนไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ซึ่งก็
แปลว่าไม่มีใครได้สิ่งที่ตัวเองต้องการทุกอย่าง" นายเทปเปอร์แมนระบุ
บ.ก.ฟอเรนจ์ แอฟแฟร์ส สรุปว่า ถึงแม้การต่อรองนี้เป็นสันติภาพที่เปราะบาง เพราะอาจเกิดความวุ่นวายได้หากพ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับไทย และความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนในประเทศเพิ่มพูนขึ้นกว่านี้ แต่ก็ยังดีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์เลือกที่จะเจรจาต่อรองกับฝ่ายตรงข้าม แทนที่จะเดินหน้าชนกับฝ่ายตรงข้ามท่าเดียว
"แน่นอนว่า
การต่อรองนี้มีความยุ่งยากอยู่ แต่ก็เป็นความยุ่งยากที่ประเทศอื่นๆ อย่างอียิปต์ เวเนซุเอลา ซิมบับเว ได้แต่ฝันถึงในขณะนี้" นายเทปเปอร์แมนสรุป
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM056TXpORGN5T0E9PQ==§ionid=
?????????????????????????????????????????
"......น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นบุคคลที่สามารถต่อรองกับกลุ่มต่างๆในการเมืองไทย และพลิกสถานการณ์จากสภาวะความไม่สงบต่างๆในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
จนประเทศไทยกลับมาดำรงเสถียรภาพได้ ....."
".....
ปัญหาความแตกแยกในสังคมไทยเริ่มขึ้นจากรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2549 ซึ่ง
เป็นการร่วมมือกันระหว่างกองทัพ กลุ่มนิยมสถาบัน และกระบวนการยุติธรรม ...."
".....น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ชนะการเลือกตั้งในปีถัดมา ซึ่งผลที่ตามมาคือ
ไทยพลิกกลับมาอยู่ในความสงบ เศรษฐกิจเติบโต และการท่องเที่ยวก็คึกคักอีกครั้ง ...."
"......แต่สิ่งที่ดำเนินการทั้งหมดก็
เป็นสิ่งที่จำเป็น ....เป็นการต่อรองที่ดี ......แปลว่า
ไม่มีใครได้สิ่งที่ตัวเองต้องการทุกอย่าง....."
โลกรับรู้เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมไทย
และเห็นช่องทางในการแก้ไขปัญหาอย่างมีสติของรัฐบาลเป็นอย่างดี จึงชื่นชมและยกย่องให้เป็นแบบอย่างแก่นานาประเทศ.....
แล้วใยคนในประเทศแท้ๆบางตัวกลับงมงายไร้สติ หลับหูหลับตางี่เง่าอยู่นั่นแล้ว
หลายภาคส่วนต่างลืมตาตื่น ยุติบทบาทที่เคยก่อความเสียหายให้กับประเทศชาติ
ต่างพากันปีนลงจากหลังเสืออย่างสง่างาม.....
แต่...แต่...ทาสเผด็จการที่ปล่อยไม่ไปบางเผ่าพันธ์ยังมุดออกจากรูไม่ได้
ยังดิ้นรนอยู่กับกะลาแคบๆที่ครอบหัวอยู่
ยากมากหรือไงกะอีแค่โผล่หัวออกมาจากรูน่ะ..แมงสาบ......หือ....
สื่อยักษ์โลกชื่นชมไทย..."นิวยอร์กไทมส์"แนะอียิปต์ยึดแนว"ปูโมเดล"-ยุติรุนแรง มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจ-ยอมต่อรองเพื่อความสงบ
นิวยอร์กไทมส์ สื่อชื่อดังในสหรัฐอเมริกา ตีพิมพ์บทความชื่อ"อียิปต์จะเรียนรู้จากไทยได้หรือไม่?"[/url" rel="nofollow" > เขียนโดยนายโจนาธาน เทปเปอร์แมน บรรณาธิการของนิตยสาร "ฟอเรนจ์ แอฟแฟร์ส" ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ
นายเทปเปอร์แมนระบุในบทความดังกล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นบุคคลที่สามารถต่อรองกับกลุ่มต่างๆในการเมืองไทย และพลิกสถานการณ์จากสภาวะความไม่สงบต่างๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนประเทศไทยกลับมาดำรงเสถียรภาพได้ ต่างจากประเทศอียิปต์ยังอยู่ในวิกฤตวุ่นวายจากการเดินหน้าปราบปรามฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาล
นายเทปเปอร์แมนกล่าวว่า ปัญหาความแตกแยกในสังคมไทยเริ่มขึ้นจากรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2549 ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างกองทัพ กลุ่มนิยมสถาบัน และกระบวนการยุติธรรม ทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างฝ่ายเสื้อเหลืองที่พยายามพิทักษ์ระบอบ "กึ่งศักดินา" ในไทย กับฝ่ายเสื้อแดง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนยากจนในต่างจังหวัดและเขตเมืองที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ
บทความระบุอีกว่า เกิดความวุ่นวายทางการเมืองมาตลอด จนกระทั่งเกิดการสลายการชุมนุมของฝ่ายเสื้อแดงในปี 2553 มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 90 ราย และน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ชนะการเลือกตั้งในปีถัดมา ซึ่งผลที่ตามมาคือไทยพลิกกลับมาอยู่ในความสงบ เศรษฐกิจเติบโต และการท่องเที่ยวก็คึกคักอีกครั้ง โดยความสำเร็จของน.ส.ยิ่งลักษณ์มาจากการปราบปรามพฤติกรรมทุจริต ต่อรองกับฝ่ายตรงข้าม และมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
