ถนนเลี่ยงเมือง ฝันเป็นจริง หรือฝันค้างของคนหาดใหญ่

กระทู้สนทนา

ถนนเลี่ยงเมือง ฝันเป็นจริง หรือฝันค้างของคนหาดใหญ่

จากสภาพการจราจรในเมืองหาดใหญ่ ลามไปถึงเขตเทศบาลเมืองคอหงส์  ปัจจุบันเป็นปัญหาที่สร้างความหนักใจเป็นอย่างมาก ถึงขนาดครั้งนึง  นายกเทศมนตรี  นายไพร  พัฒโน  ถึงกับประกาศนโยบายรถรางโมโนเรล ให้รู้แล้วรู้รอดไป  ซึ่งทางทีมงานที่ดินหาดใหญ่ ก็เอาใจช่วยให้เกิดนะครับ  แต่ก็ไม่รู้ว่า ทางท่านนายกไพร จะคลอดรถรางโมโนเรลก่อน หรือ จะจอดเพราะใบแดง  กกต. ก่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก็ต้องดูกันต่อไป    เอาใจช่วยครับ

เพราะการที่ความเจริญเติบโตของเมืองถูกบีบให้มีความจำกัดในเฉพาะส่วนพื้นที่ชั้นในเท่านั้น  เนื่องจากฝั่งตะวันออกของเมืองหาดใหญ่ ตั้งแต่แยกประตู 108  ไล่ไปจนถึง ศูนย์วิจัยการยาง  ถัดไปเป็นค่ายคอหงส์  เรื่อยไปจนถึงสวนสาธารณะ   โซนดังกล่าว หรือด้านขวาของถนนกาญจนวนิช   เส้นหาดใหญ่ – สงขลา สายเก่า  พื้นที่ที่กล่าวมาไม่สามารถที่จะพัฒนาในเชิงพาณิชย์ให้เกิดเป็นเมืองใหม่ได้อย่างแน่นอน  ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้กินบริเวณค่อนข้างกว้าง ถึงกว้างมากๆ ของใจกลางอำเภอหาดใหญ่  เปรียบเสมือนเป็นป้อมปราการ บีบให้ความเจริญทางธุรกิจไหลไปในทางเดียวกัน คือ ฝั่งเทศบาลนครหาดใหญ่  ถึงแม้ว่าช่วงหลังมาภาครัฐจะพยายามบายพาสรถที่มีปริมาณมาก เข้าสู่ถนนสายตัดใหม่ (ซอยนวลแก้ว) แล้วนั้น

แต่นั่น เป็นการตอกย้ำให้ถนนทุกสายป้อนความเจริญมุ่งเข้าสู่ตัวเมืองเทศบาลนครหาดใหญ่เข้าไปอีก  มันทำให้สภาพปัจจุบันของเทศบาลนครหาดใหญ่มีความแออัดเป็นอย่างมาก  อาคารเริ่มบีบขึ้นแนวดิ่ง (ถ้าไม่เกี่ยวกับสุญญากาศของผังเมืองฉบับใหม่)  ลองคิดดูครับ  หากอาคารขึ้นแนวดิ่งมากเท่าไหร่ ปริมาณการจราจรก็ยิ่งมากขึ้นหลายเท่าตัว  คิดดูสิครับ  พื้นที่แค่ 2 ไร่  สร้างคอนโดฯ เป็นสิบๆชั้น  มีประชากรอาศัยอยู่หลายร้อยคน  แล้วรถที่มีจะกี่คัน  ถนนจะพอไม๊  บทเรียนจาก กทม. ที่รถมีมากกว่าถนนเป็นการตอกย้ำเรื่องการจราจรอย่างชัดเจนที่สุด  

