คนที่ไม่เคย เจอวิกฤติ มาก่อน อาจจะนึกภาพไม่ออกเหมือนกัน
บางคน อาจจะคิดว่า มันลงไปเด๋วก็เด้งขึ้น
บางคน ก็คิดว่า มันอาจจะล่มสลาย ไปเลย
ส่วนคนที่ผ่านวิกฤติ มาบ้างแล้ว ก้คงเริ่มวิเคราะห์ ความรุนแรงของมัน ว่าจะลงไปถึงไหน จะ Cut ดีมั้ย หรือ Cut ไปแล้ว จะเข้ามารับใหม่ หรือ ยัง
มันจะลงไป แบบ จาก 1600 ผ่านตรง 1300 กว่าๆ นี่ ลงไป 500-600 เหมือน ซัพไพรม์ หรือ 200-300 เหมือนต้มยำกุ้งเลยหรือไม่
เอาจริงๆคงไม่มีใครรู้ ก็คงได้แต่คิดกันไป
สำหรับผมเอง ยังมองว่า โดยรวม พื้นฐานบริษัท ทั่วไปเรา ตอนนี้ ยังไม่มีไรเปลี่ยนแปลง หลายบริษัท ยังทำกำไรกันได้ เป็นปกติ PE ที่เคยสูงไปมากหน่อยในบางกลุ่ม จากการไล่ซื้อช่วงตลาดขึ้นมารอบก่อน ก็ปรับลงมาบ้าง แล้วพอสมควร ในขณะที่ผลประกอบการ ไม่ได้เลวร้ายลงไป ทิศทางส่วนใหญ่ยังดี
แต่การปรับ ตัว รอบนี้ ดูเหมือนเป็นการ ย้ายฐานการลงทุน หรือ ดึงเงินลงทุนออก ไปบางส่วน จากการที่คาดกันว่า เศรษฐกิจ ของอเมริกา เริ่มจะดีขึ้น ทำให้ คิดว่า จะมีการลด หรือ ยกเลิก QE ทำให้เกิดแรงขาย ทั้งจากต่างชาติ กองทุน และ รายย่อย ตามๆกันออกมากดตลาดลง
เมื่อมองจากมุมนี้ โดยส่วนตัวผมเอง เลย ออกจะรู้สึก ว่า ตลาด ไม่น่าจะลงไปได้อีกมากนัก ก็น่าจะฟื้นตัวได้ ไม่น่าจะถล่มทลายลงไป ได้(แต่อาจจะซึมยาว หรือเด้งไว อันนี้ ไม่รู้แฮะ)
เพราะว่า การลงคราวนี้ ต่างกับ ทุกๆ ครั้ง
ทุกๆ ครั้งที่ตลาดลง และล่มสลาย มันคือการเกิดวิกฤติ ทางเศรษฐกิจ หรือ การถดถอย ทำให้ ตลาดตกลง ต้องหามาตรการมาแก้ไข
แต่รอบนี้ กลายเป็นว่า เศรษฐกิจผู้นำหลัก อย่างสหรัฐ กำลังจะฟื้นตัว เลย ลดมาตราการเยียวยา( QE ) ลง ดังนั้น ถ้าไม่มาองเฉพาะเรื่องการถอนเงินย้ายเงินจากตลาดทุน เศรษฐกิจรวมมันกำลังเติบโต ต่อไปได้ ดังนั้น ตลาดไม่น่าจะล่มสลาย หรือ ลงรุนแรงมากไปกว่านี้นัก[/b]
และอีกอย่าง แม้ จะมีการถอนเงินลงทุนไปจากบ้านเราบ้าน ถ้าผลประกอบการ ยังดี ตอนนี้ กองทุน และเงินทุนในบ้านเรามีจำนวนสูงมากพอ ที่จะเข้ามารับ และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ตรงนี้ แทน เงินต่างชาติได้เช่นกัน
และ ถ้ามองให้บวกไปกว่านั้น การเทขายรอบนี้ ของต่างชาติ อาจจะไม่ได้ ต้องการย้ายเงินออกจริงอาจจะแค่ ทุบ แล้วค่อยรับกลับคืน เป็นการทำกำไร รอบนี้ เฉยๆ ก็ได้อีกเช่นกัน
แต่ทั้งนี้ ทังนั้น ก็คงไม่ประมาท กัน
ใครมีไอเดีย อะไร แชร์กันได้ ครับ คงไม่มีใครรู้แน่ ว่าใครถูกใครผิด แต่ แชร์คิดกัน ให้ มุมมองกว้างๆขึ้น แล้ว ตัดสินใจด้วยตัวเองกันอีกที
