คงไม่ต้องสาธยายอะไรกันต่อไปอีกแล้วว่า ทำไมคนไทยรักชาติรักแผ่นดินจึงต้องออกมารวมพลัง
ตั้งมั่นระดับมืดฟ้ามัวดินเพื่อเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยให้ดีกว่าที่เป็นอยู่
“อารยา สาริกภูติ” นักธุรกิจชื่อดังจาก “บริษัทไทยธรรม จำกัด” เขียนเฟซบุ๊คของเธออย่าง
ท้าทายว่า “จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งปี 2556 มี 49.5 ล้านคนลบออกไป 15 ล้านเสียง เหลือ
เท่ากับ 34.5 ล้านเสียง...ช่วยกันทวงคืนประเทศไทยกันเถิดจะเกิดผล”
วันนี้บ้านเมืองพิกลพิการ กติกาถูกบิดเบือน จริยธรรมตกต่ำ สังคมสับสนอลหม่าน ไม่รู้อะไรดีอะไรชั่ว
ไม่กลัวผิดไม่เกรงบาป ไม่มีเด็กไม่มีผู้ใหญ่ มีแต่คนสมัครใจเป็น “ขี้ข้า” ของทักษิณคนเดียว ฤดู
โยกย้ายปีนี้ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์กระชับวงล้อแห่งอำนาจได้แน่นขึ้นเพราะคนหิวพร้อมสยบยอมคนชั่ว
ประเทศไทยในอุ้งมือสื่อ แต่สื่อไทยส่วนใหญ่เลือกไม่พูดถึงนายกรัฐมนตรีคนสวยที่ไม่ชอบอยู่บ้านอยู่ช่อง
ไม่ชอบทำการงานใดที่หนักหัว เธอชอบหนีประชุมสภาฯ หลบงานทำเนียบฯ แล้วเตร็ดเตร่ไปโน่นมา
นี่เปรอะไปหมด การเดินทางของเธอถูกติเตียนจากคนมีสติและปัญญาแต่พวกชื่นชมก็สอพลอว่าดีงาม
ตามสมัย
เฟซบุ๊คของ “ทยา ศรีวิกรม์ ทีปสุวรรณ” อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.เขียนถึงนายกรัฐมนตรีด้วยความ
เจ็บใจว่า “นายกฯเดินสาย (อีกแล้ว) นำคณะเดินทางไปทาจิสถาน-ปากีสถาน ในขณะที่มีการ
ประชุมร่วมรัฐสภาเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ สรุป 2 ปี นายกฯเดินทาง 45 ครั้ง 109 วัน ไป 43
ประเทศ ใช้งบไปหลายร้อยล้านบาท ปี 2557 ตั้งไว้อีก 55 ล้าน ไม่รวมงบเดินทางในกระทรวง
อื่นๆ ซึ่งการเป็นผู้นำประเทศและสส.ในสภาก็ควรจะสนใจการแก้ปัญหาในประเทศ และการผ่าน
กฎหมายในสภามากกว่าที่เป็นอยู่ หากจะเดินทางเยอะขนาดนี้จริง ก็ควรจะมีแผนงานและการ
ติดตามประเมินผลว่า ในแต่ละทริป ได้ประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างไร
ด้าน “ทักษิณ ชินวัตร” พี่ชายนายกรัฐมนตรีก็เดินทางใช่ย่อย หลังรัฐประหารเขาอยู่ไม่เป็นสุขและไม่เป็น
ที่เป็นทาง ด้วยเกรงอันตรายจากคนปองร้ายและรีดไถ อันว่าคนชั่วกลัวตายเป็นเหมือนกัน
ยิ่งมีคำยืนยันจากข่าวกรองของหลายประเทศว่า “คลิปแขกสั่งฆ่า” เป็นของจริง ทำให้วันนี้ทักษิณจำ
ต้องอพยพออกจากดูไบตามคำไล่ และไปฝังชีวิตที่ “เมืองบุดวา มอนเตเนโกร” ที่ที่เขามีพาสปอร์ต
–มีการลงทุนหลายร้อยล้านบาท และมีเพื่อนเป็นมาเฟียรัสเซีย!!! ที่จะคุ้มครองเขาได้จากภัยอัล-เคดา
ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าระหว่างทักษิณกับประธานสมศักดิ์ ใครจะ “โคตรเบื่อ” มากกว่ากัน
มารู้จัก “มอนเตเนโกร”...ประเทศใหม่นี้ มีเมืองหลวงชื่อพอดดอลิซ่า มีเมืองโบราณขึ้นชื่อว่า โกตอร์
และมีเมืองท่องเที่ยวงดงามไปสามโลกนาม “บุดวา” วันนี้ทักษิณอยู่ที่นี่แล้วที่บุดวา ในโรงแรม
เซนต์สเวติของเขา ห่างจากใจกลางบุดวา 15 นาที สิ่งที่เห็นในอินสตาแกรม ดูทุกข์ ไม่สุขเลย
“ตอนนี้อยู่ที่เมืองบุดวา (Budva) ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งที่ขึ้นชื่อของมอนเตเนโกร ในช่วงเวลาที่ผมยากลำบาก
