หลายคนกังวลอินเดียว่ามีการขาดดุลการค้า แต่ถ้าพิจารณาภาระหนี้ต่างประเทศ พบว่า อินเดียมีหนี้ต่างประเทศแค่ 20% ของ GDP อินโดมีหนี้แค่ 28% ของ GDP และไทยมีหนี้แค่ 26% ของ GDP ซึ่งดีกว่าหลายประเทศในโลก อย่างสหรัฐฯ ที่คนบอกว่าดีนักดีหนา แต่หนี้ต่างประเทศสูงถึง 106% อังกฤษ 390% เยรมัน 142% (
http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_external_debt)
และหนี้ภาครัฐของอินเดียอยู่ที่ 66% ของ GDP อินโดอยู่ที่ 23% ของ GDP และไทยอยู่ที่ 46% ของ GDP สรหัฐมีหนี้ภาครัฐ 87% อังกฤษ 82% อิตาลี 103% สเปน 72% (
http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_public_debt)
เลยไม่เข้าใจนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนเราว่า วิเคราะห์ตามภาวะตลาดว่าขึ้นลง และค่อยบอกว่าดีหรือไม่ดี หรือมีการดูพื้นฐานกันจริงๆ เพราะวันนี้ ฟังใครก็บอกสหรัฐฯ บางคนให้เล่นยุโรป ดูอย่างไรประเทศพวกนี้ดีเพราะพิมพ์เงิน แต่เอเชีย มีความแข็งแกร่งมากกว่า ถ้ามีเงินทุนไหลออก ธนาคารกลางก็ควรโยกเงินที่เคยลงทุนสหรัฐฯ ยุโรป รวมถึงคืนการดูดซับสภาพคลองส่วนเกินกลับสู่ระบบได้ แต่ในสหรัฐฯและยุโรป ถ้าหยุด QE ธนาคารสหรัฐฯ มีสภาพคล่องส่วนเกินภาคธนาคาร 1.8 ล้านล้านแต่ออก QE รวมกว่า 2.4 ล้านล้าน ซึ่งซักวันถ้าไม่ real monetization คือ หักกลบหนี้เหมือนสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐฯ ต้องหาเงินมาชดเชยอีกเป็นหลายแสนล้าน ยุโรปยิ่งแย่มีสภาพคล่องส่วนเกินแค่ 200 แสนล้านยูโร อย่างไทยเรายังมีสภาพคล่องส่วนเกิน 1.5 ล้านล้านบาท และ ธปทดูดสภาพคล่องไว้อีก 3-4 ล้านล้าน ถ้ามีการถอนเงินจากต่างชาติ ธปทจะเข้ามาดูแลสภาพคล่องไม่ให้ปริมาณลดลงตามหลัก money sterilization ดูแล้วไทย และเอเชียแข็งแกร่งกว่าสหรัฐฯ มาก เลยงงกับพวกนักวิเคราะห์ว่ารู้จริงหรือไม่ เชียร์กันไปติดกับดักสหรัฐฯ กันหมด
ความกังวลในอินเดียและอินโดนีเซีย ลามถึงไทย ไม่สะท้อนความแข็งแกร่งจริงๆ ของเอเชีย
และหนี้ภาครัฐของอินเดียอยู่ที่ 66% ของ GDP อินโดอยู่ที่ 23% ของ GDP และไทยอยู่ที่ 46% ของ GDP สรหัฐมีหนี้ภาครัฐ 87% อังกฤษ 82% อิตาลี 103% สเปน 72% (http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_public_debt)
เลยไม่เข้าใจนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนเราว่า วิเคราะห์ตามภาวะตลาดว่าขึ้นลง และค่อยบอกว่าดีหรือไม่ดี หรือมีการดูพื้นฐานกันจริงๆ เพราะวันนี้ ฟังใครก็บอกสหรัฐฯ บางคนให้เล่นยุโรป ดูอย่างไรประเทศพวกนี้ดีเพราะพิมพ์เงิน แต่เอเชีย มีความแข็งแกร่งมากกว่า ถ้ามีเงินทุนไหลออก ธนาคารกลางก็ควรโยกเงินที่เคยลงทุนสหรัฐฯ ยุโรป รวมถึงคืนการดูดซับสภาพคลองส่วนเกินกลับสู่ระบบได้ แต่ในสหรัฐฯและยุโรป ถ้าหยุด QE ธนาคารสหรัฐฯ มีสภาพคล่องส่วนเกินภาคธนาคาร 1.8 ล้านล้านแต่ออก QE รวมกว่า 2.4 ล้านล้าน ซึ่งซักวันถ้าไม่ real monetization คือ หักกลบหนี้เหมือนสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐฯ ต้องหาเงินมาชดเชยอีกเป็นหลายแสนล้าน ยุโรปยิ่งแย่มีสภาพคล่องส่วนเกินแค่ 200 แสนล้านยูโร อย่างไทยเรายังมีสภาพคล่องส่วนเกิน 1.5 ล้านล้านบาท และ ธปทดูดสภาพคล่องไว้อีก 3-4 ล้านล้าน ถ้ามีการถอนเงินจากต่างชาติ ธปทจะเข้ามาดูแลสภาพคล่องไม่ให้ปริมาณลดลงตามหลัก money sterilization ดูแล้วไทย และเอเชียแข็งแกร่งกว่าสหรัฐฯ มาก เลยงงกับพวกนักวิเคราะห์ว่ารู้จริงหรือไม่ เชียร์กันไปติดกับดักสหรัฐฯ กันหมด