ผมมีพี่สาว 1 คนครับ ผมเป็นผู้ชายคนเล็ก
เราไม่ได้อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ เนื่องจากปัญหาเรื่องสุขภาพของพี่สาวผม
พี่สาวผมจึงไปอยู่กับน้าสาวตั้งแต่เด็กๆ ส่วนผมอยู่กับพ่อแม่
เมื่อโตขึ้นจนอายุผม 12 พี่สาวผม 14 จึงได้มาอยู่ด้วยกันครับ
เพราะคุณแม่ซ่อมบ้านที่เคยปล่อยเช่าจนเสร็จแล้ว แล้วอยากให้พี่ๆน้องๆ
ได้อยู่ด้วยกัน ซึ่งเป็นความฝันของคุณแม่ผมเลยครับ ในบ้านจึงประกอบด้วย
น้าสาวผม 2 คน (ไม่แต่งงานทั้งคู่) พี่สาวผม ตัวผม แต่คุณพ่อคุณแม่ผมไม่ยอม
ย้ายมาอยู่ด้วย เพราะชอบบ้านเช่าเล็กๆหลังเดิมจึงอยู่ที่นั้น
ความอัดอั้นตันใจของผมก็เริ่มขึ้นตั้งแต่นั้นมา
น้าสาวผม 2 คน รักพี่สาวผมเหมือนลูกแท้ๆ เพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ
ส่วนตัวผมเองนั้นคุณแม่รักมากยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง ซึ่งตรงจุดนี้
ผมรู้สึกได้เลยว่าพี่สาวผมไม่พอใจตรงนี้มากๆ เอะอะอะไรก็บอกว่ารักน้องมากกว่าๆ
แต่หารู้ไม่ว่าตัวเองนั้นมีน้าๆถึง 4 คนที่คอยดูแลเอาใจใส่ไม่แพ้แม่แท้ๆที่ให้กำเนิดเลย
บ้านหลังนี้ควรจะเป็นสิ่งสวยงามอย่างที่คุณแม่วาดฝันไว้
แต่ผมต้องโดนกลั่นแกล้ง โดนดูถูกสารพัด เนื่องจากสมัยเด็กๆ ผมเป็นเด็กซน
และไม่เอาไหนในเรื่องเรียนจึงถูกผู้ใหญ่รังเกียด หาว่าโง่ เป็นคนไม่ดี
ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย เรียนไม่เก่ง = เด็กไม่ดี เป็นตรรกะที่วิบัติมากๆของ
ครอบครัวผม
ส่วนเรื่องที่โดนแกล้งนั้น เช่น
หาว่าไม่ล็อคประตูบ้านแล้วยึดกุญแจ อันนี้ผมสาบานได้ว่าล็อคแล้วแน่ๆ เพราะกุญแจ
จะดึงออกไม่ได้ แต่ผมเดินเอากุญแจมาแขวนไว้
หาว่าไม่ปิดเตารีด สมัยนั้นผมรีดผ้าไม่เป็นครับ ไม่เคยแตะต้องเตารีดเลย
หาว่าไม่ปิดน้ำ ผมกลัวผีครับไม่กล้าลงมาห้องน้ำคนเดียวตอนกลางคืน
เวลาทานข้าวมี 4 คน พี่สาวเดินไปหยิบ จาน ชาม ช้อน ซ้อม จะหยิบมา 3 ชุด
ไม่ยอมหยิบให้เพราะกลัวเสียศักดิ์ศรี
ตอนปิดเทอมผมและพี่จะนอนตื่นสายกัน น้าสาวผมจะซื้อข้าวมาแขวนไว้หน้าบ้าน
โดยซื้อมา 1 ถุงให้พี่สาว อีก 1 ถุงให้หมาที่บ้าน ส่วนผมต้องออกมากินเอง
เพราะ กลัวเสียศักดิ์ศรี
และยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมเล่ายังไงก็ไม่หมด แต่จะขอเล่าเรื่องที่ทะเลาะกันหนักๆ
วันนั้นผมเข็นตู้เสื้อผ้าตัวเองออกมาไว้นอกห้องแล้วขออนุญาตแม่และน้าไว้แล้ว