ช่วงหนึ่งผมมาพำนักที่ประเทศมอนเตเนโกร หลังจากเจอมรสุมทางการเมือง ถึงที่แห่งนี้จะอบอุ่นและเต็ม
ไปด้วยความทรงจำ แต่ยังไงที่แห่งนี้ก็คงไม่อบอุ่นเท่าบ้านเราครับ” เขารำพึงอย่างนี้ในดินแดนสวยที่มีน้ำ
กับฟ้าและบอดี้การ์ดรัสเซียรายล้อม
“มอนเตเนโกร” อยู่ทางยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ แนบทะเลเอเดรียติค เป็นหนึ่งในประเทศน้องใหม่
ลำดับที่ 192 ของโลกที่เกิดจากการล่มสลายของสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย เมื่อ
ปี 2532 มีเมืองหลวงชื่อพอดดอลิซ่า เมืองท่าสวยงามชื่อ บุดวา ติดกับโครเอเชีย
ช่วงปี 2553 เว็บไซต์หนังสือพิมพ์รายวันวีเจสติ และหนังสือพิมพ์รายวันปรอฟเจดาของมอนเตเนโกร
ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ของนายสเตฟาน ฟูเล กรรมาธิการด้านการขยายสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู)
ที่กล่าวถึงมอนเตเนโกรซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการขอเข้าเป็นสมาชิกของอียู ว่า
“หลังจากที่ได้พบปะหารือกับนายกรัฐมนตรี มิโล ยูคาโนวิช ของมอนเตเนโกรแล้ว เขาพอใจกับความ
คืบหน้าของมอนเตเนโกร แต่เหนือสิ่งอื่นใดมอนเตเนโกรจะต้องปฏิรูปกฎหมาย เพื่อต่อสู้กับการ
คอร์รัปชั่นและบรรดาอาชญากรข้ามชาติ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่มอนเตเนโกรยังต้องปรับปรุง” โดยยก
กรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดในข้อหาทุจริตใน
ประเทศไทยและถูกรัฐบาลของอียูหลายชาติ เช่น อังกฤษและเยอรมนีสั่งห้ามเข้าประเทศ แต่กลับได้รับ
สถานะพลเมืองมอนเตเนโกร เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนถึงการไม่ต่อสู้กับการคอร์รัปชั่นและอาชญากรข้าม
ชาติอย่างจริงจัง
พรรคลิเบอรัล ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของมอนเตเนโกร ได้เรียกร้องให้รัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรี
มหาดไทยของมอนเตเนโกรตรวจสอบว่า อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ได้รับสถานะพลเมืองและ
หนังสือเดินทางของมอนเตเนโกรมาได้อย่างไร
แต่นายกรัฐมนตรียูคาโนวิช แสดงอาการโกรธเกรี้ยวโดยกล่าวว่า “ไม่ใช่คำถามที่ผมจะต้องตอบ
คำถามทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับมิสเตอร์ชินวัตรได้มีการตอบไปหมดแล้ว หากคุณถามคำถามที่
เกี่ยวข้องกับผม ผมถึงจะตอบ”
หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านมอนเตฯบอกว่า ยังมีหลายสิ่งที่ยังไม่ชัดเจนต่อสาธารณชน ซึ่งไม่พอใจอย่างมาก
กับแถลงการณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติของมอนเตเนโกรที่ยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณพำนักอยู่
ในมอนเตเนโกรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะมีสถานะเป็นพลเมืองของมอนเตเนโกร ขณะที่ยังมี
คนหลายพันคนที่อาศัยอยู่ที่นี่และถือว่าที่นี่เป็นบ้านเกิดของพวกเขา แต่กลับไม่ได้รับสถานะพลเมือง
เพราะอุปสรรคทางราชการ ทั้งที่บางคนได้อาศัยอยู่ที่นี่มาหลายสิบปีและไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศ
