Louis killer : Sense in the Darkness
Authors : 0.00 น.
Type : Thriller-Drama
Rated : PG-13
บทนำ-บทที่ 1 :
http://ppantip.com/topic/30744563
บทที่ 2 :
http://ppantip.com/topic/30767175
บทที่ 3 :
http://ppantip.com/topic/30786508
บทที่ 4 :
http://ppantip.com/topic/30805522
บทที่ 5 :
http://ppantip.com/topic/30827015
บทที่ 6
“เราจะลงบันทึกว่าคุณแจ้งว่าถูกทำร้ายร่างกาย แต่เราไม่สามารถสรุปได้หรอกนะว่าคนร้ายคนนั้นคือเดอะริปเปอร์ที่เรากำลังตามหาอยู่” หมวดคาร์เตอร์กล่าวสรุปกับผมและอีธานหลังจากหันไปสั่งอะไรบางอย่างกับตำรวจอีกคนข้างหลัง
เมื่อดูเหมือนว่าทุกอย่างในคืนนี้จะผ่านไปด้วยดีแล้ว หมวดคาร์เตอร์ก็ให้ผมและอีธานกลับบ้านได้ แต่ทันทีที่หมวดคาร์เตอร์หันหลังกลับเตรียมจะเดินออกไปนอกห้อง เสียงของผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างผมก็เอ่ยเป็นเชิงชะงักไว้
“คุณคิดว่าเมืองนี้จะมีฆาตกรอยู่สักกี่คน”
“ว่าไงนะ” หมวดคาร์เตอร์หันกลับมาทันทีที่สิ้นเสียงของอีธาน เขาเดินเข้ามาใกล้ขึ้นและเริ่มเค้นคำถาม
“คุณหมายความว่าอย่างไร”
“บอกผมสิ คุณรู้จักเมืองนี้ดีกว่าผม” ดวงตาภายใต้แว่นดำที่ใช้การไม่ได้นั้นเงยขึ้นราวกับกำลังสบสายตาอีกฝ่าย เมื่อไม่มีเสียงใดตอบกลับมาจากหมวดคาร์เตอร์เขาจึงพูดต่อ
“ถ้าคุณจับฆาตกรคดีถุงศพที่ท่าเรือเก่าไม่ได้ คุณจะไม่มีทางจับเดอะริปเปอร์ได้”
“ทำไม”
“ฆาตกรรายแรกที่เปิดคดีฆาตกรรมให้เมืองนี้จะเป็นผู้ฆ่าเดอะริปเปอร์”
หมวดคาร์เตอร์เริ่มขมวดคิ้ว ใบหน้าเขาฉายแววเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“เพราะอะไรล่ะ”
“ก็นี่เป็นที่ของเขา”
หมวดคาร์เตอร์ยันตัวลุกขึ้นทันทีที่สิ้นประโยคของอีธาน เขาทำเป็นไม่สนใจคำพูดเมื่อครู่แล้วทำท่าว่าจะออกจากห้องไปอีกครั้ง
“เขาจะลงมืออีกในไม่ช้า คุณจะรอรับถุงดำ หรือจะหยุดเขาล่ะ”
เสียงประตุปิดสนิทเหลือไว้แต่ผม อีธาน และอีกคน นายตำรวจ แจ็ค โฮล์ดี้
“คุณจะบอกว่าฆาตกรมีสองคนหรือ” เป็นเสียงของนายตำรวจแจ็ค ที่ทำท่าสนใจมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
“มันก็ชัดเจนอยู่บนเหยื่อแล้ว”
“ผมก็คิดอย่างนั้น” แจ็คหันหน้ามาสบตาผม ผมเลิกคิ้วส่งกลับ แต่ไม่มีอารมณ์ที่จะปั้นยิ้มไปให้ แล้วเขาก็พูดต่อ “ว่าแต่... คุณออกไปทำอะไรดึกดื่นอย่างนั้น”
อีธานไม่ตอบอะไร เขาเงียบไปเฉยๆ เหมือนกับตอนที่หมวดคาร์เตอร์สอบสวนเมื่อครู่ เขาก็ไม่ยอมตอบอะไร เอาแต่นั่งเงียบจนหมวดคาร์เตอร์ถอดใจไปเอง นั่นสิ... ผมก็อยากรู้ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ชอบออกไปเดินเล่นตอนกลางคืนนัก แถมยังได้เจอแจ็คพ็อตถึงสองครั้ง
“เอาเถอะ คุณกลับบ้านได้แล้วล่ะ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมเราจะแจ้งไป” ผมและอีธานเตรียมลุกกลับบ้านตามที่แจ็คบอก
“ส่วนนายอยู่ก่อน ฉันมีเรื่องจะถาม” ผมเลิกคิ้วส่งกลับเขาไปอีกรอบ วันนี้ผมเหนื่อยเกินกว่าจะมาเล่นเกมกับเขาแล้วนะ รอจนกระทั่งอีธานเดินออกไป ผมนั่งลงให้นายตำรวจสอบสวนอย่างรู้หน้าที่