และให้ท่านขึ้นมาดูว่าเกะกะไหม แม่และน้าอนุญาตบอกว่าไม่เกะกะ
เพราะผมจะย้ายตู้หนังสือของผมเข้าไปแทน จึงเข็นตู้เสื้อผ้าออกมา
วันรุ่งขึ้นผมกลับมาจากมหาลัยเห็นตู้เสื้อผ้าหายไป ก็งงว่าหายไปไหน
เดินเข้าห้องไปดูเจอตู้เสื้อผ้าอยู่ในห้อง จึงไปถามพี่ว่า
ผม : เจ๊เอาย้ายเข้าไปเหรอ
พี่สาว : เออ กุย้ายเองแหละ
ผม : ย้ายทำไม ทำไมไม่โทรมาถามก่อน
พี่สาว : ทำไมกุต้องถามมืงก็กุอยากย้าย
ผม : เฮ้ยๆพูดดีๆ กุขอแม่เอาไว้ข้างนอกแล้ว
พี่สาว : ทำไมละ ก็มันเกะกะ กุไม่ให้ไว้ข้างนอกไว้ห้องมืงเองดิ
ผม : น้อยๆหน่อยนี้บ้านมืงเหรอ
พี่สาว : แล้วมืงจะทำไม
ผม : กุจะย้ายตู้ออกไง
พี่สาว : มืงลองดูดิ
ผม : งั้นมืงก็ขึ้นมาดูว่ากุจะย้ายจริงไหม
ผมขึ้นห้องเปิดประตูลากออกมาทันที พี่สาวผมไม่ยอมโวยวาย
ไปฟ้องแม่ที่ตลาด (แม่ผมขายไข่อยู่ตลาดกับน้า)
แต่รอบนี้ฟ้ามีตา พี่สาวผมโดนแม่และน้าบอกว่าเป็นคนอนุญาตเอง
พี่สาวผมก็ไม่ยอมจะให้ย้ายตู้เข้าให้ได้จนแม่ผมชักรำคาญเลยด่าให้
(แม่ผมไม่เคยด่าลูกด้วยคำหยาบคายถึงแม้จะเป็นแม่ค้าปากตลาด)
น่าจะพูดประมาณว่า มืงอย่าเรื่องมาก อย่าทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ น่ารำคาญ
ตกทุ่มเศษๆผมกลับมาถึงบ้านหลังจากเล่นบาสเสร็จ
กลับโดนน้า 2 คนรุมด่า
น้า1 : มืงมันเด็ก here
น้า2 : มืงมันนรกส่งมาเกิด animal
ผม : ????? อะไรของพวกอาอี๊เนี้ย?
จงเดินขึ้นห้องโทรหาแม่ แม่ผมเล่าให้ฟังว่า
พี่สาวผมไม่ยอมยังไงก็จะให้เอาตู้ไว้ในห้องผมให้ได้ ถ้าเรื่องแค่นี้แม่และน้ายังเข้าข้าง
ผมอยู่ พี่สาวผมจะไม่ยอมกลับบ้าน จะอยู่บ้านเพื่อนและถ้าไม่มีเงินจะไปขายตัว
เฮ้ออออ สุดท้ายผมยอมให้ทุกคนสบายใจ เข็นตู้เข้าห้องตัวเอง
คิดว่าถ้าอยากชนะผมมากผมจะยอมแพ้ให้ ผมเข้าใจนะ ขาดความอบอุ่น
โดนเลี้ยงแบบตามใจก็เป็นแบบนี้แหละ ใครขัดใจไม่ได้
จนเหตุการณ์วันนี้ผมระงับตัวเองเกือบไม่อยู่ น้ำตามันไหลออกมาเอง
คือ วันนี้ผมเข้าไปตลาดหาแม่ตอนเย็นเพื่อช่วยงานท่านตามปกติ
เจอพี่สาวผมนั่งคุยกับแม่อยู่ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร
เดินไปหาข้าวหาปลากินเพราะหิวมาก และจะรีบทำงานต่อ
ต่อไปนี้เป็นบทสนทนาของพี่สาวผมกับแม่
แม่ : เดินทางปลอดภัยนะ หนิ- ขอให้เจอแต่ผู้โดยสารดีๆ
(พี่สาวผมเป็นแอร์)
พี่สาว : แม่ก็ดูแลตัวเองนะ บลาๆๆๆๆๆ .....