และ ย้ำว่า คำถามที่สำคัญที่สุดก็คือ ประมวลกฎหมายพลเมืองมาตราใดที่ทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีของ
ไทยได้รับสถานะพลเมืองของมอนเตเนโกร เพราะเป็นที่รู้กันว่า บุคคลที่ถูกตัดสินจำคุก 1 ปีขึ้นไป ไม่
สามารถที่จะได้รับสถานการณ์เป็นพลเมืองมอนเตรเนโกรได้ (จากมติชนออนไลน์ ปี 2553)
ทักษิณและมาเฟียหลายชาติหลายๆ คน อาศัยอยู่มอนเตเนโกรได้ เพราะรัฐบาลประกาศให้มี “สัญชาติ
(อันเกิดจากคุณูปการ) เศรษฐกิจ (economic citizenship) ให้กับผู้ที่ยื่นขอซึ่งมีการลงทุนในประเทศ
ไม่น้อยกว่า 500,000 ยูโร และมองเห็นว่า การเสนอสัญชาติในลักษณะนี้ จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ แต่
ก็ก่อให้เกิดปฏิกิริยาในสหภาพยุโรป เพราะประเทศเหล่านั้นยอมรับให้พลเมืองมอนเตเนโกรสามารถ
เดินทางเข้าออกได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า มาเฟียพวกนี้ก็สนุกเลย
หลังทักษิณถูกขับไล่จากประเทศไทยด้วยรัฐประหาร และถูกตัดสินจำคุกข้อหาคอร์รัปชั่น ทนายชาว
ต่างชาติพาทักษิณไปซื้อหมู่บ้านประมงเก่าแก่และปรับปรุงเป็นโรงแรมหรูมูลค่าหลายร้อยล้านบาท
บริหารงานโดยเครืออามันเพื่อให้ได้พาสปอร์ต ภาพล่าสุดของเขามาจากที่นี่!!!
ทักษิณมีฝันลมๆ แล้งๆ ถึงวันกลับบ้านจากกฎหมายล้างผิดคนโกง ระหว่างรอก็หาโครงการใหญ่ เงินกู้
เยอะๆ ทำเล่นเก็บกินบนหลังน้องสาว
ปรากฏว่า ฝ่ายค้าน และ 40 สว. จับมือกันขวางการออกกฎหมายช่วยคนโกงอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช
พวกเขาใช้วิธีอารยะขัดขืน Filibuster วิธีที่สหรัฐอเมริกานำมาใช้เมื่อต้องการไม่ให้เสียงข้างมากลากไป
โดยการยืดเยื้อ ยืดเวลาแห่งความเสียหาย ไม่ว่าจะด้วยการพูดหรืออ่านบทกวี อ่านวรรณกรรม หรือ
ร้องเพลง เป็นต้น
เฟซบุ๊คของ “อนิก อัมระนันทน์” เขียนถึงเรื่องนี้ว่า “ในวาระ ๒ ของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง ที่มาของ
สว. เป็นวันแห่งอารยะขัดขืน ทำนองเดียวกับที่สภาในสหรัฐอเมริกา เรียกว่า Filibuster-ฟิลิบัสเตอร์
ประธานรัฐสภาได้ใช้อำนาจเกินขอบเขตโดยจำกัดสิทธิสมาชิกในการทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนชาวไทย
ไม่ยอมให้เสียงส่วนน้อย 57 คน ที่ถูกมองว่าแปรญัตติขัดหลักการได้มีโอกาสอภิปรายเหตุผล ประกอบ
กับมีการระดมตำรวจ 1 กองร้อย -เข้าใจว่าเป็นหน่วยปราบจลาจล มาเตรียมพร้อมหน้าสภาโดยซุ่มรออยู่
ในเขาดินก่อนปรากฏตัวช่วงบ่าย รวมทั้งมีรถขนผู้ต้องหาด้วย เป็นการดูหมิ่นสถาบันรัฐสภา และเสมือน
เป็นการข่มขู่สมาชิกด้วย....Filibuster -ฟิลิบัสเตอร์ เป็นการอภิปรายเตะถ่วงของเสียงข้างน้อยเพื่อยืดเวลา
ขัดขวาง หรือกดดันเสียงข้างมากให้หันมาฟังเสียงข้างน้อยบ้าง ซึ่งการรับฟังทุกฝ่ายเป็นหัวใจของ
ประชาธิปไตย เป็นมาตรการถ่วงดุลปรากฏการณ์ “เสียงข้างมากลากไป” อาจไม่สำเร็จแต่อย่างน้อยก็ถือ
เป็นการปฏิบัติหน้าที่แบบสุดฤทธิ์สุดเดช ...ต้องยอมรับว่าบางอย่าง เช่น การตะโกนหรือโห่ อาจดูไม่น่า
ชื่นชม แต่อย่างน้อย...เสียงข้างน้อยในปัจจุบันก็ไม่ลุกขึ้นมาเผาบ้านเผาเมือง!”