โดยนายเทปเปอร์แมนมองว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์เริ่มแผนการช่วยเหลือคนจนในประเทศจากการสร้างเสถียรภาพก่อน ด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายต่างๆ เช่น ยกเว้นภาษีรถคันแรก ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ที่ทำให้ชนชั้นล่างและกลางพอใจ ขณะเดียวกันก็ลงทุนด้านสาธารณูปโภคและลดภาษี เพื่อเอาใจกลุ่มธุรกิจและคนร่ำรวย
"นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังต่อรองกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง โดยไม่แตะต้องกองทัพซึ่งมีบทบาทในการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 และไม่แก้ไขมาตรา 112 แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ยอมให้พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเป็นบุคคลที่ชนชั้นสูงต่อต้านกลับมายังประเทศ ไทยเช่นกัน"
ผู้เขียนระบุด้วยว่า การยอมต่อรองกับฝ่ายตรงข้ามเช่นนี้ทำให้อำนาจไม่เป็นประชาธิปไตยเข้ามาจำกัดบทบาทของรัฐบาล ขณะที่รัฐบาลก็ยอมให้มีการลิดรอนเสรีภาพในการแสดงออก ด้านครอบครัวของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เมื่อปี 2553 ต่างไม่พอใจเพราะเห็นว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่จริงจังในการดำเนินคดีกับผู้สั่งการ ซึ่งล้วนแต่เป็นผลกระทบที่ย่ำแย่
นายเทปเปอร์แมนวิเคราะห์ว่า แต่สิ่งที่ดำเนินการทั้งหมดก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะถ้ารัฐบาลมีเสถียรภาพ ไม่มีการต่อสู้กันบนท้องถนน ประเทศไทยก็มีโอกาสพัฒนาประชาธิป ไตยในระยะยาวได้ต่อไป
"ความไม่สมบูรณ์ของการต่อรองครั้งใหญ่ของน.ส.ยิ่งลักษณ์สะท้อนว่าเป็นการต่อรองที่ดี เพราะแสดงว่าทุกคนรู้สึกว่าตนไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ซึ่งก็แปลว่าไม่มีใครได้สิ่งที่ตัวเองต้องการทุกอย่าง" นายเทปเปอร์แมนระบุ
บ.ก.ฟอเรนจ์ แอฟแฟร์ส สรุปว่า ถึงแม้การต่อรองนี้เป็นสันติภาพที่เปราะบาง เพราะอาจเกิดความวุ่นวายได้หากพ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับไทย และความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนในประเทศเพิ่มพูนขึ้นกว่านี้ แต่ก็ยังดีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์เลือกที่จะเจรจาต่อรองกับฝ่ายตรงข้าม แทนที่จะเดินหน้าชนกับฝ่ายตรงข้ามท่าเดียว
"แน่นอนว่าการต่อรองนี้มีความยุ่งยากอยู่ แต่ก็เป็นความยุ่งยากที่ประเทศอื่นๆ อย่างอียิปต์ เวเนซุเอลา ซิมบับเว ได้แต่ฝันถึงในขณะนี้" นายเทปเปอร์แมนสรุป
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM056TXpORGN5T0E9PQ==§ionid=
?????????????????????????????????????????
"......น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นบุคคลที่สามารถต่อรองกับกลุ่มต่างๆในการเมืองไทย และพลิกสถานการณ์จากสภาวะความไม่สงบต่างๆในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนประเทศไทยกลับมาดำรงเสถียรภาพได้ ....."
".....ปัญหาความแตกแยกในสังคมไทยเริ่มขึ้นจากรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2549 ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างกองทัพ กลุ่มนิยมสถาบัน และกระบวนการยุติธรรม ...."
".....น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ชนะการเลือกตั้งในปีถัดมา ซึ่งผลที่ตามมาคือไทยพลิกกลับมาอยู่ในความสงบ เศรษฐกิจเติบโต และการท่องเที่ยวก็คึกคักอีกครั้ง ...."
"......แต่สิ่งที่ดำเนินการทั้งหมดก็เป็นสิ่งที่จำเป็น ....เป็นการต่อรองที่ดี ......แปลว่าไม่มีใครได้สิ่งที่ตัวเองต้องการทุกอย่าง....."
โลกรับรู้เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมไทย
และเห็นช่องทางในการแก้ไขปัญหาอย่างมีสติของรัฐบาลเป็นอย่างดี จึงชื่นชมและยกย่องให้เป็นแบบอย่างแก่นานาประเทศ.....
แล้วใยคนในประเทศแท้ๆบางตัวกลับงมงายไร้สติ หลับหูหลับตางี่เง่าอยู่นั่นแล้ว
หลายภาคส่วนต่างลืมตาตื่น ยุติบทบาทที่เคยก่อความเสียหายให้กับประเทศชาติ
ต่างพากันปีนลงจากหลังเสืออย่างสง่างาม.....
แต่...แต่...ทาสเผด็จการที่ปล่อยไม่ไปบางเผ่าพันธ์ยังมุดออกจากรูไม่ได้
ยังดิ้นรนอยู่กับกะลาแคบๆที่ครอบหัวอยู่
ยากมากหรือไงกะอีแค่โผล่หัวออกมาจากรูน่ะ..แมงสาบ......หือ....