พี่สาว : หนิ- รักแม่นะ แม้ว่าแม่จะรักโจ้มากกว่าหนิวก็เถอะ
(พูดพร้อมกับน้ำเสียงเชิงเยาะเย้ย)
แม่ : (ยิ้มๆ พร้อมเหล่มามองที่ผม เพราะรู้ว่าบรรยากาศไม่ดีละ)
ผม: (วางช้อนกินข้าวลง พร้อมทั้งนั่งจ้องหน้าพี่สาวตัวเองแบบไม่ยิ้มหน้านิ่งๆ)
(ในใจตอนนั้นโมโหมาก อยากจะลุกไปต่อยหน้ามันสักที)
พี่สาว : หนิ- ไปละนะแม่ คิดถึงแม่นะ
ผมลุกขึ้นยืน เดินไปที่รถ ขับกลับบ้านมาเข้าห้องน้ำแล้วน้ำตามันก็ไหลออกมา
ถามตัวเองว่า เราบกพร่องตรงไหน ทำไมพี่สาวถึงเกลียดเรา เฮ้อออ
จากนั้นผมก็กลับมาตลาดทำงานต่อแต่ก็ไม่อาจหลบพ้นสายตาของแม่ไปได้
แม่ : อย่าคิดอะไรมากเลย โจ้
ผม : .....
ผม : เพื่อความสบายใจของแม่ โจ้ยินดีที่จะทำครับ ...
ปล. เจ๊ หากเจ๊มาอ่านเจอโจ้รู้ว่าคงไม่มีอะไรเปลี่ยนนิสัยเจ๊ได้ คนเรามั่นใจตัวเอง
เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามั่นใจจนไม่ฟังใครระวังจะเจ็บตัวเอง และเลิกทำให้แม่กังวลเถอะ
อย่าคิดแค่ว่าขอให้ได้แขวะ เพราะคนฟังอย่างโจ้ไม่อยากจะสนใจ เป็นแอร์ความคิด
ความอ่านน่าจะดีกว่านี้นะ หากโจ้ไม่เห็นแก่หน้าแม่ครั้งแล้วครั้งเล่าสักวันปากเจ๊
ก็คงโดนเท้าโจ้จริงๆ แล้วจะกวดน้ำแผ่ส่วนกุศลให้
รู้สึกเกลียดพี่สาวตัวเองมาก จนอยากจะต่อยหน้ามันสักที
เราไม่ได้อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ เนื่องจากปัญหาเรื่องสุขภาพของพี่สาวผม
พี่สาวผมจึงไปอยู่กับน้าสาวตั้งแต่เด็กๆ ส่วนผมอยู่กับพ่อแม่
เมื่อโตขึ้นจนอายุผม 12 พี่สาวผม 14 จึงได้มาอยู่ด้วยกันครับ
เพราะคุณแม่ซ่อมบ้านที่เคยปล่อยเช่าจนเสร็จแล้ว แล้วอยากให้พี่ๆน้องๆ
ได้อยู่ด้วยกัน ซึ่งเป็นความฝันของคุณแม่ผมเลยครับ ในบ้านจึงประกอบด้วย
น้าสาวผม 2 คน (ไม่แต่งงานทั้งคู่) พี่สาวผม ตัวผม แต่คุณพ่อคุณแม่ผมไม่ยอม
ย้ายมาอยู่ด้วย เพราะชอบบ้านเช่าเล็กๆหลังเดิมจึงอยู่ที่นั้น
ความอัดอั้นตันใจของผมก็เริ่มขึ้นตั้งแต่นั้นมา
น้าสาวผม 2 คน รักพี่สาวผมเหมือนลูกแท้ๆ เพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ
ส่วนตัวผมเองนั้นคุณแม่รักมากยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง ซึ่งตรงจุดนี้
ผมรู้สึกได้เลยว่าพี่สาวผมไม่พอใจตรงนี้มากๆ เอะอะอะไรก็บอกว่ารักน้องมากกว่าๆ
แต่หารู้ไม่ว่าตัวเองนั้นมีน้าๆถึง 4 คนที่คอยดูแลเอาใจใส่ไม่แพ้แม่แท้ๆที่ให้กำเนิดเลย
บ้านหลังนี้ควรจะเป็นสิ่งสวยงามอย่างที่คุณแม่วาดฝันไว้
แต่ผมต้องโดนกลั่นแกล้ง โดนดูถูกสารพัด เนื่องจากสมัยเด็กๆ ผมเป็นเด็กซน