อารยะขัดขืน ยืดเยื้อ หน่วงเหนี่ยว ดีกว่าตีรวน ป่วน ดมรองเท้า ด่าพ่อล่อแม่ โกหก ปลิ้นปล้อน หรือ
อวดตัวตนว่า สวยกว่า ใสกว่า เด็กกว่า อะไรเทือกๆ นั้น!!! ซึ่งทำให้รัฐสภาไม่ต่างจากเขียวไข่กา กับ
ฝูงคนไร้วุฒิภาวะขาดสติ ไม่มีปัญญา กลวง ไม่ใช้หัวคิด ไม่ใช้หัวใจ ดีแต่ใช้ “หัวเหน่ง” กับ “หัวเหน่า”
ลองอีหรอบนี้บ้านเมืองไม่เจริญ พูดแล้วเปรี้ยวใจไป “สวนลุม” ดีกว่า
http://www.naewna.com/politic/columnist/8255
แม้ว่าจะยังโค่นระบอบทักษิณ ไม่ได้ แต้ก็อยากรู้นะคะ ว่า เมืองไทย
หลังโค่นระบอบทักษิณ หน้าตาเป็นแบบไหน ? มีคุกไว้ขังนักโทษหรือเปล้า
แล้ว ปชช.จะมีสิทธฺ์เลือกตั้วฒ
มัดใจรวมกันเป็นหนึ่งเดียว...โค่นระบอบทักษิณ ....... ข่าวสดออนไลน์
ตั้งมั่นระดับมืดฟ้ามัวดินเพื่อเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยให้ดีกว่าที่เป็นอยู่
“อารยา สาริกภูติ” นักธุรกิจชื่อดังจาก “บริษัทไทยธรรม จำกัด” เขียนเฟซบุ๊คของเธออย่าง
ท้าทายว่า “จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งปี 2556 มี 49.5 ล้านคนลบออกไป 15 ล้านเสียง เหลือ
เท่ากับ 34.5 ล้านเสียง...ช่วยกันทวงคืนประเทศไทยกันเถิดจะเกิดผล”
วันนี้บ้านเมืองพิกลพิการ กติกาถูกบิดเบือน จริยธรรมตกต่ำ สังคมสับสนอลหม่าน ไม่รู้อะไรดีอะไรชั่ว
ไม่กลัวผิดไม่เกรงบาป ไม่มีเด็กไม่มีผู้ใหญ่ มีแต่คนสมัครใจเป็น “ขี้ข้า” ของทักษิณคนเดียว ฤดู
โยกย้ายปีนี้ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์กระชับวงล้อแห่งอำนาจได้แน่นขึ้นเพราะคนหิวพร้อมสยบยอมคนชั่ว
ประเทศไทยในอุ้งมือสื่อ แต่สื่อไทยส่วนใหญ่เลือกไม่พูดถึงนายกรัฐมนตรีคนสวยที่ไม่ชอบอยู่บ้านอยู่ช่อง
ไม่ชอบทำการงานใดที่หนักหัว เธอชอบหนีประชุมสภาฯ หลบงานทำเนียบฯ แล้วเตร็ดเตร่ไปโน่นมา
นี่เปรอะไปหมด การเดินทางของเธอถูกติเตียนจากคนมีสติและปัญญาแต่พวกชื่นชมก็สอพลอว่าดีงาม
ตามสมัย
เฟซบุ๊คของ “ทยา ศรีวิกรม์ ทีปสุวรรณ” อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.เขียนถึงนายกรัฐมนตรีด้วยความ
เจ็บใจว่า “นายกฯเดินสาย (อีกแล้ว) นำคณะเดินทางไปทาจิสถาน-ปากีสถาน ในขณะที่มีการ
ประชุมร่วมรัฐสภาเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ สรุป 2 ปี นายกฯเดินทาง 45 ครั้ง 109 วัน ไป 43
ประเทศ ใช้งบไปหลายร้อยล้านบาท ปี 2557 ตั้งไว้อีก 55 ล้าน ไม่รวมงบเดินทางในกระทรวง
อื่นๆ ซึ่งการเป็นผู้นำประเทศและสส.ในสภาก็ควรจะสนใจการแก้ปัญหาในประเทศ และการผ่าน
กฎหมายในสภามากกว่าที่เป็นอยู่ หากจะเดินทางเยอะขนาดนี้จริง ก็ควรจะมีแผนงานและการ
ติดตามประเมินผลว่า ในแต่ละทริป ได้ประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างไร