=== หุ้นลง แรงๆ รอบนี้ เพื่อน กลัวกัน แค่ไหน ===
บางคน อาจจะคิดว่า มันลงไปเด๋วก็เด้งขึ้น
บางคน ก็คิดว่า มันอาจจะล่มสลาย ไปเลย
ส่วนคนที่ผ่านวิกฤติ มาบ้างแล้ว ก้คงเริ่มวิเคราะห์ ความรุนแรงของมัน ว่าจะลงไปถึงไหน จะ Cut ดีมั้ย หรือ Cut ไปแล้ว จะเข้ามารับใหม่ หรือ ยัง
มันจะลงไป แบบ จาก 1600 ผ่านตรง 1300 กว่าๆ นี่ ลงไป 500-600 เหมือน ซัพไพรม์ หรือ 200-300 เหมือนต้มยำกุ้งเลยหรือไม่
เอาจริงๆคงไม่มีใครรู้ ก็คงได้แต่คิดกันไป
สำหรับผมเอง ยังมองว่า โดยรวม พื้นฐานบริษัท ทั่วไปเรา ตอนนี้ ยังไม่มีไรเปลี่ยนแปลง หลายบริษัท ยังทำกำไรกันได้ เป็นปกติ PE ที่เคยสูงไปมากหน่อยในบางกลุ่ม จากการไล่ซื้อช่วงตลาดขึ้นมารอบก่อน ก็ปรับลงมาบ้าง แล้วพอสมควร ในขณะที่ผลประกอบการ ไม่ได้เลวร้ายลงไป ทิศทางส่วนใหญ่ยังดี
แต่การปรับ ตัว รอบนี้ ดูเหมือนเป็นการ ย้ายฐานการลงทุน หรือ ดึงเงินลงทุนออก ไปบางส่วน จากการที่คาดกันว่า เศรษฐกิจ ของอเมริกา เริ่มจะดีขึ้น ทำให้ คิดว่า จะมีการลด หรือ ยกเลิก QE ทำให้เกิดแรงขาย ทั้งจากต่างชาติ กองทุน และ รายย่อย ตามๆกันออกมากดตลาดลง
เมื่อมองจากมุมนี้ โดยส่วนตัวผมเอง เลย ออกจะรู้สึก ว่า ตลาด ไม่น่าจะลงไปได้อีกมากนัก ก็น่าจะฟื้นตัวได้ ไม่น่าจะถล่มทลายลงไป ได้(แต่อาจจะซึมยาว หรือเด้งไว อันนี้ ไม่รู้แฮะ)
เพราะว่า การลงคราวนี้ ต่างกับ ทุกๆ ครั้ง
ทุกๆ ครั้งที่ตลาดลง และล่มสลาย มันคือการเกิดวิกฤติ ทางเศรษฐกิจ หรือ การถดถอย ทำให้ ตลาดตกลง ต้องหามาตรการมาแก้ไข
แต่รอบนี้ กลายเป็นว่า เศรษฐกิจผู้นำหลัก อย่างสหรัฐ กำลังจะฟื้นตัว เลย ลดมาตราการเยียวยา( QE ) ลง ดังนั้น ถ้าไม่มาองเฉพาะเรื่องการถอนเงินย้ายเงินจากตลาดทุน เศรษฐกิจรวมมันกำลังเติบโต ต่อไปได้ ดังนั้น ตลาดไม่น่าจะล่มสลาย หรือ ลงรุนแรงมากไปกว่านี้นัก[/b]
และอีกอย่าง แม้ จะมีการถอนเงินลงทุนไปจากบ้านเราบ้าน ถ้าผลประกอบการ ยังดี ตอนนี้ กองทุน และเงินทุนในบ้านเรามีจำนวนสูงมากพอ ที่จะเข้ามารับ และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ตรงนี้ แทน เงินต่างชาติได้เช่นกัน
และ ถ้ามองให้บวกไปกว่านั้น การเทขายรอบนี้ ของต่างชาติ อาจจะไม่ได้ ต้องการย้ายเงินออกจริงอาจจะแค่ ทุบ แล้วค่อยรับกลับคืน เป็นการทำกำไร รอบนี้ เฉยๆ ก็ได้อีกเช่นกัน
แต่ทั้งนี้ ทังนั้น ก็คงไม่ประมาท กัน
ใครมีไอเดีย อะไร แชร์กันได้ ครับ คงไม่มีใครรู้แน่ ว่าใครถูกใครผิด แต่ แชร์คิดกัน ให้ มุมมองกว้างๆขึ้น แล้ว ตัดสินใจด้วยตัวเองกันอีกที