และไม่เอาไหนในเรื่องเรียนจึงถูกผู้ใหญ่รังเกียด หาว่าโง่ เป็นคนไม่ดี
ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย เรียนไม่เก่ง = เด็กไม่ดี เป็นตรรกะที่วิบัติมากๆของ
ครอบครัวผม
ส่วนเรื่องที่โดนแกล้งนั้น เช่น
หาว่าไม่ล็อคประตูบ้านแล้วยึดกุญแจ อันนี้ผมสาบานได้ว่าล็อคแล้วแน่ๆ เพราะกุญแจ
จะดึงออกไม่ได้ แต่ผมเดินเอากุญแจมาแขวนไว้
หาว่าไม่ปิดเตารีด สมัยนั้นผมรีดผ้าไม่เป็นครับ ไม่เคยแตะต้องเตารีดเลย
หาว่าไม่ปิดน้ำ ผมกลัวผีครับไม่กล้าลงมาห้องน้ำคนเดียวตอนกลางคืน
เวลาทานข้าวมี 4 คน พี่สาวเดินไปหยิบ จาน ชาม ช้อน ซ้อม จะหยิบมา 3 ชุด
ไม่ยอมหยิบให้เพราะกลัวเสียศักดิ์ศรี
ตอนปิดเทอมผมและพี่จะนอนตื่นสายกัน น้าสาวผมจะซื้อข้าวมาแขวนไว้หน้าบ้าน
โดยซื้อมา 1 ถุงให้พี่สาว อีก 1 ถุงให้หมาที่บ้าน ส่วนผมต้องออกมากินเอง
เพราะ กลัวเสียศักดิ์ศรี
และยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมเล่ายังไงก็ไม่หมด แต่จะขอเล่าเรื่องที่ทะเลาะกันหนักๆ
วันนั้นผมเข็นตู้เสื้อผ้าตัวเองออกมาไว้นอกห้องแล้วขออนุญาตแม่และน้าไว้แล้ว
และให้ท่านขึ้นมาดูว่าเกะกะไหม แม่และน้าอนุญาตบอกว่าไม่เกะกะ
เพราะผมจะย้ายตู้หนังสือของผมเข้าไปแทน จึงเข็นตู้เสื้อผ้าออกมา
วันรุ่งขึ้นผมกลับมาจากมหาลัยเห็นตู้เสื้อผ้าหายไป ก็งงว่าหายไปไหน
เดินเข้าห้องไปดูเจอตู้เสื้อผ้าอยู่ในห้อง จึงไปถามพี่ว่า
ผม : เจ๊เอาย้ายเข้าไปเหรอ
พี่สาว : เออ กุย้ายเองแหละ
ผม : ย้ายทำไม ทำไมไม่โทรมาถามก่อน
พี่สาว : ทำไมกุต้องถามมืงก็กุอยากย้าย
ผม : เฮ้ยๆพูดดีๆ กุขอแม่เอาไว้ข้างนอกแล้ว
พี่สาว : ทำไมละ ก็มันเกะกะ กุไม่ให้ไว้ข้างนอกไว้ห้องมืงเองดิ
ผม : น้อยๆหน่อยนี้บ้านมืงเหรอ
พี่สาว : แล้วมืงจะทำไม
ผม : กุจะย้ายตู้ออกไง
พี่สาว : มืงลองดูดิ
ผม : งั้นมืงก็ขึ้นมาดูว่ากุจะย้ายจริงไหม
ผมขึ้นห้องเปิดประตูลากออกมาทันที พี่สาวผมไม่ยอมโวยวาย
ไปฟ้องแม่ที่ตลาด (แม่ผมขายไข่อยู่ตลาดกับน้า)
แต่รอบนี้ฟ้ามีตา พี่สาวผมโดนแม่และน้าบอกว่าเป็นคนอนุญาตเอง
พี่สาวผมก็ไม่ยอมจะให้ย้ายตู้เข้าให้ได้จนแม่ผมชักรำคาญเลยด่าให้
(แม่ผมไม่เคยด่าลูกด้วยคำหยาบคายถึงแม้จะเป็นแม่ค้าปากตลาด)
น่าจะพูดประมาณว่า มืงอย่าเรื่องมาก อย่าทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ น่ารำคาญ
ตกทุ่มเศษๆผมกลับมาถึงบ้านหลังจากเล่นบาสเสร็จ
กลับโดนน้า 2 คนรุมด่า
น้า1 : มืงมันเด็ก here
น้า2 : มืงมันนรกส่งมาเกิด animal
ผม : ????? อะไรของพวกอาอี๊เนี้ย?