“มาร์ติน”
“แจ็ค” ผมทักกลับทันที “คุณเรียกผมว่าหลุยส์ก็ได้นะ”
“ขอเตือนนะ อย่าพยายามกวนประสาทฉันเหมือนคราวที่แล้วอีก”
“ครับ ไม่พยามยาม... กวนประสาท” มันอดไม่ได้จริงๆแฮะ แจ็คเขม่นใส่ผมหนึ่งทีก่อนจะเดินไปตั้งท่ากอดอกยืนพิงโต๊ะทำงานแล้วหันหน้าหาผมที่อยู่ตรงข้าม เราเล่นเกมจ้องตากันอยู่สักพัก
“นายพกมีดติดตัวอย่างที่ให้การอยู่เป็นประจำหรือ” ผมฟังนิ่ง ทบทวนคำพูดสักพัก แล้วตอบเขากลับไป
“ครับ”
“เพื่ออะไร”
“ไม่รู้สิครับ อาจจะเอาไว้ป้องกันตัว ก็พักนี้มีฆาตกรเดินเพ่นพ่านอยู่ตอนดึกๆ”
“มีดล่าเนื้อเนี่ยนะ”
ผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะอธิบาย “มีดล่าเนื้อ ใบตาย ทรงดรอปพ้อยท์ ขนาดเล็ก ของสะสมของผมน่ะ” ดูเหมือนว่านายตำรวจคนนี้ยังไม่หายเคลือบแคลงใจในตัวผม สีหน้าของเขาฟ้องอยู่ทนโท่ว่า ไม่ไว้ใจ ผมลุกขึ้นเข้าไปประชิดตัวเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบา แต่ชัดถ้อยชัดคำ
“แจ็ค... ใบมีดสองนิ้วครึ่งน่ะฆ่าคนให้ตายสนิทไม่ได้หรอกนะ ชำแหละก็ไม่ได้” เป็นไปตามคาด เขาตวัดสายตาขึ้นมามองผมทันที เราต่างคนต่างเงียบอยู่นาน ก่อนจะเป็นผมที่ทำลายความเงียบพร้อมส่งยิ้มมุมปากไปให้
“ถ้าคุณให้ผมดูบาดแผลของเหยื่อ ผมอาจจะบอกได้นะว่า ฆาตกรใช้มีดอะไร” เขาเอาแต่จ้องตาผม ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความสับสนครุ่นคิด
Sense in the Darkness (บทที่ 6)
Authors : 0.00 น.
Type : Thriller-Drama
Rated : PG-13
บทนำ-บทที่ 1 : http://ppantip.com/topic/30744563
บทที่ 2 : http://ppantip.com/topic/30767175
บทที่ 3 : http://ppantip.com/topic/30786508
บทที่ 4 : http://ppantip.com/topic/30805522
บทที่ 5 : http://ppantip.com/topic/30827015
บทที่ 6
“เราจะลงบันทึกว่าคุณแจ้งว่าถูกทำร้ายร่างกาย แต่เราไม่สามารถสรุปได้หรอกนะว่าคนร้ายคนนั้นคือเดอะริปเปอร์ที่เรากำลังตามหาอยู่” หมวดคาร์เตอร์กล่าวสรุปกับผมและอีธานหลังจากหันไปสั่งอะไรบางอย่างกับตำรวจอีกคนข้างหลัง
เมื่อดูเหมือนว่าทุกอย่างในคืนนี้จะผ่านไปด้วยดีแล้ว หมวดคาร์เตอร์ก็ให้ผมและอีธานกลับบ้านได้ แต่ทันทีที่หมวดคาร์เตอร์หันหลังกลับเตรียมจะเดินออกไปนอกห้อง เสียงของผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างผมก็เอ่ยเป็นเชิงชะงักไว้
“คุณคิดว่าเมืองนี้จะมีฆาตกรอยู่สักกี่คน”
“ว่าไงนะ” หมวดคาร์เตอร์หันกลับมาทันทีที่สิ้นเสียงของอีธาน เขาเดินเข้ามาใกล้ขึ้นและเริ่มเค้นคำถาม
“คุณหมายความว่าอย่างไร”
“บอกผมสิ คุณรู้จักเมืองนี้ดีกว่าผม” ดวงตาภายใต้แว่นดำที่ใช้การไม่ได้นั้นเงยขึ้นราวกับกำลังสบสายตาอีกฝ่าย เมื่อไม่มีเสียงใดตอบกลับมาจากหมวดคาร์เตอร์เขาจึงพูดต่อ
“ถ้าคุณจับฆาตกรคดีถุงศพที่ท่าเรือเก่าไม่ได้ คุณจะไม่มีทางจับเดอะริปเปอร์ได้”
“ทำไม”
“ฆาตกรรายแรกที่เปิดคดีฆาตกรรมให้เมืองนี้จะเป็นผู้ฆ่าเดอะริปเปอร์”