ด้าน “ทักษิณ ชินวัตร” พี่ชายนายกรัฐมนตรีก็เดินทางใช่ย่อย หลังรัฐประหารเขาอยู่ไม่เป็นสุขและไม่เป็น
ที่เป็นทาง ด้วยเกรงอันตรายจากคนปองร้ายและรีดไถ อันว่าคนชั่วกลัวตายเป็นเหมือนกัน
ยิ่งมีคำยืนยันจากข่าวกรองของหลายประเทศว่า “คลิปแขกสั่งฆ่า” เป็นของจริง ทำให้วันนี้ทักษิณจำ
ต้องอพยพออกจากดูไบตามคำไล่ และไปฝังชีวิตที่ “เมืองบุดวา มอนเตเนโกร” ที่ที่เขามีพาสปอร์ต
–มีการลงทุนหลายร้อยล้านบาท และมีเพื่อนเป็นมาเฟียรัสเซีย!!! ที่จะคุ้มครองเขาได้จากภัยอัล-เคดา
ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าระหว่างทักษิณกับประธานสมศักดิ์ ใครจะ “โคตรเบื่อ” มากกว่ากัน
มารู้จัก “มอนเตเนโกร”...ประเทศใหม่นี้ มีเมืองหลวงชื่อพอดดอลิซ่า มีเมืองโบราณขึ้นชื่อว่า โกตอร์
และมีเมืองท่องเที่ยวงดงามไปสามโลกนาม “บุดวา” วันนี้ทักษิณอยู่ที่นี่แล้วที่บุดวา ในโรงแรม
เซนต์สเวติของเขา ห่างจากใจกลางบุดวา 15 นาที สิ่งที่เห็นในอินสตาแกรม ดูทุกข์ ไม่สุขเลย
“ตอนนี้อยู่ที่เมืองบุดวา (Budva) ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งที่ขึ้นชื่อของมอนเตเนโกร ในช่วงเวลาที่ผมยากลำบาก
ช่วงหนึ่งผมมาพำนักที่ประเทศมอนเตเนโกร หลังจากเจอมรสุมทางการเมือง ถึงที่แห่งนี้จะอบอุ่นและเต็ม
ไปด้วยความทรงจำ แต่ยังไงที่แห่งนี้ก็คงไม่อบอุ่นเท่าบ้านเราครับ” เขารำพึงอย่างนี้ในดินแดนสวยที่มีน้ำ
กับฟ้าและบอดี้การ์ดรัสเซียรายล้อม
“มอนเตเนโกร” อยู่ทางยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ แนบทะเลเอเดรียติค เป็นหนึ่งในประเทศน้องใหม่
ลำดับที่ 192 ของโลกที่เกิดจากการล่มสลายของสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย เมื่อ
ปี 2532 มีเมืองหลวงชื่อพอดดอลิซ่า เมืองท่าสวยงามชื่อ บุดวา ติดกับโครเอเชีย
ช่วงปี 2553 เว็บไซต์หนังสือพิมพ์รายวันวีเจสติ และหนังสือพิมพ์รายวันปรอฟเจดาของมอนเตเนโกร
ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ของนายสเตฟาน ฟูเล กรรมาธิการด้านการขยายสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู)
ที่กล่าวถึงมอนเตเนโกรซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการขอเข้าเป็นสมาชิกของอียู ว่า
“หลังจากที่ได้พบปะหารือกับนายกรัฐมนตรี มิโล ยูคาโนวิช ของมอนเตเนโกรแล้ว เขาพอใจกับความ
คืบหน้าของมอนเตเนโกร แต่เหนือสิ่งอื่นใดมอนเตเนโกรจะต้องปฏิรูปกฎหมาย เพื่อต่อสู้กับการ
คอร์รัปชั่นและบรรดาอาชญากรข้ามชาติ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่มอนเตเนโกรยังต้องปรับปรุง” โดยยก
กรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดในข้อหาทุจริตใน
ประเทศไทยและถูกรัฐบาลของอียูหลายชาติ เช่น อังกฤษและเยอรมนีสั่งห้ามเข้าประเทศ แต่กลับได้รับ