จงเดินขึ้นห้องโทรหาแม่ แม่ผมเล่าให้ฟังว่า
พี่สาวผมไม่ยอมยังไงก็จะให้เอาตู้ไว้ในห้องผมให้ได้ ถ้าเรื่องแค่นี้แม่และน้ายังเข้าข้าง
ผมอยู่ พี่สาวผมจะไม่ยอมกลับบ้าน จะอยู่บ้านเพื่อนและถ้าไม่มีเงินจะไปขายตัว
เฮ้ออออ สุดท้ายผมยอมให้ทุกคนสบายใจ เข็นตู้เข้าห้องตัวเอง
คิดว่าถ้าอยากชนะผมมากผมจะยอมแพ้ให้ ผมเข้าใจนะ ขาดความอบอุ่น
โดนเลี้ยงแบบตามใจก็เป็นแบบนี้แหละ ใครขัดใจไม่ได้
จนเหตุการณ์วันนี้ผมระงับตัวเองเกือบไม่อยู่ น้ำตามันไหลออกมาเอง
คือ วันนี้ผมเข้าไปตลาดหาแม่ตอนเย็นเพื่อช่วยงานท่านตามปกติ
เจอพี่สาวผมนั่งคุยกับแม่อยู่ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร
เดินไปหาข้าวหาปลากินเพราะหิวมาก และจะรีบทำงานต่อ
ต่อไปนี้เป็นบทสนทนาของพี่สาวผมกับแม่
แม่ : เดินทางปลอดภัยนะ หนิ- ขอให้เจอแต่ผู้โดยสารดีๆ
(พี่สาวผมเป็นแอร์)
พี่สาว : แม่ก็ดูแลตัวเองนะ บลาๆๆๆๆๆ .....
พี่สาว : หนิ- รักแม่นะ แม้ว่าแม่จะรักโจ้มากกว่าหนิวก็เถอะ
(พูดพร้อมกับน้ำเสียงเชิงเยาะเย้ย)
แม่ : (ยิ้มๆ พร้อมเหล่มามองที่ผม เพราะรู้ว่าบรรยากาศไม่ดีละ)
ผม: (วางช้อนกินข้าวลง พร้อมทั้งนั่งจ้องหน้าพี่สาวตัวเองแบบไม่ยิ้มหน้านิ่งๆ)
(ในใจตอนนั้นโมโหมาก อยากจะลุกไปต่อยหน้ามันสักที)
พี่สาว : หนิ- ไปละนะแม่ คิดถึงแม่นะ
ผมลุกขึ้นยืน เดินไปที่รถ ขับกลับบ้านมาเข้าห้องน้ำแล้วน้ำตามันก็ไหลออกมา
ถามตัวเองว่า เราบกพร่องตรงไหน ทำไมพี่สาวถึงเกลียดเรา เฮ้อออ
จากนั้นผมก็กลับมาตลาดทำงานต่อแต่ก็ไม่อาจหลบพ้นสายตาของแม่ไปได้
แม่ : อย่าคิดอะไรมากเลย โจ้
ผม : .....
ผม : เพื่อความสบายใจของแม่ โจ้ยินดีที่จะทำครับ ...
ปล. เจ๊ หากเจ๊มาอ่านเจอโจ้รู้ว่าคงไม่มีอะไรเปลี่ยนนิสัยเจ๊ได้ คนเรามั่นใจตัวเอง
เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามั่นใจจนไม่ฟังใครระวังจะเจ็บตัวเอง และเลิกทำให้แม่กังวลเถอะ
อย่าคิดแค่ว่าขอให้ได้แขวะ เพราะคนฟังอย่างโจ้ไม่อยากจะสนใจ เป็นแอร์ความคิด
ความอ่านน่าจะดีกว่านี้นะ หากโจ้ไม่เห็นแก่หน้าแม่ครั้งแล้วครั้งเล่าสักวันปากเจ๊
ก็คงโดนเท้าโจ้จริงๆ แล้วจะกวดน้ำแผ่ส่วนกุศลให้