ท่านผู้อ่านลองคิดดูเล่นๆนะครับว่าหากคอนโดฯที่สร้างกันอยู่  19 โครงการ  บวกกับ อีก 4-5 โครงการที่จะตามมา  หากแล้วเสร็จปริมาณรถยนต์จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่  แค่คิดถึงสภาพการจราจรที่ติดขัดก็ปวดกะบาลแล้วครับพี่น้อง   หันมามองทางถนนศรีภูวนารถ ไปจนถึงอุโมงค์ลอดรางรถไฟ เรื่อยไปถึงแยกท่าเคียน  ที่ในปี 55 พี่น้องชาวหาดใหญ่ดีใจจนเนื้อเต้น เพราะมีการอนุมัติเร่งรัดให้มีการเวนคืน และจ่ายเงินกันเป็นอันแล้วเสร็จ  ออกอาการว่าจะสร้างถนนตัดผ่านเพื่อระบายรถออกไปทางถนนแยกสนามบิน  เลยมีคนแห่กันไปซื้อที่บริเวณดังกล่าวโดยไม่ทราบข้อเท็จจริงแม้แต่น้อยว่า  ปัจจุบัน ถนนท่าเคียน ถึงแยกสนามบินว่าเป็นอย่างไร  ขอบอกได้คำเดียวครับว่า เรียบร้อยครับ    เวนคืนเรียบร้อย   ทุบบ้านเรียบร้อย       แม้แต่สำนักสงฆ์ (ธรรมสากล) ก็ทุบกุฏิ ย้ายอาคารหลบเรียบร้อย  ผลปรากฏว่าเรียบทั้งร้อยจริงๆครับ   สำหรับคนที่ซื้อไว้   ถามว่างบประมาณที่จะสร้างถนนดังกล่าวมีจริงไม๊   มีจริงครับ   แต่ ! มีนักการเมืองหวังดีช่วยโยกงบฯไปใช้ที่อื่นก่อน เท่านั้นเองครับ  พวกเราพี่น้องชาวหาดใหญ่แห้วอีกตามเคย   ส่วนจะเป็นนักการเมืองคนไหน อยากรู้หลังไมค์นะครับ  บอกใบ้นิดเดียวว่า นักการเมืองบ้านเราเองแหละครับไม่ใช่คนไกล

เพราะฉะนั้น  หลายคนที่ฝันจะเห็นถนนจากแยกท่าเคียน – แยกสนามบินใน ภายในปี 56 – 57 นี้ บอกได้คำเดียวว่าเจ๊งบ๊งจริงๆครับ   สอดคล้องกับก่อนหน้านี้มีหมู่บ้านที่จะเกิดขึ้นบนสายสนามบินมากมายหลายโครงการ ตอนนี้ก็ต่างชะลอตัวกันหมด เพราะต่างทราบดีว่า  ในโลกนี้  “ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน “ จริง ๆ

เมื่อพิจารณาภาพรวมแล้วความแออัดของเทศบาลนครหาดใหญ่ น่าจะถึงจุดที่ต้องขยายเมืองแล้วจริงๆเสียที  ดังนั้น โครงการถนนเลี่ยงเมืองสายตะวันออก ที่มีแผนกันมานานแล้ว  เริ่มกลับมาพูดถึง และมีการทบทวนกันยกใหญ่ บวกกับจังหวะและโอกาส ที่ AEC จะเข้ามา และถนนมอเตอร์เวย์สายหาดใหญ่ – สะเดา มีแนวโน้มที่จะเกิดค่อนข้างสูง  ซึ่งถนนเลี่ยงเมืองสายตะวันออกจะเชื่อมโยง กับ ถนนมอเตอร์เวย์สายหาดใหญ่ – สะเดา ที่จะเกิดขึ้น เพื่อบายพาสรถเข้าสู่ถนนลพบุรีราเมศวร์ได้

ดังนั้น หากสังเกตช่วงนี้จะมีหลายภาคส่วนเริ่มกลับมาให้ความสนใจเรื่องดังกล่าวอย่างจริงๆจังๆอีกครั้งหนึ่ง  โดยสังเกตได้จากปัจจุบันกลุ่มทุนเริ่มมีการกว้านซื้อที่ดินในแนวถนนเลี่ยงเมืองสายตะวันออก ตั้งแต่ ต้นปี 55 แล้ว  ซึ่งตอนนี้ราคาที่ดินที่คาดว่าอยู่ในแนวเวนคืน น่าจะแทบไม่เหลือในมือเจ้าของเดิมอีกเลย  หากเหลือก็น้อยมากแทบนับแปลงได้

ทางทีมงานที่ดินหาดใหญ่ ซึ่งได้เกาะติดโครงการดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง  มีแหล่งข่าวภายในของแขวงการทางจังหวัดสงขลา  ได้ยืนยันกับทางทีมงานที่ดินหาดใหญ่ว่า โครงการดังกล่าวมีจริง  ศึกษาและบรรจุในแผนแม่บทจริง  แต่จะทำหรือไม่นั้น  ไม่แน่ใจ  เพราะปัจจุบันก็ยังไม่ได้ออกไปสำรวจอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเลย  และที่สำคัญถ้าเริ่มก่อสร้างเมื่อ  5 – 6 ปีที่แล้ว จะใช้งบประมาณไม่น่าจะเกิน  500 ล้านบาท  แต่ในปัจจุบันถ้าเอากันจริงๆ เงินลงทุนหลัก  1,000 ล้านบาท  อาจจะได้เห็น  แต่สิ่งหนึ่งที่ยังเป็นปัจจัยหลัก คือ กลุ่มทุนผู้ถือผลประโยชน์ตัวจริง กว้านซื้อที่ดินเสร็จหรือยัง  




อ่านต่อที่

http://www.teedinhatyai.com/show_news.php?news_id=10
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่