สถานะพลเมืองมอนเตเนโกร เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนถึงการไม่ต่อสู้กับการคอร์รัปชั่นและอาชญากรข้าม
ชาติอย่างจริงจัง
พรรคลิเบอรัล ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของมอนเตเนโกร ได้เรียกร้องให้รัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรี
มหาดไทยของมอนเตเนโกรตรวจสอบว่า อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ได้รับสถานะพลเมืองและ
หนังสือเดินทางของมอนเตเนโกรมาได้อย่างไร
แต่นายกรัฐมนตรียูคาโนวิช แสดงอาการโกรธเกรี้ยวโดยกล่าวว่า “ไม่ใช่คำถามที่ผมจะต้องตอบ
คำถามทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับมิสเตอร์ชินวัตรได้มีการตอบไปหมดแล้ว หากคุณถามคำถามที่
เกี่ยวข้องกับผม ผมถึงจะตอบ”
หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านมอนเตฯบอกว่า ยังมีหลายสิ่งที่ยังไม่ชัดเจนต่อสาธารณชน ซึ่งไม่พอใจอย่างมาก
กับแถลงการณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติของมอนเตเนโกรที่ยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณพำนักอยู่
ในมอนเตเนโกรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะมีสถานะเป็นพลเมืองของมอนเตเนโกร ขณะที่ยังมี
คนหลายพันคนที่อาศัยอยู่ที่นี่และถือว่าที่นี่เป็นบ้านเกิดของพวกเขา แต่กลับไม่ได้รับสถานะพลเมือง
เพราะอุปสรรคทางราชการ ทั้งที่บางคนได้อาศัยอยู่ที่นี่มาหลายสิบปีและไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศ
และ ย้ำว่า คำถามที่สำคัญที่สุดก็คือ ประมวลกฎหมายพลเมืองมาตราใดที่ทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีของ
ไทยได้รับสถานะพลเมืองของมอนเตเนโกร เพราะเป็นที่รู้กันว่า บุคคลที่ถูกตัดสินจำคุก 1 ปีขึ้นไป ไม่
สามารถที่จะได้รับสถานการณ์เป็นพลเมืองมอนเตรเนโกรได้ (จากมติชนออนไลน์ ปี 2553)
ทักษิณและมาเฟียหลายชาติหลายๆ คน อาศัยอยู่มอนเตเนโกรได้ เพราะรัฐบาลประกาศให้มี “สัญชาติ
(อันเกิดจากคุณูปการ) เศรษฐกิจ (economic citizenship) ให้กับผู้ที่ยื่นขอซึ่งมีการลงทุนในประเทศ
ไม่น้อยกว่า 500,000 ยูโร และมองเห็นว่า การเสนอสัญชาติในลักษณะนี้ จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ แต่
ก็ก่อให้เกิดปฏิกิริยาในสหภาพยุโรป เพราะประเทศเหล่านั้นยอมรับให้พลเมืองมอนเตเนโกรสามารถ
เดินทางเข้าออกได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า มาเฟียพวกนี้ก็สนุกเลย
หลังทักษิณถูกขับไล่จากประเทศไทยด้วยรัฐประหาร และถูกตัดสินจำคุกข้อหาคอร์รัปชั่น ทนายชาว
ต่างชาติพาทักษิณไปซื้อหมู่บ้านประมงเก่าแก่และปรับปรุงเป็นโรงแรมหรูมูลค่าหลายร้อยล้านบาท
บริหารงานโดยเครืออามันเพื่อให้ได้พาสปอร์ต ภาพล่าสุดของเขามาจากที่นี่!!!