หมวดคาร์เตอร์เริ่มขมวดคิ้ว ใบหน้าเขาฉายแววเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“เพราะอะไรล่ะ”
“ก็นี่เป็นที่ของเขา”
หมวดคาร์เตอร์ยันตัวลุกขึ้นทันทีที่สิ้นประโยคของอีธาน เขาทำเป็นไม่สนใจคำพูดเมื่อครู่แล้วทำท่าว่าจะออกจากห้องไปอีกครั้ง
“เขาจะลงมืออีกในไม่ช้า คุณจะรอรับถุงดำ หรือจะหยุดเขาล่ะ”
เสียงประตุปิดสนิทเหลือไว้แต่ผม อีธาน และอีกคน นายตำรวจ แจ็ค โฮล์ดี้
“คุณจะบอกว่าฆาตกรมีสองคนหรือ” เป็นเสียงของนายตำรวจแจ็ค ที่ทำท่าสนใจมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
“มันก็ชัดเจนอยู่บนเหยื่อแล้ว”
“ผมก็คิดอย่างนั้น” แจ็คหันหน้ามาสบตาผม ผมเลิกคิ้วส่งกลับ แต่ไม่มีอารมณ์ที่จะปั้นยิ้มไปให้ แล้วเขาก็พูดต่อ “ว่าแต่... คุณออกไปทำอะไรดึกดื่นอย่างนั้น”
อีธานไม่ตอบอะไร เขาเงียบไปเฉยๆ เหมือนกับตอนที่หมวดคาร์เตอร์สอบสวนเมื่อครู่ เขาก็ไม่ยอมตอบอะไร เอาแต่นั่งเงียบจนหมวดคาร์เตอร์ถอดใจไปเอง นั่นสิ... ผมก็อยากรู้ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ชอบออกไปเดินเล่นตอนกลางคืนนัก แถมยังได้เจอแจ็คพ็อตถึงสองครั้ง
“เอาเถอะ คุณกลับบ้านได้แล้วล่ะ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมเราจะแจ้งไป” ผมและอีธานเตรียมลุกกลับบ้านตามที่แจ็คบอก
“ส่วนนายอยู่ก่อน ฉันมีเรื่องจะถาม” ผมเลิกคิ้วส่งกลับเขาไปอีกรอบ วันนี้ผมเหนื่อยเกินกว่าจะมาเล่นเกมกับเขาแล้วนะ รอจนกระทั่งอีธานเดินออกไป ผมนั่งลงให้นายตำรวจสอบสวนอย่างรู้หน้าที่
“มาร์ติน”
“แจ็ค” ผมทักกลับทันที “คุณเรียกผมว่าหลุยส์ก็ได้นะ”
“ขอเตือนนะ อย่าพยายามกวนประสาทฉันเหมือนคราวที่แล้วอีก”
“ครับ ไม่พยามยาม... กวนประสาท” มันอดไม่ได้จริงๆแฮะ แจ็คเขม่นใส่ผมหนึ่งทีก่อนจะเดินไปตั้งท่ากอดอกยืนพิงโต๊ะทำงานแล้วหันหน้าหาผมที่อยู่ตรงข้าม เราเล่นเกมจ้องตากันอยู่สักพัก
“นายพกมีดติดตัวอย่างที่ให้การอยู่เป็นประจำหรือ” ผมฟังนิ่ง ทบทวนคำพูดสักพัก แล้วตอบเขากลับไป
“ครับ”
“เพื่ออะไร”
“ไม่รู้สิครับ อาจจะเอาไว้ป้องกันตัว ก็พักนี้มีฆาตกรเดินเพ่นพ่านอยู่ตอนดึกๆ”
“มีดล่าเนื้อเนี่ยนะ”
ผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะอธิบาย “มีดล่าเนื้อ ใบตาย ทรงดรอปพ้อยท์ ขนาดเล็ก ของสะสมของผมน่ะ” ดูเหมือนว่านายตำรวจคนนี้ยังไม่หายเคลือบแคลงใจในตัวผม สีหน้าของเขาฟ้องอยู่ทนโท่ว่า ไม่ไว้ใจ ผมลุกขึ้นเข้าไปประชิดตัวเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบา แต่ชัดถ้อยชัดคำ
“แจ็ค... ใบมีดสองนิ้วครึ่งน่ะฆ่าคนให้ตายสนิทไม่ได้หรอกนะ ชำแหละก็ไม่ได้” เป็นไปตามคาด เขาตวัดสายตาขึ้นมามองผมทันที เราต่างคนต่างเงียบอยู่นาน ก่อนจะเป็นผมที่ทำลายความเงียบพร้อมส่งยิ้มมุมปากไปให้
“ถ้าคุณให้ผมดูบาดแผลของเหยื่อ ผมอาจจะบอกได้นะว่า ฆาตกรใช้มีดอะไร” เขาเอาแต่จ้องตาผม ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความสับสนครุ่นคิด