ทักษิณมีฝันลมๆ แล้งๆ ถึงวันกลับบ้านจากกฎหมายล้างผิดคนโกง ระหว่างรอก็หาโครงการใหญ่ เงินกู้
เยอะๆ ทำเล่นเก็บกินบนหลังน้องสาว
ปรากฏว่า ฝ่ายค้าน และ 40 สว. จับมือกันขวางการออกกฎหมายช่วยคนโกงอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช
พวกเขาใช้วิธีอารยะขัดขืน Filibuster วิธีที่สหรัฐอเมริกานำมาใช้เมื่อต้องการไม่ให้เสียงข้างมากลากไป
โดยการยืดเยื้อ ยืดเวลาแห่งความเสียหาย ไม่ว่าจะด้วยการพูดหรืออ่านบทกวี อ่านวรรณกรรม หรือ
ร้องเพลง เป็นต้น
เฟซบุ๊คของ “อนิก อัมระนันทน์” เขียนถึงเรื่องนี้ว่า “ในวาระ ๒ ของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง ที่มาของ
สว. เป็นวันแห่งอารยะขัดขืน ทำนองเดียวกับที่สภาในสหรัฐอเมริกา เรียกว่า Filibuster-ฟิลิบัสเตอร์
ประธานรัฐสภาได้ใช้อำนาจเกินขอบเขตโดยจำกัดสิทธิสมาชิกในการทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนชาวไทย
ไม่ยอมให้เสียงส่วนน้อย 57 คน ที่ถูกมองว่าแปรญัตติขัดหลักการได้มีโอกาสอภิปรายเหตุผล ประกอบ
กับมีการระดมตำรวจ 1 กองร้อย -เข้าใจว่าเป็นหน่วยปราบจลาจล มาเตรียมพร้อมหน้าสภาโดยซุ่มรออยู่
ในเขาดินก่อนปรากฏตัวช่วงบ่าย รวมทั้งมีรถขนผู้ต้องหาด้วย เป็นการดูหมิ่นสถาบันรัฐสภา และเสมือน
เป็นการข่มขู่สมาชิกด้วย....Filibuster -ฟิลิบัสเตอร์ เป็นการอภิปรายเตะถ่วงของเสียงข้างน้อยเพื่อยืดเวลา
ขัดขวาง หรือกดดันเสียงข้างมากให้หันมาฟังเสียงข้างน้อยบ้าง ซึ่งการรับฟังทุกฝ่ายเป็นหัวใจของ
ประชาธิปไตย เป็นมาตรการถ่วงดุลปรากฏการณ์ “เสียงข้างมากลากไป” อาจไม่สำเร็จแต่อย่างน้อยก็ถือ
เป็นการปฏิบัติหน้าที่แบบสุดฤทธิ์สุดเดช ...ต้องยอมรับว่าบางอย่าง เช่น การตะโกนหรือโห่ อาจดูไม่น่า
ชื่นชม แต่อย่างน้อย...เสียงข้างน้อยในปัจจุบันก็ไม่ลุกขึ้นมาเผาบ้านเผาเมือง!”
อารยะขัดขืน ยืดเยื้อ หน่วงเหนี่ยว ดีกว่าตีรวน ป่วน ดมรองเท้า ด่าพ่อล่อแม่ โกหก ปลิ้นปล้อน หรือ
อวดตัวตนว่า สวยกว่า ใสกว่า เด็กกว่า อะไรเทือกๆ นั้น!!! ซึ่งทำให้รัฐสภาไม่ต่างจากเขียวไข่กา กับ
ฝูงคนไร้วุฒิภาวะขาดสติ ไม่มีปัญญา กลวง ไม่ใช้หัวคิด ไม่ใช้หัวใจ ดีแต่ใช้ “หัวเหน่ง” กับ “หัวเหน่า”
ลองอีหรอบนี้บ้านเมืองไม่เจริญ พูดแล้วเปรี้ยวใจไป “สวนลุม” ดีกว่า
http://www.naewna.com/politic/columnist/8255
แม้ว่าจะยังโค่นระบอบทักษิณ ไม่ได้ แต้ก็อยากรู้นะคะ ว่า เมืองไทย
หลังโค่นระบอบทักษิณ หน้าตาเป็นแบบไหน ? มีคุกไว้ขังนักโทษหรือเปล้า
แล้ว ปชช.จะมีสิทธฺ์เลือกตั้วฒ